บลจ.แมนูไลฟ์ ประเดิมขายกองทุนเปิดแมนูไลฟ์ สเตร็งค์ เฟล็กซิเบิลฟันด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนอาร์เอ็มเอฟกองแรก เน้นกระจายความเสี่ยง ลงทุนตราสารหนี้ ผสมหุ้นพื้นฐานดี แนวโน้ม เติบโตสูง และประวัติการจ่ายเงินปันผลดี เปิดขายครั้งแรกถึง 22 ธันวาคมนี้
นายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ประธานเจ้าหน้าที่สายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการเสนอขายกองทุนเปิดแมนูไลฟ์ สเตร็งค์ เฟล็กซิเบิลฟันด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ ซึ่งเป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนแรกของบริษัท โดยจะเปิดขายไอพีโอระหว่างวันที่ 15-22 ธันวาคม 2551 นี้
ทั้งนี้ กองทุนเปิดแมนูไลฟ์ สเตร็งค์ เฟล็กซิเบิลฟันด์ มีนโยบายการลงทุนผสมแบบไม่กำหนดสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุน โดยลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารแห่งทุน และหรือเงินฝาก หรือตราสารอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ประกาศกำหนด
โดยในส่วนตราสารแห่งทุนจะลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทหุ้นทุนที่มีปัจจัยพื้นฐาน แนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจ และประวัติการจ่ายเงินปันผลดี โดยผู้จัดการกองทุนจะปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละช่วงเวลาเพื่อผลตอบแทนการลงทุนที่ดี และเป็นการกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุน ทั้งนี้ กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยง (hedging) แต่จะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) หรือตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Credit Linked Note)
“เราเชื่อว่าการลงทุนในกองทุนนี้จะเป็นทางเลือกในการออมเพื่อวัยเกษียณให้กับผู้ลงทุน โดยมีโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นในระยะยาวและยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกด้วย แม้ว่าปัจจุบันภาวะตลาดทุนไทยยังคงผันผวน แต่ผู้ลงทุนก็น่าจะทยอยลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้” นายสุขวัฒน์กล่าว
สำหรับเงื่อนไขการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพนั้น ผู้ลงทุนจะต้องเป็นผู้มีเงินได้ที่เกิดจากการประกอบอาชีพตามมาตรา 40 โดยต้องลงทุนต่อเนื่องทุกๆ ปี ไม่น้อยกว่า 5 ปีติดต่อกันและลงทุนจนถึงอายุ 55 ปี โดยเว้นได้ไม่เกิน 1 ปี ผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างเต็มที่เมื่อลงทุนตามเกณฑ์ที่กำหนด กล่าวคือ ลงทุนขั้นต่ำ 3 % ของเงินได้หรือ 5,000 บาท แล้วแต่จำนวนใดจะต่ำกว่า เงินลงทุนขั้นสูงสุดไม่เกิน 15 % ของเงินได้ในแต่ละปี โดยเมื่อรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือ กบข. แล้วไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี (ไม่เกิน 700,000 บาท ในปี 2551 ทั้งนี้ อยู่ในระหว่างการลงนามอนุมัติอย่างเป็นทางการ)
ทั้งนี้ เงินลงทุนดังกล่าวจะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีที่ลงทุน ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการลงทุน ของกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพจะได้รับการยกเว้นภาษี แต่ถ้าผู้ลงทุนขายคืนหน่วยลงทุนแบบผิดเงื่อนไข ผู้ลงทุนจะต้องคืนภาษีที่ได้รับยกเว้น 5 ปีย้อนหลัง และเสียภาษีเงินได้จากกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน (Capital Gain Tax)
โดยสนใจลงทุนสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ บลจ. แมนูไลฟ์ โทร. 02-354-1001, 02-246-7650 กด 2 เพื่อติดต่อบริษัทจัดการ หรือที่ตัวแทนสนับสนุนการขายที่บริษัทแต่งตั้ง ได้แก่ ธนาคาร ดอยช์ แบงก์ บริษัทหลักทรัพย์ภัทร จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัลักทรัพย์ฟิลลิป จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)
นายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ประธานเจ้าหน้าที่สายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการเสนอขายกองทุนเปิดแมนูไลฟ์ สเตร็งค์ เฟล็กซิเบิลฟันด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ ซึ่งเป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนแรกของบริษัท โดยจะเปิดขายไอพีโอระหว่างวันที่ 15-22 ธันวาคม 2551 นี้
ทั้งนี้ กองทุนเปิดแมนูไลฟ์ สเตร็งค์ เฟล็กซิเบิลฟันด์ มีนโยบายการลงทุนผสมแบบไม่กำหนดสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุน โดยลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารแห่งทุน และหรือเงินฝาก หรือตราสารอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ประกาศกำหนด
โดยในส่วนตราสารแห่งทุนจะลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทหุ้นทุนที่มีปัจจัยพื้นฐาน แนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจ และประวัติการจ่ายเงินปันผลดี โดยผู้จัดการกองทุนจะปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละช่วงเวลาเพื่อผลตอบแทนการลงทุนที่ดี และเป็นการกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุน ทั้งนี้ กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยง (hedging) แต่จะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) หรือตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Credit Linked Note)
“เราเชื่อว่าการลงทุนในกองทุนนี้จะเป็นทางเลือกในการออมเพื่อวัยเกษียณให้กับผู้ลงทุน โดยมีโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นในระยะยาวและยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกด้วย แม้ว่าปัจจุบันภาวะตลาดทุนไทยยังคงผันผวน แต่ผู้ลงทุนก็น่าจะทยอยลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้” นายสุขวัฒน์กล่าว
สำหรับเงื่อนไขการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพนั้น ผู้ลงทุนจะต้องเป็นผู้มีเงินได้ที่เกิดจากการประกอบอาชีพตามมาตรา 40 โดยต้องลงทุนต่อเนื่องทุกๆ ปี ไม่น้อยกว่า 5 ปีติดต่อกันและลงทุนจนถึงอายุ 55 ปี โดยเว้นได้ไม่เกิน 1 ปี ผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างเต็มที่เมื่อลงทุนตามเกณฑ์ที่กำหนด กล่าวคือ ลงทุนขั้นต่ำ 3 % ของเงินได้หรือ 5,000 บาท แล้วแต่จำนวนใดจะต่ำกว่า เงินลงทุนขั้นสูงสุดไม่เกิน 15 % ของเงินได้ในแต่ละปี โดยเมื่อรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือ กบข. แล้วไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี (ไม่เกิน 700,000 บาท ในปี 2551 ทั้งนี้ อยู่ในระหว่างการลงนามอนุมัติอย่างเป็นทางการ)
ทั้งนี้ เงินลงทุนดังกล่าวจะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีที่ลงทุน ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการลงทุน ของกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพจะได้รับการยกเว้นภาษี แต่ถ้าผู้ลงทุนขายคืนหน่วยลงทุนแบบผิดเงื่อนไข ผู้ลงทุนจะต้องคืนภาษีที่ได้รับยกเว้น 5 ปีย้อนหลัง และเสียภาษีเงินได้จากกำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุน (Capital Gain Tax)
โดยสนใจลงทุนสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ บลจ. แมนูไลฟ์ โทร. 02-354-1001, 02-246-7650 กด 2 เพื่อติดต่อบริษัทจัดการ หรือที่ตัวแทนสนับสนุนการขายที่บริษัทแต่งตั้ง ได้แก่ ธนาคาร ดอยช์ แบงก์ บริษัทหลักทรัพย์ภัทร จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัลักทรัพย์ฟิลลิป จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)