xs
xsm
sm
md
lg

เพิ่มลดหย่อนภาษีLTF-RMF ช่วยขยายยอดเงินออม..จริงหรือ?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"แต่ถ้าหากมีการปรับเพิ่มทั้งวงเงินลดหย่อนภาษี พร้อมทั้งการปรับเพิ่มเพดานการลงทุน วิโรจน์ ตั้งเจริญ เชื่อว่า จะเป็นเรื่องที่ดียิ่งสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงอย่างมาก ดังนั้นการหันมาลงทุนในกองทุน LTFและRMF ถือเป็นการลงทุนในระยะยาว หรือเป็นช่องทางการสะสมเงินออมที่ดีสำหรับนักลงทุนอีกทางหนึ่ง "

การลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เป็นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนและประชาชาทั่วไปอย่างมาก เนื่องจากเป็นการลงทุนในระยะยาว และมีสิ่งที่น่าสนใจคือ ผู้ที่ลงทุนผ่านกองทุน RMF และ LTF จะได้รับสิทธิพิเศษในการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคลธรรมดา สูงสุดถึง 5 แสนบาท ตามที่กระทรวงการคลังระบุไว้ ขณะเดียวกันการลงทุนผ่านกองทุนทั้ง 2 นี้ยังถือเป็นการกระตุ้นการลงทุนในตลาดหุ้นอีกด้วย

แต่จากสถานการณ์ของวิกฤตการทางการเงินที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกที่ร้อนแรงและลุกลามไปถึงเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆทั่วโลก ทั้งในยุโรป เอเชีย จนส่งผลให้ตลาดหุ้นของประเทศต่างๆร่วงดิ่งลงอย่างหนักหน่วงและต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นในการลงทุนในตลาดทุนทั้งหลายหดหายลงไปอย่างมาก โดยตลาดหุ้นใน สหรัฐฯเอง รวมถึงในยุโรปและเอเชีย นักลงทุนพากันเทขายหุ้นทิ้ง เพื่อเปลี่ยนมาถือเงินสดหรือนำเงินไปพักที่แหล่งอื่นแทน

แน่นอนว่าวิกฤตการทางการเงินที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงนี้ ส่งผลต่อสภาพของตลาดทุนในแต่ละประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมทั้งประเทศไทยด้วย ทำให้กระทรวงการคลังได้มีมาตรการที่จะช่วยเหลือตลาดทุนของไทย ด้วยการที่จะให้มีการขยายวงเงินลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลธรรมดา สำหรับผู้ที่ลงทุนในกองทุน RMF กับ LTF จากเดิมทึ่ระดับ 500,000 บาท เพิ่มเป็น 700,000 บาท เพื่อเป็นการจูงใจให้คนออกมาลงทุนกันมากขึ้น

วิโรจน์ ตั้งเจริญผู้ช่วยกรรมการการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด 1 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ( บลจ.) กรุงไทย จำกัด เล่าให้ฟังว่า ในกรณีที่กรมสรรพากรได้มีการพิจารณาขยายวงเงินหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของRMF และLTF จากปัจจุบัน 500,000 บาท เป็น 700,000 บาท คาดว่าเป็นการเพิ่มนักลงทุนได้เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะจากวงเงินดังกล่าว คนที่จะลงทุนได้จะต้องมีรายได้ไม่เกิน 3,300,000 บาทต่อปี ซึ่งก็คือ 15%ของรายได้ ซึ่งนักลงทุนที่มีรายถึงระดับ 3,300,000 บาทต่อปี นั้นมีอยู่น้อยมาก ดังนั้นจึงเห็นว่าควรที่จะมีการปรับเพดานการลงทุนแทนการเพิ่มวงเงิน

"หากเป็นการเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษี จาก 500,000 บาท เป็น 700,000 บาท จะทำให้ผู้ที่มีรายได้ 600,000 บาท สามารถที่จะลงทุนในกองทุนรวม LTFหรือRMF ได้ 90,000 บาทเท่านั้น และหากมองดูให้ดีแล้วจะพบว่าไม่ได้เป็นการออมเงินเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด"

ส่วนเรื่องการเพิ่มอัตราการลงทุนโดยปรับเพิ่มขึ้นจาก 15%ของรายได้มาเป็น 20% ของรายได้แทนนั้น เรื่องนี้จะสามารถเพิ่มฐานการลงทุนได้มากกว่าการปรับเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษี เพราะหากมีการปรับเพิ่มเพดานการลงทุนเป็น 20% จะสามารถระดมเม็ดเงินจากนักลงทุนได้ ทั้งในระดับกลางถึงระดับล่างให้เข้ามาร่วมลงทุนได้มากขึ้น

แต่ถ้าหากมีการปรับเพิ่มทั้งวงเงินลดหย่อนภาษี พร้อมทั้งการปรับเพิ่มเพดานการลงทุน วิโรจน์ ตั้งเจริญ เชื่อว่า จะเป็นเรื่องที่ดียิ่งสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงอย่างมาก ดังนั้นการหันมาลงทุนในกองทุน LTFและRMF ถือเป็นการลงทุนในระยะยาว หรือเป็นช่องทางการสะสมเงินออมที่ดีสำหรับนักลงทุนอีกทางหนึ่ง รวมถึงยังสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้จากกรมสรรพากรซึ่งถือเป็นข้อดีของ กองทุน LTFและRMF ซึ่งจากตรงนี้จะทำให้ยอดการเติบโตของกองทุนทั้ง 2 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งยังสามารถกระตุ้นให้นักลงทุนที่ไม่เคยลงทุนหันมาร่วมออมเงินผ่านกองทุนทั้งสองประเภทมากขึ้น

