ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ.อยุธยาเผยตัวเลขว่างงานสหรัฐสูงสุดในรอบเกือบ 16 ปี ขณะที่การส่งออกของเยอรมนีทรุดตัวลงมากเป็นประวัติการณ์ ระบุเงินเฟ้อไทยลดลง 1.6% เหตุราคาน้ำมันดิ่งลง คลังคาดงบประมาณปี 52 ส่อแววขาดดุลการคลังเพิ่มเป็น 4.7-4.8 แสนล้านบาท หลังจากหน่วยงานในสังกัดจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้า
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด ได้จัดทำรายงานภาวะตลาดประจำสัปดาห์ (5 - 9 มกราคม 2552) โดยสหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ว่างงานในเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 524,000 คน ส่งผลให้อัตราการว่างงานพุ่งขึ้นสู่ 7.2% และสูงที่สุดในรอบเกือบ 16 ปี ดัชนี ISM ภาคบริการของสหรัฐฯ อยู่ที่ 40.6 ในเดือนธันวาคม ซึ่งบ่งบอกถึงการหดตัวของภาคบริการ เนื่องจากดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ขณะที่ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานลดลง 4.6% ในเดือนพฤศจิกายน โดยเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 นายโธมัส โฮนิก ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแคนซัส ซิตี้ กล่าวว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯจะหดตัวไปจนถึงกลางปี 2009 และอาจจะมีสัญญาณการฟื้นตัวในไตรมาส 3
ด้านยุโรป อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนเพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนธันวาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 26 เดือน ยอดค้าปลีกของยูโรโซนในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 0.6% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งดีกว่าที่คาด แต่มุมมองเศรษฐกิจโดยรวมยังคงมีแนวโน้มที่จะย่ำแย่ลง ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อภาคบริการลดลงสู่ 42.1 ในเดือนธันวาคม จาก 42.5 ในเดือนพฤศจิกายน อัตราการว่างงานของยูโรโซนเพิ่มขึ้นสู่ 7.8% ในเดือนพฤศจิกายน
นอกจากนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีระบุว่าการส่งออกทรุดตัวลงมากเป็นประวัติการณ์ถึง 10.6% ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการนำเข้าซึ่งลดลง 5.6% ทำให้ยอดเกินดุลการค้าของเยอรมนีลดลงสู่ 1.07 หมื่นล้านยูโร จาก 1.58 หมื่นล้านยูโรในเดือนตุลาคม
ขณะที่อังกฤษ ธนาคารกลางของอังกฤษปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.5% ตามคาด ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.50%
สำหรับประเทศไทย อัตราเงินเฟ้อ ในเดือนธันวาคม ปี 2551 ลดลง 1.6% จากเดือนพฤศจิกายน ปี 2551 เนื่องจากราคาน้ำมันที่ดิ่งลง สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ลดลง 0.1% จากเดือนพฤศจิกายน ปี 2551 กระทรวงพาณิชย์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อปีนี้จะเพิ่มขึ้น 0.0-1.2% คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจไทยเห็นชอบกรอบการใช้งบประมาณกลางปีเพิ่มเติม 1 แสนล้านบาท โดย 60% จะเป็นเงินเพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย และอีก 40% เป็นโครงการลงทุนที่ต้องเสร็จภายใน 1 เดือน กระทรวงการคลังคาดว่างบประมาณปี 2552 มีแนวโน้มขาดดุลการคลังเพิ่มเป็น 4.7-4.8 แสนล้านบาท หลังจากที่คาดว่าหน่วยงานในสังกัดจะจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 1.2-1.3 แสนล้านบาท หรือ 10.0% ผลสำรวจของรอยเตอร์ระบุว่า ธปท.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.5 – 1.0% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 14 มกราคม 2552
ด้านความเคลื่อนไหวในตลาดตราสารหนี้ อัตราเงินเฟ้อเดือนธันวาคม 2551 ชะลอตัวลง 1.6% จากเดือนพฤศจิกายน 2551 ซึ่งนับเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปี 2551 เพิ่มขึ้น 5.5% ในช่วงสัปดาห์แรกของปี 2552 นี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นและระยะกลาง (อายุน้อยกว่า 3 ปี) ปรับตัวลดลง 4 - 18 bps ขณะที่พันธบัตรระยะยาวอัตราผลตอบแทนปรับตัวสูงขึ้น 6 - 68 bps โดยมาจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันและความกังวลเกี่ยวกับปริมาณพันธบัตรรัฐบาลที่จะออกใหม่หลังจากที่รัฐบาลให้ความเห็นชอบงบประมาณเพิ่มเติมจำนวน 1 แสนล้านบาท เพื่อช่วยเหลือภาคการจ้างงาน
