โดย นรวีร์ วงศ์สมมาตร
บลจ.บัวหลวง
ทุกๆ ปีที่เข้าฤดูหนาว จะมีผลผลิตผลไม้ประจำฤดูกาล เช่น สตรอเบอรี่ ซึ่งมีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดทุกปีเป็นประจำเรียกได้ว่าเป็นผลไม้ยอดฮิตประจำฤดูหนาว ต่อมาในต่างประเทศ เช่น ประเทศญี่ปุ่นได้คิดค้นเทคนิคการปลูกสตอรเบอรี่นอกฤดูกาลซึ่งอาศัยการควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต และใช้กระแสลมเข้ามาช่วยในการผสมเกสรแทนแมลง ทำให้สตรอเบอรี่มีรสชาติดี สีสวยสด และส่งขายทำกำไรได้ตลอดปี เรียกได้ว่าปลูกกันทั้งปี ทานกันตลอดปี ไม่ต้องรอซื้อทานเฉพาะหน้าหนาวเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป
สิ่งเหล่านี้ทำให้นึกถึงการลงทุนในกองทุนรวม RMF และ LTF ซึ่งเป็นที่นิยมมากเมื่อเข้าฤดูหนาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเดือนธันวาคมจะเป็นช่วง High Season ของการลงทุนในกองทุน RMF และ LTF ก็ว่าได้ ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนสูงเป็นพิเศษ ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะว่ากองทุนรวมทั้ง 2 ประเภทสามารถลงทุนได้เฉพาะเดือนธันวาคมแต่อาจเนื่องมาจากที่ช่วงเวลาดังกล่าวนั้นบุคคลผู้มีเงินได้ สามารถประเมินรายได้ที่ได้รับในปีนั้นๆ หรือหลายท่านรอเงินโบนัสก้อนใหญ่ปลายปี แล้วจึงค่อยมาลงทุนในกองทุนรวมประหยัดภาษีทั้ง 2 ประเภทนี้
อย่างไรก็ตามช่วง High Season ของกองทุนรวมปี 2551 นี้ผู้ลงทุนได้ชะลอการลงทุน หรืออาจลดเม็ดเงินลงทุนอันเนื่องมาจากการที่ผู้ลงทุนหลายท่านพบว่าผลการดำเนินงานของ RMF และ LTF ตั้งแต่ต้นปีผ่านมาให้ผลตอบแทนย้อนหลังที่ไม่ดีนัก หลายท่านพบว่าเงินที่ลงทุนไปในกองทุนรวม RMF และ LTF ลดลงมากกว่าสิทธิประโยชน์ที่ได้รับ ซึ่งสาเหตุของการลดลงของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวม RMF และ LTF มีหลายสาเหตุ เช่น ผลกระทบจากวิกฤติการเงินโลกที่ส่งผลลบต่อตลาดหุ้นทั้งในบ้านเรา และตลาดหุ้นทั่วโลก หรือปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อภายในประเทศ ตลอดจนการลงทุนที่ผิดจังหวะของตัวนักลงทุนเอง ดังนั้นถ้าท่านยังต้องการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และยังต้องลงทุนต่อเนื่อง
ขอแนะนำว่าควรที่จะมองหาเทคนิคการลงทุนแบบอื่นๆ ที่ช่วยท่านให้บรรลุเป้าหมายได้ นั้นก็คือการกระจายการลงทุนที่เท่าๆ กันตลอดทั้งปี หรือที่คุ้นเคยกันว่า การลงทุนถัวเฉลี่ย (Dollar Cost Averaging) ซึ่งช่วยลดการกระจุกตัวของการลงทุนช่วง High Season อีกทั้งเป็นการเฉลี่ยความเสี่ยงไปในตัว เนื่องจากไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปลายปีจะอยู่ลักษณะใด โดยขอยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนดังนี้
นาย ก ลงทุนในกองทุนรวม LTF เดือนละ 1,000 บาท ถ้าช่วงไหนหุ้นขึ้นเงิน 1,000 บาท จะสามารถซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวม LTF ได้น้อย ช่วงไหนที่หุ้นลง เงิน 1,000 บาท ท่านจะสามารถซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวม LTF ได้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้หลายบริษัทจัดการกองทุนรวมมีบริการหักบัญชีแบบอัตโนมัติได้เลย เพราะฉะนั้นเมื่อเฉลี่ยออกมาแล้วผู้ลงทุนก็น่าจะได้หน่วยลงทุนของกองทุนรวม LTF ในราคาทุนถัวเฉลี่ยเป็นการลดความเสี่ยงของราคาตลาด โดยกระจายความเสี่ยงไปตามเวลา ไม่ต้องเสียเวลาคอยเฝ้าหาจังหวะซื้อ ลดความเสี่ยงเรื่องการลงทุนที่ผิดจังหวะ และยังลดภาระเรื่องการจ่ายเงินก้อนใหญ่ ตัดเรื่องอารมณ์ออกจาการตัดสินใจการลงทุน อย่างไรก็ตามต้นทุนเฉลี่ยที่ได้อาจไม่ได้ต่ำกว่าราคาปัจจุบันเสมอไป
