xs
xsm
sm
md
lg

อเบอร์ดีนมั่นใจหุ้นกู้เอกชนแกร่ง ลุ้นผลตอบแทนกองหุ้นปีนี้6-7%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ. อเบอร์ดีน มั่นใจ หุ้นกู้ภาคเอกชนน่าลงทุน เพราะให้ผลตอบแทนดี พร้อมชูกลยุทธ์ลงทุนหุ้น ให้นํ้าหนักกลุ่มที่มีความแข็งแกร่ง จ่ายปันผลสูง มั่นใจทั้งปีดันผลตอบแทนโตเฉลี่ยอยู่ที่ 6-7% เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ยํ้าภาพ "อเบอร์ดีน" เน้นลงทุนเต็ม 100% และถือเงินสดไม่เกิน 5% เปิดโอกาสให้นักลงทุน ลงทุนหุ้นได้เต็มที่

นายอดิเทพ วรรณพฤกษ์
นายอดิเทพ วรรณพฤกษ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยถึงสถานการณ์ของอุตสาหกรรมกองทุนรวมในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงนี้ว่า จากที่มีความกังวลกันว่านักลงทุนจะถอนเงินลงทุนกันกลับไปที่ประเทศของตนเองกันมาก และจะส่งผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นของอุตสาหกรรมของกองทุนรวมนั้น เชื่อว่าจะไม่มีการถอนเงินลงทุนไปมากกว่านี้ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่จะเริ่มมองถึงการลงทุนในระยะยาวกันมากขึ้นแล้วในขณะนี้

ทั้งนี้ แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในส่วนของสถาบันการเงินรวมถึงอุตสาหรรมกองทุนรวมด้วย โดยในช่วงที่เกิดภาวะวิกฤตของสถาบันการเงินนั้น ทำให้ภาคการลงทุนต่างๆเกิดการทรุดตัวลงไป ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมาการลงทุนในสถาบันการเงินของต่างประเทศมีความซับซ้อนมาก ดังนั้น ในปีนี้การลงทุนจะเป็นในลักษณะของการหนีความเสี่ยงไปที่สู่การลงทุนที่มีความมั่นคงและให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งในปีนี้จะเป็นการลงทุนในหุ้นกู้ของภาคเอกชนกันมากขึ้น

นายอดิเทพ กล่าวต่อว่า ภาพรวมการบริหารพอร์ตกองทุนรวมหุ้นปีนี้จะให้น้ำหนักลงทุนหุ้นกลุ่มที่มีฐานะการเงินและกระแสเงินสดแข็งแกร่ง ซึ่งจะส่งผลให้กองทุนมีความสามารถจ่ายปันผลสูง โดยจะเน้นพิจารณาหุ้นเป็นรายตัวมากกว่ามูลค่าตลาดขนาดใหญ่(มาร์เก็ตแคป)

ทั้งนี้ แต่ละกองทุนหุ้นจะลงทุนในหุ้นไม่เกิน 30 ตัว โดยแต่ละตัวจะมีสัดส่วนการลงทุนไม่เกิน 10%ของพอร์ต และในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมจะมีสัดส่วนไม่เกิน 20-25% ซึ่งปีนี้จะใช้โอกาสช่วงที่ราคาปรับลดลงมาเข้าไปซื้อเพิ่ม และเมื่อราคาขยับเพิ่มขึ้นก็จะมีการขายทำกำไรไปบ้าง ซึ่ง ปัจจุบันบริษัทให้ลงทุนน้ำหนักลงทุนในหุ้นพาณิชย์ที่เน้น MAKRO พร้อมทั้งกลุ่มพลังงานโรงไฟฟ้า นอกจากนี้บริษัทจะเพิ่มสัดส่วนหุ้นกลุ่มสื่อสาร เช่น ADVANC เพิ่มขึ้น เพราะประเมินว่าการดำเนินธุรกิจจะไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจเท่ากับกลุ่มธุรกิจอื่นๆ

ดังนั้น แนวโน้มอัตราผลตอบแทนกองทุนหุ้นปีนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ 6-7% เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ที่มีผลตอบแทนจากการลงทุนในประมาณ 5-6% รวมทั้งประเมินว่าตลาดหุ้นไทยปีนี้จะไม่ปรับลดลงรุนแรงเท่ากับปีที่ผ่านมา