 "หากมีการเพิ่มวงเงินลงทุนของกองทุน LTFและRMF จะทำให้กองทุนทั้ง 2 โตขึ้นจากเดิมที่มีอัตราการเติบโตประมาณ 30% เพราะเมื่อมาเปรียบเทียบกับรายได้ของนักลงทุนไทยจะพบว่า คนที่เสียภาษีมีไม่เกิน 10% คือกลุ่มคนที่มีรายได้ไม่เกิน 500,000 บาท ขณะที่ คนที่มีราย 500,000-1,000,000 บาท จะต้องเสียภาษี 20% ซึ่งหากมีการอนุมัติเรื่องการเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีและการปรับเพิ่มเพดานการลงทุนจะทำให้มีการออมเพิ่มขึ้น 10-20% ต่อปี โดยในเรื่องนี้ทางด้านของนายกสมาคมบริษัทจัดการลงททุน และบลจ.ต่างๆ ได้มีการผลักดันให้มีการอนุมัติการพิ่มวงเงินและเพดานการลงทุนไปพร้อมๆกัน

ขณะที่ อนุสรณ์ บูรณการนนท์กรรมการผู้จัดการ บลจ. บีที ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า เป็นสัญญาณที่ดีจากรัฐบาลชุดนี้ ที่มีการตัดสินใจและทำงานพร้อมทั้งแก้ปัญหาเรื่องต่างๆได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังตรงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ด้วย

สำหรับการเพิ่มเพดานการลงทุนนั้น ถือเป็นการเพิ่มวงเงินลงทุนให้กับนักลงทุน ถึงแม้ว่าเม็ดเงินลงทุนที่เข้ามาใหม่จะมีไม่มากนัก แต่จะสามารถกระตุ้นบรรยากาศการลงทุนให้กลับมาน่าลงทุนอีกครั้ง โดยเฉพาะนักลงทุนที่มีรายได้สูงจะกลับเข้ามาลงทุนในช่วงที่หุ้นมีราคาถูกกว่าช่วงก่อนหน้านี้ ถือเป็นการลงทุนที่เหมาะสมกับภาวะตลาดในปัจจุบัน

"หุ้นตัวใหญ่ในตลาดที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนราคาได้ปรับตัวลดลงมามาก จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่นักลงทุนจะเข้าไปช้อนหุ้นพื้นฐานดี ปัจจัยดี อนาคตการฟื้นตัวเร็วมาไว้ในพอร์ต เพื่อรอระยะเวลาให้ตลาดปรับตัวขึ้นมาก็จะมาสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้ เพราะการลงทุนที่ถูกจังหวะ สามารถสร้างกำไรให้กับนักลงทุนได้ดี"อนุสรณ์กล่าว

ขณะเดียวกัน บริษัทคาดว่าไตรมาส 4 ของปีนี้ ภาพรวมของอุตสาหกรรมกองทุนรวมน่าจะคึกคักมากกว่าปีก่อน และจากเหตุการณ์วิกฤตการเงินที่เกิดขึ้น ทำให้นักลงทุนเล็งเห็นว่าควรที่จะมีการลงทุนในประเทศมากกว่าการลงทุนในต่างประเทศ

กรรมการผู้จัดการ บอกอีกว่า ภาวะตลาดหุ้นในขณะนี้ทำให้ผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่ มองว่าการลงทุนในกองทุน LTFและRMF จะต้องเน้นลงทุนในหุ้นตัวใหญ่ๆของตลาดเป็นหลัก เนื่องจากมองว่าเป็นการลงทุนที่น่าจะมีความได้เปรียบ รวมทั้งนักลงทุนมีความมั่นใจในการบริหารจัดการกองทุนและจะกลับเข้ามาลงทุน

โดยหุ้นที่ได้รับความสนใจอยู่ในขณะนี่ คือ หุ้นในกลุ่มธนาคาร กลุ่มสื่อสาร ที่ราคาได้ปรับตัวลดลงไปมากแล้ว และมีโอกาสที่จะดีดตัวกลับขึ้นมาทำกำไรได้ ซึ่งอนาคตหุ้นในกลุ่มนี้ยังมีการเติบโตที่ดี ในส่วนของหุ้นกลุ่มพลังงานนั้น อาจต้องรอเวลาในการลงทุน หรือรอให้ราคาปรับตัวลดลงมาอีกนิดถึงน่าที่จะเข้าไปลงทุนได้ แต่ขณะนี้หุ้นกลุ่มนี้ก็ยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมากเหมือนกัน

ทั้งหมดนี้ เป็นมุมมองจากผู้จัดการกองทุน ที่มีต่อภาวะการลงทุนในหุ้น รวมทั้ง กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่กำลังจะได้รับการขยายสิทธิประโยชน์ต่อผู้เสียภาษี โดยหากกระทรวงการคลังอนุมัติเรื่องนี้แล้ว คาดว่าจะมีนักลงทุนจำนวนมากทีเดียวที่ให้ความสนใจลงทุนในกองทุนทั้ง 2 นี้ ซึ่งคงต้องรอลุ้นมติครม.วันนี้ว่าจะเป็นอย่างไร หรืออาจต้องเลื่อนการพิจารณาเรื่องดังล่าวออกไปก่อน แต่สำหรับผู้ลงทุนเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป และไม่ควรมองข้ามสิทะประดยชน์ครั้งนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น