xs
xsm
sm
md
lg

เกร็ดน่าสนใจของ‘เกาหลี’ กับผลกระทบวิกฤตการเงิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เมืองไทยปัจจุบันนี้ คำว่า “เกาหลี” ยังเป็นกระแสนิยม ที่มีเสื่อมคลายทั้งสไตล์การแต่งตัว แฟชั่น เสื้อผ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ภาพยนตร์ซีรีส์ต่างๆ รถยนต์ โทรศัพท์ มือถือ ไปจนถึงการขนเงินไปลงทุนในพันธบัตร

แต่หลังจากวิกฤตสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้วยคุณภาพในสหรัฐฯ (ซับไพรม์) ที่ต่อมาลุกลามใหญ่โตจนกลายเป็นวิกฤตการเงินโลก ประเทศเกาหลีก็กลายเป็นหนึ่งในระดับแถวหน้า ที่มีชื่อขึ้นติดข่าวเศรษฐกิจในหน้าหนังสือพิมพ์หัวสี หัวขาวดำ รวมถึงหน้อจอทีวี หน้าปัดวิทยุ และหน้าเว็บไซต์ของพวกเราชาวไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นข่าวไม่ดี ในด้านตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ

หากกลับมามองด้านการลงทุนในช่วงไตรมาส 2 – 3 /2551 กระแสการออกกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในพันธบัตรเกาหลีได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก โดยบริษัทจัดการลงทุน (บลจ.)หลายแห่งกอบโกยเม็ดเงินเข้าเซฟกันไม่หวั่นไม่ไหว และต่อมาอีกนั่นล่ะ เมื่อวิกฤตการเงินลุกลามมาถึงแดนอารีดัง กระความตื่นกลัวต่างๆนานาก็ปรากฏออกมาสู่สายตาชาวโลก ความนิยมเกาหลีก็จางหายไป

จนล่าสุดแนวคิดการชวนนักลงทุนไปลงทุนต่างแดนก็เริ่มกลับมาดูมีความหวังอีกครั้ง เพราะเมื่อเร็วๆนี้มีการเปิดขายหน่วยลงทุนที่จะไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลี ดังนั้นสิ่งที่จะขอนำเสนอไม่ใช่ผลประโยชน์จากลงทุนที่ท่านทั้งหลายจะได้รับ เพราะเชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้น่าจะรับฝังจากผู้จัดการกองทุนจะดีที่สุด แต่ทีมงาน “ASTV ผู้จัดการรายวัน” ขอนำเสนอภาพรวมเกล็ดเล็ก เกล็ดน้อยที่น่าสนใจเกี่ยวกับเกาหลีใต้มาฝาก หวังว่าผู้อ่านจะได้มีโอกาสนำไปใช้ในการพิจารณาลงทุน หรือประกอบธุรกิจต่างๆของท่านเอง

- ปัจจุบันเกาหลีมีรายได้ประชาชาติเฉลี่ยต่อคนประมาณ 2 หมื่นเหรียญสหรัฐ ซึ่งมากกว่าไทยเกือบ 10 เท่า

- แม้ว่าปีนี้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในเกาหลีจะมีราคาตกลงเนื่องจากพิษเศรษฐกิจแต่ยังแพงอยู่ พนักงานบริษัทธรรมดาทำงานจนเกษียณ ก็ยังไม่สามารถซื้อบ้านเป็นของตัวเองได้

- การประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออก 3 ชาติเกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น ที่เมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา ผู้นำทั้ง 3 ชาติได้ออกแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้มีการดำเนินการอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นในการจัดตั้งกองทุนกู้วิกฤตเศรษฐกิจของภูมิภาคขึ้น โดยแต่เดิมทั้ง 3 ชาติได้ตกลงกับชาติสมาชิกสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) 10 ชาติ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาให้มีการจัดตั้งกองทุนร่วมมูลค่า 8 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในเดือนมิถุนายน 2552 เพื่อกู้วิกฤตการเงินในภูมิภาคเอเชีย

ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวจะเป็นการขยายผลจากโครงการความริเริ่มเชียงใหม่เมื่อปี 2543 ซึ่งเป็นการทำสัญญาแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ นอกจากนี้ ผู้นำทั้ง 3 ชาติยังเรียกร้องให้มีการเพิ่มเงินทุนสนับสนุนให้แก่ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชียเพื่อใช้ในการช่วยเหลือประเทศเศรษฐกิจใหม่ในการรับมือกับปัญหาวิกฤตการครั้งนี้ด้วย

- รัฐบาลเกาหลีใต้ และจีน ได้ลงนามขยายข้อตกลงการทำสว็อปค่าเงินมูลค่า 38 ล้านล้านวอน หรือ 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพด้านการเงินในภูมิภาคเอเชีย (12ธ.ค.) โดยการเสิมสร้างความร่วมมือด้านการเงินในระดับภูมิภาคไม่เพียงเป็นประโยชน์ต่อการเสถียรภาพด้านการเงินและเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างเสถียรภาพด้านการเงินทั่วโลกด้วย ซึ่งภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว เกาหลีใต้สามารถระดมเงินทุนผ่านการทำสว็อปค่าเงินมูลค่า 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์จากธนาคารกลางจีน เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่เกาหลีใต้สามารถระดมทุนได้เพียง 4 พันล้านดอลลาร์เท่านั้นจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้อัดฉีดสภาพคล่องให้กับธนาคารกลางเกาหลีใต้ ส่วนเกาหลีใต้และญี่ปุ่นจะขยายการทำสว็อปค่าเงินดัวยเช่นกัน

