บลจ.ทิสโก้ปลื้มกอง"สเปเชี่ยล พลัส 7"ยอดจองเกินคาด เตรียส่งกอง 8 ล่อใจนักลงทุนต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ 4-13 กุมภาพันธ์นี้ มั่นใจเป็นทางเลือกที่ดี ในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาลง พร้อมการรันตีความเชื่อมั่นเลือกหุ้นกู้ของบริษัทที่มีความแข็งแกร่งทางการเงินสูงเท่านั้น เพื่อความสบายใจของลูกค้า
นายพิชา รัตนธรรม ผู้อำนวยการธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทเปิดขาย "กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 7" ในระหว่างวันที่ 23 -30 ม.ค. ที่ผ่านมา ปรากฏว่ากองดังกล่าวได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี โดยหลังจากปิดขายไอพีโอสามารถระดมทุนด้วยยอดจองซื้อกว่า 320 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 200 ล้านบาท
ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทจึงเตรียมเปิดขายกองทุนซี่รีย์ต่อเนื่องกองที่ 8 นั่นคือ "กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 8"อายุโครงการประมาณ 2 ปี มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ในระหว่างวันที่ 4-13 ก.พ. 52 นี้ ซึ่งกองทุนี้จะมีนโยบายการลงทุนใกล้เคียงกับ "กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 1-7" ซีรีย์ก่อนหน้านี้ โดยจะเป็นกองตราสารหนี้ในประเทศที่มุ่งเน้นลงทุนในตราสารหนี้ธนาคารพาณิชย์และบริษัทเอกชนในประเทศที่มีคุณภาพ โดยมีระยะเวลาลงทุนประมาณ 2 ปี จ่ายผลตอบแทนสม่ำเสมอทุกๆ 6 เดือน (Auto Redemption)
นายพิชา กล่าวอีกว่า สาเหตุที่เราเสนอขายกองทุนเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ เนื่องจากเราพบว่าผู้ลงทุนต้องการจัดสรรเงินลงทุนในเวลาที่แตกต่างกัน เพื่อรักษาสภาพคล่องของเงินลงทุนของตนเองไว้ และการที่เราเลือกออกกองตราสารหนี้อายุ 2 ปี เนื่องจากมองว่าตราสารหนี้เอกชนอายุประมาณ 2 ปี ให้ผลตอบแทนส่วนเพิ่มที่สูง เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุใกล้เคียงกัน
"เราได้คัดสรรหุ้นกู้ของบริษัทที่มีความสามารถในการชำระคืนหนี้ในระดับที่ดี และมีความแข็งแกร่งทางการเงินสูง เพราะเชื่อว่าแนวโน้มดอกเบี้ยในปีนี้จะยังเป็นขาลง ทั้งในส่วนของดอกเบี้ยนโยบาย ดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ รวมถึงผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาล"นายพิชากล่าว
นอกจากนี้ การขยายอายุของตราสารหนี้ที่จะลงทุนให้ยาวขึ้นของกองทุนนี้ เชื่อว่าจะช่วยล็อกผลตอบแทนที่ดีเอาไว้ ก่อนที่อัตราดอกเบี้ยจะลดต่ำลงไปอีก ซึ่งเชื่อว่าเมื่อกองทุนครบอายุ ผู้ลงทุนจะได้ลงทุนต่อในอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า กองทุนดังกล่าวจึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีในช่วงนี้
อนึ่ง บลจ.ทิสโก้ตั้งเป้าการเติบโตของสินทรัพย์รวมภายใต้การบริหาร(AUM)ในปีนี้ เอาไว้ที่ประมาณ 20% โดยกองทุนที่จะเสนอขายให้กับนักลงทุนในครึ่งปีแรกในส่วนของตราสารหนี้จะเป็นกองทุนในซีรีสซ์ สเปเชี่ยลพลัส ที่ลงทุนในตราสารหนี้เอกชนอายุ 2 ปี ซึ่งได้นำเสนอขายแก่นักลงทุนไปก่อนหน้านี้แล้วจำนวน 6 กองทุน ส่วนกองตราสารทุนจะเน้นกองทุนในตระกูล เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ทริกเกอร์ 15% เป็นหลัก ส่วนกองตราสารทุนในประเทศจะนำเสนอกองทุนที่มีอยู่แล้วให้กับนักลงทุน
สำหรับ AUM ของบลจ.ทิสโก้ในปีที่ผ่านมาพบว่า อยู่ที่ 106,985 ล้านบาท แบ่งเป็น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 68,525 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 64.1%, กองทุนส่วนบุคคล 23,848 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 22.3% และกองทุนรวม 14,612 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 13.7% โดยเฉพาะธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่บริษัทสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำตลาด โดยมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 เอาไว้ได้อย่างต่อเนื่อง
