คอลัมน์ คุยกับผู้จัดการกองทุน
โดยบลจ. แอสเซท พลัส
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา SET INDEX ปรับตัวลดลง 12.27 จุดหรือ 2.73% โดย ณ วันที่ 30 ม.ค.52 SET ปิดที่ระดับ 437.69 จุด มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันประมาณ 10,575.86 ล้านบาท ในช่วงต้นเดือน SET ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากสิ้นปีตอบรับต่อข่าวดีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ผ่านการใช้นโยบายการคลังโดยการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล หลังจากนั้นได้ปรับตัวลดลงตามตลาดต่างประเทศจากการปรับฐานหลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 1 สัปดาห์ โดยเริ่มจากตลาดหุ้นอินเดียที่ประสบปัญหาด้านความโปร่งใสของข้อมูลเมื่อบริษัทผลิตและส่งออกซอฟต์แวร์อันดับ 4 ของอินเดีย Satyam ยอมรับถึงการตกแต่งตัวเลขทางบัญชี หลังจากนั้นความกังวลเกี่ยวกับปัญหาตลาดแรงงานตกต่ำจากอัตราว่างงานของสหรัฐ ที่พุ่งแตะระดับ 7.2% (สูงสุดในรอบ 16 ปี) ดัชนียอดค้าปลีกสหรัฐเดือน ธ.ค. 51 หดตัวลงมากถึง 2.7% yoy แสดงถึงความกังวลต่อเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในภาวะถดถอย รวมทั้งข่าวการนำกิจการสมิธ บาร์นีย์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของซิตี้กรุ๊ป อิงค์ ควบรวมกิจการกับมอร์แกน สแตนเลย์ เป็นการบ่งชี้ถึงภาวะวิกฤติของภาคการเงินที่ยังไม่สิ้นสุดลงนั้น
นอกจากนี้ความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดฯทั่วโลกที่คาดว่าจะปรับตัวย่ำแย่ลงในงวดไตรมาส 4 ปี 2551 ล้วนเป็นปัจจัยกดดันให้ตลาดต่างประเทศปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ SET ปรับตัวลดลงไปแตะระดับต่ำสุดของเดือนที่ 424.16 จุด ณ วันที่ 15 ม.ค. 52 หลังจากนั้น ความคาดหวังต่อมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ หนุนให้ตลาดต่างประเทศและ SET ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามหลังจากที่นายบารัค โอบามา เข้าพิธีรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยความกังวลต่อปัญหาในภาคการเงินและเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงทั้งในสหรัฐ และยุโรป เป็นปัจจัยกดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปรับลดลง อย่างไรก็ตาม SET ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยในประเทศโดยที่ ครม. ได้อนุมัติมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 4 หมื่นล้านบาทครอบคลุมภาคอสังหาฯ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) วิสาหกิจชุมชน การท่องเที่ยว ธุรกิจร่วมลงทุนใน SME และสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ รวมถึงการต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพประชาชน 5 มาตรการต่อเนื่องจากรัฐบาลเดิม ออกไปอีก 6 เดือนจากที่หมดอายุลงในเดือน ม.ค.2552 อย่างไรก็ตามเนื่องจากในสัปดาห์สุดท้ายเดือนนั้นตรงกับเทศกาลตรุษจีน จึงทำให้ปริมารซื้อขายค่อนข้างเบาบาง โดยทั้งเดือนต่างชาติเป็นผู้ขายสุทธิ 4,218.90 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันเป็นผู้ขายสุทธิ 5,753.52 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนรายย่อยเป็นผู้ซื้อสุทธิ 9,972.42 ล้านบาท
คาดการณ์การลงทุนในเดือนกุมภาพันธ์
ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ SET น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 400-480 จุดซึ่งปัจจัยที่น่าติดตามคือการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของปี 2551 ซึ่งอาจส่งผลต่อการปรับลดการคาดการณ์เกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจรวมทั้งผลประกอบการในอนาคต
คำแนะนำสำหรับการลงทุน
เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนธันวาคม 2551 ยังแสดงถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง และจะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นในระยะสั้น จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนระยะสั้นชั่วคราว อย่างไรก็ตาม นักลงทุนสามารถติดตามผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2551 ของบริษัทต่างๆที่ทยอยประกาศออกมาเพื่อวางแผนสำหรับการลงทุนระยะยาวซึ่งยังมีความน่าสนใจ