ส่วนเศรษฐกิจโลก ธนาคารกลางอังกฤษประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.5% สู่ 1.50% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1694 (พ.ศ. 2237) ขณะที่ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.5% สู่ 2.50%
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด ได้จัดทำรายงานภาวะตลาดประจำสัปดาห์ (5 - 9 มกราคม 2552) โดยสหรัฐอเมริกา จำนวนผู้ว่างงานในเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 524,000 คน ส่งผลให้อัตราการว่างงานพุ่งขึ้นสู่ 7.2% และสูงที่สุดในรอบเกือบ 16 ปี ดัชนี ISM ภาคบริการของสหรัฐฯ อยู่ที่ 40.6 ในเดือนธันวาคม ซึ่งบ่งบอกถึงการหดตัวของภาคบริการ เนื่องจากดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ขณะที่ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานลดลง 4.6% ในเดือนพฤศจิกายน โดยเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 นายโธมัส โฮนิก ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแคนซัส ซิตี้ กล่าวว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯจะหดตัวไปจนถึงกลางปี 2009 และอาจจะมีสัญญาณการฟื้นตัวในไตรมาส 3
ด้านยุโรป อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนเพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนธันวาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 26 เดือน ยอดค้าปลีกของยูโรโซนในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 0.6% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งดีกว่าที่คาด แต่มุมมองเศรษฐกิจโดยรวมยังคงมีแนวโน้มที่จะย่ำแย่ลง ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อภาคบริการลดลงสู่ 42.1 ในเดือนธันวาคม จาก 42.5 ในเดือนพฤศจิกายน อัตราการว่างงานของยูโรโซนเพิ่มขึ้นสู่ 7.8% ในเดือนพฤศจิกายน
นอกจากนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีระบุว่าการส่งออกทรุดตัวลงมากเป็นประวัติการณ์ถึง 10.6% ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการนำเข้าซึ่งลดลง 5.6% ทำให้ยอดเกินดุลการค้าของเยอรมนีลดลงสู่ 1.07 หมื่นล้านยูโร จาก 1.58 หมื่นล้านยูโรในเดือนตุลาคม
ขณะที่อังกฤษ ธนาคารกลางของอังกฤษปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.5% ตามคาด ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.50%
สำหรับประเทศไทย อัตราเงินเฟ้อ ในเดือนธันวาคม ปี 2551 ลดลง 1.6% จากเดือนพฤศจิกายน ปี 2551 เนื่องจากราคาน้ำมันที่ดิ่งลง สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ลดลง 0.1% จากเดือนพฤศจิกายน ปี 2551 กระทรวงพาณิชย์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อปีนี้จะเพิ่มขึ้น 0.0-1.2% คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจไทยเห็นชอบกรอบการใช้งบประมาณกลางปีเพิ่มเติม 1 แสนล้านบาท โดย 60% จะเป็นเงินเพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย และอีก 40% เป็นโครงการลงทุนที่ต้องเสร็จภายใน 1 เดือน กระทรวงการคลังคาดว่างบประมาณปี 2552 มีแนวโน้มขาดดุลการคลังเพิ่มเป็น 4.7-4.8 แสนล้านบาท หลังจากที่คาดว่าหน่วยงานในสังกัดจะจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 1.2-1.3 แสนล้านบาท หรือ 10.0% ผลสำรวจของรอยเตอร์ระบุว่า ธปท.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.5 – 1.0% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 14 มกราคม 2552
ด้านความเคลื่อนไหวในตลาดตราสารหนี้ อัตราเงินเฟ้อเดือนธันวาคม 2551 ชะลอตัวลง 1.6% จากเดือนพฤศจิกายน 2551 ซึ่งนับเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปี 2551 เพิ่มขึ้น 5.5% ในช่วงสัปดาห์แรกของปี 2552 นี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นและระยะกลาง (อายุน้อยกว่า 3 ปี) ปรับตัวลดลง 4 - 18 bps ขณะที่พันธบัตรระยะยาวอัตราผลตอบแทนปรับตัวสูงขึ้น 6 - 68 bps โดยมาจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันและความกังวลเกี่ยวกับปริมาณพันธบัตรรัฐบาลที่จะออกใหม่หลังจากที่รัฐบาลให้ความเห็นชอบงบประมาณเพิ่มเติมจำนวน 1 แสนล้านบาท เพื่อช่วยเหลือภาคการจ้างงาน
ส่วนเศรษฐกิจโลก ธนาคารกลางอังกฤษประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.5% สู่ 1.50% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1694 (พ.ศ. 2237) ขณะที่ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.5% สู่ 2.50%