- ประธานาธิบดี ลี เมียง บัค ของเกาหลีใต้ ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากจีนและญี่ปุ่น ให้ช่วยยับยั้งค่าเงินวอนที่ร่วงลงรุนแรงถึง 31% ในปีนี้ ซึ่งส่งผลให้เงินวอนกลายเป็นสกุลเงินที่อ่อนตัวลงมากที่สุดในบรรดาสกุลเงินสำคัญๆของเอเชีย โดย เกาหลีใต้ได้เจรจาขยายข้อตกลงการทำธุรกรรมสว็อปค่าเงินกับหลายประเทศที่มีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศสูงสุดของโลก เพื่อระดมทุนปกป้องค่าเงินวอนที่ร่วงลงอย่างหนัก และเพื่อช่วยเหลือบริษัทเกาหลีให้สามารถระดมทุนในการชำระหนี้ต่างชาติได้ในยามที่ตลาดสินเชื่อทั่วโลกเผชิญภาวะตึงตัว

- โรเบิร์ต ซับบารามาน หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท โนมูระ อินเตอร์เนชันแนล กล่าวว่า เกาหลีใต้ต้องการระดมทุนสกุลเงินดอลลาร์ให้มากพอที่จะปกป้องประเทศไม่ให้เผชิญวิกฤตการณ์ค่าเงินเหมือนกับในปีพ.ศ.2540 ซึ่งในปีนั้นเกาหลีใต้ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากนักลงทุนต่างชาติที่กระหน่ำขายสกุลเงินวอน จนเป็นเหตุให้เกาหลีใต้ต้องยื่นขอเงินกู้จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)

- ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจชั้นนำของเกาหลีใต้คาดการณ์ว่า ภาคธุรกิจส่งออกในประเทศจะขยายตัวได้ไม่ถึง 10% ในปี2552 ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ซึ่งตัวเลขประมาณการดังกล่าวร่วงลงอย่างหนักจากที่คาดการณ์ในก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวที่ 18%

- ผลสำรวจของสมาคมหอการค้าและอุตสาหกรรมเกาหลีใต้ พบว่า กว่า 40% ของบริษัทในเกาหลีใต้ มีมุมมองที่เป็นลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2552 โดยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของประเทศจะขยายตัวในอัตราที่ต่ำกว่า ร้อยละ 3 ซึ่งต่ำกว่าที่ธนาคารกลางเกาหลีใต้ คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 3 และต่ำกว่าที่ประธานาธิบดี ลี เมียง-บัค ตั้งเป้าไว้ที่ร้อยละ 4

โพลล์ระบุ 99.4% เชื่อเศรษฐกิจเข้าขั่น "ย่ำแย่"
ขณะเดียวกันผลสำรวจยังระบุด้วยว่า ร้อยละ 99.4 ของผู้ตอบรับการสำรวจมองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันอยู่ในขั้น "ย่ำแย่" ขณะที่ ร้อยละ 77.5 มองว่าเศรษฐกิจอยู่ในขั้น "ย่ำแย่ที่สุด"

- สถาบันการพัฒนาเกาหลี (KDI) เปิดเผยว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของ เกาหลีใต้ในปีหน้า จะแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปีจากแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจ ถดถอยทั่วโลก และวิกฤตการณ์การเงินในระดับโลก ส่วนบัญชีเดินสะพัดในปี 2009 จะเกินดุล 8.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

- เกาหลีใต้วางแผนอัดฉีดงบประมาณ 2.30 แสนล้านวอน หรือ 172 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างรากฐานให้กับอุตสาหกรรมความปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในช่วง 5 ปีข้างหน้า ซึ่งแผนการดังกล่าวจะช่วยสร้างตลาดความปลอดภัยด้านไอทีมูลค่าถึง 18.4 ล้านล้านวอน หรือ 1.38 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2556 ทั้งนี้ คาดว่า การลงทุนดังกล่าวจะสามารถสร้างตำแหน่งงานใหม่ๆในภาคอุตสาหกรรมความปลอดภัยในระบบไอทีได้ 30,000 ตำแหน่ง

- ธนาคารกลางเกาหลีใต้คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจภายในประเทศปีพ.ศ.2552 จะขยายตัวในอัตราที่ช้าที่สุดในรอบ 11 ปี เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยในระดับที่ลึกลงกำลังส่งผลให้ความต้องการสินค้าจากเกาหลีใต้ลดน้อยลงด้วย โดยคาดว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้ปี 2552 มีแนวโน้มขยายตัวเพียง 2% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 3.7% และคาดว่ายอดส่งออกจะขยายตัวเพียง 1.3% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัว 3.6%