โดยบลจ. แอสเซท พลัส
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา SET INDEX ปรับตัวลดลง 12.27 จุดหรือ 2.73% โดย ณ วันที่ 30 ม.ค.52 SET ปิดที่ระดับ 437.69 จุด มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันประมาณ 10,575.86 ล้านบาท ในช่วงต้นเดือน SET ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากสิ้นปีตอบรับต่อข่าวดีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ผ่านการใช้นโยบายการคลังโดยการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และนิติบุคคล หลังจากนั้นได้ปรับตัวลดลงตามตลาดต่างประเทศจากการปรับฐานหลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 1 สัปดาห์ โดยเริ่มจากตลาดหุ้นอินเดียที่ประสบปัญหาด้านความโปร่งใสของข้อมูลเมื่อบริษัทผลิตและส่งออกซอฟต์แวร์อันดับ 4 ของอินเดีย Satyam ยอมรับถึงการตกแต่งตัวเลขทางบัญชี หลังจากนั้นความกังวลเกี่ยวกับปัญหาตลาดแรงงานตกต่ำจากอัตราว่างงานของสหรัฐ ที่พุ่งแตะระดับ 7.2% (สูงสุดในรอบ 16 ปี) ดัชนียอดค้าปลีกสหรัฐเดือน ธ.ค. 51 หดตัวลงมากถึง 2.7% yoy แสดงถึงความกังวลต่อเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในภาวะถดถอย รวมทั้งข่าวการนำกิจการสมิธ บาร์นีย์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของซิตี้กรุ๊ป อิงค์ ควบรวมกิจการกับมอร์แกน สแตนเลย์ เป็นการบ่งชี้ถึงภาวะวิกฤติของภาคการเงินที่ยังไม่สิ้นสุดลงนั้น
นอกจากนี้ความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดฯทั่วโลกที่คาดว่าจะปรับตัวย่ำแย่ลงในงวดไตรมาส 4 ปี 2551 ล้วนเป็นปัจจัยกดดันให้ตลาดต่างประเทศปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ SET ปรับตัวลดลงไปแตะระดับต่ำสุดของเดือนที่ 424.16 จุด ณ วันที่ 15 ม.ค. 52 หลังจากนั้น ความคาดหวังต่อมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ หนุนให้ตลาดต่างประเทศและ SET ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามหลังจากที่นายบารัค โอบามา เข้าพิธีรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยความกังวลต่อปัญหาในภาคการเงินและเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงทั้งในสหรัฐ และยุโรป เป็นปัจจัยกดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปรับลดลง อย่างไรก็ตาม SET ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยในประเทศโดยที่ ครม. ได้อนุมัติมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 4 หมื่นล้านบาทครอบคลุมภาคอสังหาฯ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) วิสาหกิจชุมชน การท่องเที่ยว ธุรกิจร่วมลงทุนใน SME และสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ รวมถึงการต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพประชาชน 5 มาตรการต่อเนื่องจากรัฐบาลเดิม ออกไปอีก 6 เดือนจากที่หมดอายุลงในเดือน ม.ค.2552 อย่างไรก็ตามเนื่องจากในสัปดาห์สุดท้ายเดือนนั้นตรงกับเทศกาลตรุษจีน จึงทำให้ปริมารซื้อขายค่อนข้างเบาบาง โดยทั้งเดือนต่างชาติเป็นผู้ขายสุทธิ 4,218.90 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันเป็นผู้ขายสุทธิ 5,753.52 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนรายย่อยเป็นผู้ซื้อสุทธิ 9,972.42 ล้านบาท
คาดการณ์การลงทุนในเดือนกุมภาพันธ์
ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ SET น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 400-480 จุดซึ่งปัจจัยที่น่าติดตามคือการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของปี 2551 ซึ่งอาจส่งผลต่อการปรับลดการคาดการณ์เกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจรวมทั้งผลประกอบการในอนาคต
คำแนะนำสำหรับการลงทุน
เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนธันวาคม 2551 ยังแสดงถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง และจะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นในระยะสั้น จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนระยะสั้นชั่วคราว อย่างไรก็ตาม นักลงทุนสามารถติดตามผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2551 ของบริษัทต่างๆที่ทยอยประกาศออกมาเพื่อวางแผนสำหรับการลงทุนระยะยาวซึ่งยังมีความน่าสนใจ