"ทุกวันนี้ เราลงทุนหุ้นในสัดส่วนที่สูง เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนระยะยาว สำหรับหุ้นที่ลงทุนทั้งขนาดใหญ่ เช่นกลุ่มปตท. ปูนใหญ่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น"

นายอดิเทพกล่าวว่า การลงทุนของกองทุนหุ้น เราจะลงทุนใน 100% เต็มไม่ว่าจะอยู่ในภาวะอย่างไร จะไม่มีการถือเงินสดไว้เป็นจำนวนมาก หากมีการถือเงินสดจะถือไวเพียงสัดส่วนไม่เกิน 5% เท่านั้น เนื่องจากมองว่า หากนักลงทุนต้องการลงทุนในหุ้นก็จะให้ลงทุนในหุ้นได้เต็มที่ จึงไม่จำเป็นต้องมีการถือเงินสดเอาไว้แต่อย่างใด เพราะนักลงทุนจะเลือกเองว่าต้องการลงทุนในหุ้นหรือลงทุนในส่วนอื่นที่ไม่ใช่กองหุ้น แต่ทางบริษัทจะมีการปรับพอร์ตการลงทุนบ้างเพื่อความเหมาะสมในสถานการณ์ โดยจะเลือกดูบริษัทที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง ไม่มีหนี้มาก มีกระแสเงินสดดี เพราะบริษัทที่มีหนี้มากอาจจะหาเงินทุนได้ลำบากโดยฉพาะในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แบงก์ก็ชะลอการปล่อยสินเชื่อ การจะไปออกหุ้นกู้เพื่อระดมทุนเองก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และเน้นไปที่บริษัทซึ่งพึ่งพิงการเติบโตในประเทศเป็น หลักแม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวแต่ก็ยังได้รับผลกระทบที่น้อยกว่าบริษัทที่พึ่งพิงการส่งออก ซึ่งน่าจะได้รับผลกระทบมากกว่าจากการที่ดีมานด์ในต่างประเทศที่หายไปจากวิกฤติเศรษฐกิจในครั้งนี้ ปัจจุบันหุ้นในพอร์ตกองทุนบลจ.อเบอร์ดีนมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำมากเพียง 0.2 เท่า

สำหรับแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ในปัจจุบันเชื่อว่ามีน้อยลงมากแล้ว และเขาก็มีเหตุผลที่จะออกไป ทั้งจากปัจจัยภายนอกที่เขามีความต้องการเงินไปแก้ไขปัญหา และปัจจัยภายในจากปัญหาในประเทศที่เราสร้างขึ้นมาเองในส่วนของปัญหาทางการเมือง ต้องไม่ลืมว่านักลงทุนต่างชาติมีทางเลือกในการลงทุนมาก ในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นในตลาดเอเชียต่างปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก บางตลาดแม้ราคาหุ้นจะไม่ถูกเท่าไทยแต่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงด้านการเมือง ในกรณีเช่นนี้ เขาก็อาจจะเลือกไปลงทุนในประเทศอื่นได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติในระยะยาวที่ยังคงอยู่ในตลาดหุ้นไทยก็มีสัดส่วนมากเช่นเดียวกัน

นางสาวพรสันต์ หัตถีรัตน์ หัวหน้าฝ่ายกองทุนตราสารหนี้ บลจ.อเบอร์ดีน กล่าวว่า โอกาสการลงทุนในตราสารนี้ในตลาดต่างประเทศจะมีมากกว่า โดยเฉพาะในส่วนของสินทรัพย์ที่แปลงเป็นหลักทรัพย์ (Securitised Asset) ซึ่งราคาปรับตัวลงมามาก อย่างไรก็ตาม บลจ.อเบอร์ดีนยังไม่มีแผนที่จะนำกองทุนต่างประเทศในลักษณะนี้เข้ามานำเสนอกับนักลงทุนไทยแต่ประการใด ในส่วนของการลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยเองยังคงระมัดระวังการลงทุนในหุ้นกู้เอกชน เพราะตลาดหุ้นกู้เอกชนในประเทศไทยไม่มีสภาพคล่อง ดังนั้นกองทุนตราสารหนี้ในประเทศบริษัทจะเน้นไปที่พันธบัตรรัฐบาลเป็นหลัก
กำลังโหลดความคิดเห็น