ธนาคารกลางเกาหลีใต้กล่าวในแถลงการณ์ว่า "คงเป็นเรื่องยากที่เศรษฐกิจเกาหลีใต้จะฟื้นตัวขึ้นในระดับเดิม เพราะอัตราการอุปโภคบริโภคภายในประเทศและยอดส่งออกมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยลงในระดับที่ลึกขึ้น"

- นายลี ซอง แต ผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลีใต้ และคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางเกาหลีใต้ มีมติลดอัตราดอกเบี้ยลง 1% สู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3% ในการประชุมเมื่อวานนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะยับยั้งเศรษฐกิจภายในประเทศให้รอดพ้นจากภาวะถดถอย พร้อมกับคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจเกาหลีใต้มีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากยอดส่งออกทรุดตัวลงมากกว่าที่ได้มีการคาดการณ์ไว้

โดย การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 8 สัปดาห์ และถือเป็นการลดดอกเบี้ยในสัดส่วนที่รุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ นายลียังส่งสัญญาณว่าอาจมีการลดดอกเบี้ยอีกและคณะกรรมการบริหารของธนาคารกลางจะมุ่งเน้นเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัว

ไอเอ็มเอฟคาดเศรษฐกิจเกาหลีปีหน้าโต 2%
ทั้งนี้ หลังจากธนาคารกลางเกาหลีใต้ลดอัตราดอกเบี้ยได้ไม่นาน ค่าเงินวอนพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง 3.6% เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่าการตัดสินใจลดดอกเบี้ยเกินความคาดหมายในวันนี้จะช่วยลดผลกระทบต่างๆที่มีต่อเศรษฐกิจภายในประเทศได้ หลังจากที่ธนาคารกลางทั่วโลกได้ลดดอกเบี้ยไปแล้วก่อนหน้านี้ เพื่อยับยั้งเศรษฐกิจในประเทศของตนเองไม่ให้ถดถอย

- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่า เศรษฐกิจเกาหลีใต้กำลังถดถอยอย่างรวดเร็ว และจะแตะระดับต่ำสุดในช่วงต้นปี2552 ก่อนที่จะค่อยๆฟื้นตัวขึ้นหลังจากนั้น โดยการใช้จ่ายผู้บริโภค ยอดส่งออก และความเชื่อมั่นธุรกิจที่ร่วงลงอย่างหนัก เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้กำลังย่ำแย่

ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้จะขยายตัว 2% ในปีหน้า น้อยกว่าปีที่แล้วที่มีการขยายตัวกว่า 5% อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้จะฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ ในปีหน้า เช่นเดียวกับสภาพตลาดเงินและเศรษฐกิจโลกซึ่งมีแนวโน้มว่าจะฟื้นตัวขึ้นในปีหน้าเช่นกัน

- บริษัท ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเมมโมรี ชิป จอและโทรทัศน์แอลซีดี รายใหญ่สุดของโลก ยอมรับว่า ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกถดถอยกำลังส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัท และธุรกิจในไตรมาสนี้ สถานการณ์ในตลาดเมมโมรีชิปย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยากที่ซัมซุงจะทำกำไรได้ แต่บริษัทก็ได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการทำเงินจากผลิตภัณฑ์จอแอลซีดี แม้ว่าราคาสินค้าที่ร่วงลงจะทำให้ตัวเลขกำไรจากธุรกิจโทรทัศน์หดหายตามไปด้วย

- บริษัทฮุนได มอเตอร์ ของเกาหลีใต้ ประกาศว่า บริษัทจะลดการผลิตที่โรงงานทุกแห่งในต่างประเทศ เนื่องจากยอดขายที่ดิ่งลง โดย ฮุนได ซึ่งมีโรงงานผลิตอยู่ในสหรัฐ จีน อินเดีย ตุรกี และเช็ก ได้ลดการผลิตรายเดือนลงแล้ว 10% ที่โรงงาน 7 แห่งในเกาหลีใต้ และลดการผลิตที่โรงงานในสหรัฐ

- โนมูระ อินเตอร์เนชั่นแนล และ โกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป คาดการณ์ว่า เงินวอนเกาหลีใต้จะอ่อนค่าลงอีกครั้งหลังจากที่ดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปีเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากภาคการส่งออกที่ซบเซาส่งผลกระทบต่อดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลของประเทศ โดยโกลด์แมนปรับลดคาดการณ์ค่าเงินวอนช่วงสิ้นปีลงเหลือ 1,500 วอนต่อดอลลาร์ จากที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 1,300 วอนต่อดอลลาร์ ในขณะที่นายคัง มัน ซู รัฐมนตรีคลังเกาหลีใต้ คาดการณ์ว่าดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลจะลดลงเหลือ 1 พันล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย. จาก 4.9 พันล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. ด้านการส่งออกมีการหดตัวลง 18.3% ในเดือนพ.ย. ซึ่งถือว่าซบหนักสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปี 2544



กำลังโหลดความคิดเห็น