นายพิชา รัตนธรรม ผู้อำนวยการธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทเปิดขาย "กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 7" ในระหว่างวันที่ 23 -30 ม.ค. ที่ผ่านมา ปรากฏว่ากองดังกล่าวได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี โดยหลังจากปิดขายไอพีโอสามารถระดมทุนด้วยยอดจองซื้อกว่า 320 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 200 ล้านบาท
ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทจึงเตรียมเปิดขายกองทุนซี่รีย์ต่อเนื่องกองที่ 8 นั่นคือ "กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 8"อายุโครงการประมาณ 2 ปี มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ในระหว่างวันที่ 4-13 ก.พ. 52 นี้ ซึ่งกองทุนี้จะมีนโยบายการลงทุนใกล้เคียงกับ "กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 1-7" ซีรีย์ก่อนหน้านี้ โดยจะเป็นกองตราสารหนี้ในประเทศที่มุ่งเน้นลงทุนในตราสารหนี้ธนาคารพาณิชย์และบริษัทเอกชนในประเทศที่มีคุณภาพ โดยมีระยะเวลาลงทุนประมาณ 2 ปี จ่ายผลตอบแทนสม่ำเสมอทุกๆ 6 เดือน (Auto Redemption)
นายพิชา กล่าวอีกว่า สาเหตุที่เราเสนอขายกองทุนเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ เนื่องจากเราพบว่าผู้ลงทุนต้องการจัดสรรเงินลงทุนในเวลาที่แตกต่างกัน เพื่อรักษาสภาพคล่องของเงินลงทุนของตนเองไว้ และการที่เราเลือกออกกองตราสารหนี้อายุ 2 ปี เนื่องจากมองว่าตราสารหนี้เอกชนอายุประมาณ 2 ปี ให้ผลตอบแทนส่วนเพิ่มที่สูง เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุใกล้เคียงกัน
"เราได้คัดสรรหุ้นกู้ของบริษัทที่มีความสามารถในการชำระคืนหนี้ในระดับที่ดี และมีความแข็งแกร่งทางการเงินสูง เพราะเชื่อว่าแนวโน้มดอกเบี้ยในปีนี้จะยังเป็นขาลง ทั้งในส่วนของดอกเบี้ยนโยบาย ดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ รวมถึงผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาล"นายพิชากล่าว
นอกจากนี้ การขยายอายุของตราสารหนี้ที่จะลงทุนให้ยาวขึ้นของกองทุนนี้ เชื่อว่าจะช่วยล็อกผลตอบแทนที่ดีเอาไว้ ก่อนที่อัตราดอกเบี้ยจะลดต่ำลงไปอีก ซึ่งเชื่อว่าเมื่อกองทุนครบอายุ ผู้ลงทุนจะได้ลงทุนต่อในอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า กองทุนดังกล่าวจึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีในช่วงนี้
อนึ่ง บลจ.ทิสโก้ตั้งเป้าการเติบโตของสินทรัพย์รวมภายใต้การบริหาร(AUM)ในปีนี้ เอาไว้ที่ประมาณ 20% โดยกองทุนที่จะเสนอขายให้กับนักลงทุนในครึ่งปีแรกในส่วนของตราสารหนี้จะเป็นกองทุนในซีรีสซ์ สเปเชี่ยลพลัส ที่ลงทุนในตราสารหนี้เอกชนอายุ 2 ปี ซึ่งได้นำเสนอขายแก่นักลงทุนไปก่อนหน้านี้แล้วจำนวน 6 กองทุน ส่วนกองตราสารทุนจะเน้นกองทุนในตระกูล เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ทริกเกอร์ 15% เป็นหลัก ส่วนกองตราสารทุนในประเทศจะนำเสนอกองทุนที่มีอยู่แล้วให้กับนักลงทุน
สำหรับ AUM ของบลจ.ทิสโก้ในปีที่ผ่านมาพบว่า อยู่ที่ 106,985 ล้านบาท แบ่งเป็น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 68,525 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 64.1%, กองทุนส่วนบุคคล 23,848 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 22.3% และกองทุนรวม 14,612 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 13.7% โดยเฉพาะธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่บริษัทสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำตลาด โดยมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 เอาไว้ได้อย่างต่อเนื่อง