การลงทุนด้วยวิธีเช่นนี้มีข้อควรระวังบางประการ เช่น บางคนหยุดการซื้อ และอาจจะขายออก เพราะเห็นราคาลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้พลาดโอกาสซื้อในราคาถูก ทั้งนี้การลงทุนด้วยวิธีนี้ควรมีวินัยการลงทุนอย่างเคร่งครัด ผู้ลงทุนต้องกำหนดเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจน และต้องมั่นใจว่าหลังจากกำหนดเงินลงทุนในแต่ละครั้งแล้วต้องมั่นใจว่าดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องเพื่อความมีประสิทธิภาพ ถึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จทางการเงินได้ ทั้งนี้นักลงทุนควรมองว่าการลงทุนในกองทุนรวม RMF หรือ LTF เป็นการลงทุนระยะยาว ดังนั้นความผันผวนดังเช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเป็นความผันผวนสั้นๆ
สุดท้ายนี้การกระจายการลงทุนด้วยจำนวนเงินที่เท่าๆกัน หรือที่เรียกว่าการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยนี้ ผู้ลงทุนสามารถเริ่มได้ทุกช่วงเวลา ท่านสามารถเริ่มได้ตั้งแต่ต้นปี 2552 หรือถ้าไม่พร้อมก็ขอให้เริ่มให้ได้เร็วที่สุดนะครับ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการวางแผนทางการเงินหลายท่านพูดว่า ยิ่งเริ่มออมก่อน รวยกว่า เพราะมีระยะเวลาการลงทุนที่ยาวนานกว่าครับ นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้วเทคนิคการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยยังเหมาะกับกับการลงทุนที่มีความผันผวนมากๆ ยิ่งผันผวนมากการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยยิ่งมีประสิทธิภาพมากครับ ก่อนจบนี้สำหรับท่านที่ไม่สบายใจจากการลดลงของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม RMF และ LTF ที่ได้ลงทุนไป และคาดหวังว่าจะเป็นเงินไว้ใช้ยามเกษียณ ผมขอยกพุทธภาษิตที่กล่าวว่า “ อตีตํ นานฺวาคเมยฺย คือ การไม่พึงหวนคิดถึงสิ่งที่ผ่านมาแล้ว” และขอให้ทุกท่านมีความสุขตลอดปี 2552 ครับ
บลจ.บัวหลวง
ทุกๆ ปีที่เข้าฤดูหนาว จะมีผลผลิตผลไม้ประจำฤดูกาล เช่น สตรอเบอรี่ ซึ่งมีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดทุกปีเป็นประจำเรียกได้ว่าเป็นผลไม้ยอดฮิตประจำฤดูหนาว ต่อมาในต่างประเทศ เช่น ประเทศญี่ปุ่นได้คิดค้นเทคนิคการปลูกสตอรเบอรี่นอกฤดูกาลซึ่งอาศัยการควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต และใช้กระแสลมเข้ามาช่วยในการผสมเกสรแทนแมลง ทำให้สตรอเบอรี่มีรสชาติดี สีสวยสด และส่งขายทำกำไรได้ตลอดปี เรียกได้ว่าปลูกกันทั้งปี ทานกันตลอดปี ไม่ต้องรอซื้อทานเฉพาะหน้าหนาวเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป
สิ่งเหล่านี้ทำให้นึกถึงการลงทุนในกองทุนรวม RMF และ LTF ซึ่งเป็นที่นิยมมากเมื่อเข้าฤดูหนาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเดือนธันวาคมจะเป็นช่วง High Season ของการลงทุนในกองทุน RMF และ LTF ก็ว่าได้ ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนสูงเป็นพิเศษ ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะว่ากองทุนรวมทั้ง 2 ประเภทสามารถลงทุนได้เฉพาะเดือนธันวาคมแต่อาจเนื่องมาจากที่ช่วงเวลาดังกล่าวนั้นบุคคลผู้มีเงินได้ สามารถประเมินรายได้ที่ได้รับในปีนั้นๆ หรือหลายท่านรอเงินโบนัสก้อนใหญ่ปลายปี แล้วจึงค่อยมาลงทุนในกองทุนรวมประหยัดภาษีทั้ง 2 ประเภทนี้
อย่างไรก็ตามช่วง High Season ของกองทุนรวมปี 2551 นี้ผู้ลงทุนได้ชะลอการลงทุน หรืออาจลดเม็ดเงินลงทุนอันเนื่องมาจากการที่ผู้ลงทุนหลายท่านพบว่าผลการดำเนินงานของ RMF และ LTF ตั้งแต่ต้นปีผ่านมาให้ผลตอบแทนย้อนหลังที่ไม่ดีนัก หลายท่านพบว่าเงินที่ลงทุนไปในกองทุนรวม RMF และ LTF ลดลงมากกว่าสิทธิประโยชน์ที่ได้รับ ซึ่งสาเหตุของการลดลงของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวม RMF และ LTF มีหลายสาเหตุ เช่น ผลกระทบจากวิกฤติการเงินโลกที่ส่งผลลบต่อตลาดหุ้นทั้งในบ้านเรา และตลาดหุ้นทั่วโลก หรือปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อภายในประเทศ ตลอดจนการลงทุนที่ผิดจังหวะของตัวนักลงทุนเอง ดังนั้นถ้าท่านยังต้องการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และยังต้องลงทุนต่อเนื่อง
ขอแนะนำว่าควรที่จะมองหาเทคนิคการลงทุนแบบอื่นๆ ที่ช่วยท่านให้บรรลุเป้าหมายได้ นั้นก็คือการกระจายการลงทุนที่เท่าๆ กันตลอดทั้งปี หรือที่คุ้นเคยกันว่า การลงทุนถัวเฉลี่ย (Dollar Cost Averaging) ซึ่งช่วยลดการกระจุกตัวของการลงทุนช่วง High Season อีกทั้งเป็นการเฉลี่ยความเสี่ยงไปในตัว เนื่องจากไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปลายปีจะอยู่ลักษณะใด โดยขอยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนดังนี้
นาย ก ลงทุนในกองทุนรวม LTF เดือนละ 1,000 บาท ถ้าช่วงไหนหุ้นขึ้นเงิน 1,000 บาท จะสามารถซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวม LTF ได้น้อย ช่วงไหนที่หุ้นลง เงิน 1,000 บาท ท่านจะสามารถซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวม LTF ได้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้หลายบริษัทจัดการกองทุนรวมมีบริการหักบัญชีแบบอัตโนมัติได้เลย เพราะฉะนั้นเมื่อเฉลี่ยออกมาแล้วผู้ลงทุนก็น่าจะได้หน่วยลงทุนของกองทุนรวม LTF ในราคาทุนถัวเฉลี่ยเป็นการลดความเสี่ยงของราคาตลาด โดยกระจายความเสี่ยงไปตามเวลา ไม่ต้องเสียเวลาคอยเฝ้าหาจังหวะซื้อ ลดความเสี่ยงเรื่องการลงทุนที่ผิดจังหวะ และยังลดภาระเรื่องการจ่ายเงินก้อนใหญ่ ตัดเรื่องอารมณ์ออกจาการตัดสินใจการลงทุน อย่างไรก็ตามต้นทุนเฉลี่ยที่ได้อาจไม่ได้ต่ำกว่าราคาปัจจุบันเสมอไป
การลงทุนด้วยวิธีเช่นนี้มีข้อควรระวังบางประการ เช่น บางคนหยุดการซื้อ และอาจจะขายออก เพราะเห็นราคาลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้พลาดโอกาสซื้อในราคาถูก ทั้งนี้การลงทุนด้วยวิธีนี้ควรมีวินัยการลงทุนอย่างเคร่งครัด ผู้ลงทุนต้องกำหนดเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจน และต้องมั่นใจว่าหลังจากกำหนดเงินลงทุนในแต่ละครั้งแล้วต้องมั่นใจว่าดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องเพื่อความมีประสิทธิภาพ ถึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จทางการเงินได้ ทั้งนี้นักลงทุนควรมองว่าการลงทุนในกองทุนรวม RMF หรือ LTF เป็นการลงทุนระยะยาว ดังนั้นความผันผวนดังเช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเป็นความผันผวนสั้นๆ
สุดท้ายนี้การกระจายการลงทุนด้วยจำนวนเงินที่เท่าๆกัน หรือที่เรียกว่าการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยนี้ ผู้ลงทุนสามารถเริ่มได้ทุกช่วงเวลา ท่านสามารถเริ่มได้ตั้งแต่ต้นปี 2552 หรือถ้าไม่พร้อมก็ขอให้เริ่มให้ได้เร็วที่สุดนะครับ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการวางแผนทางการเงินหลายท่านพูดว่า ยิ่งเริ่มออมก่อน รวยกว่า เพราะมีระยะเวลาการลงทุนที่ยาวนานกว่าครับ นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้วเทคนิคการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยยังเหมาะกับกับการลงทุนที่มีความผันผวนมากๆ ยิ่งผันผวนมากการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยยิ่งมีประสิทธิภาพมากครับ ก่อนจบนี้สำหรับท่านที่ไม่สบายใจจากการลดลงของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม RMF และ LTF ที่ได้ลงทุนไป และคาดหวังว่าจะเป็นเงินไว้ใช้ยามเกษียณ ผมขอยกพุทธภาษิตที่กล่าวว่า “ อตีตํ นานฺวาคเมยฺย คือ การไม่พึงหวนคิดถึงสิ่งที่ผ่านมาแล้ว” และขอให้ทุกท่านมีความสุขตลอดปี 2552 ครับ