xs
xsm
sm
md
lg

วรรณรุกศึกษาอีทีเอฟกองใหม่ ล่าสุดเพิ่มช่องทางขายผ่านBT

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.วรรณระบุการเข้าไปลงทุนในกองทุนอีทีเอฟใหม่ยังต้องใช้เวลาพอสมควร โดยจะเน้นประชาสัมพันธ์กองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ เพื่อเป็นปูทางไปสู่การลงทุนในกองทุนอีทีเอฟใหม่ในอนาคต ล่าสุดแต่งตั้ง "ไทยธนาคาร"เป็นตัวแทนขายกองทุนเปิดวรรณเอเอ็มซีเล็คทีฟโกรทหุ้นระยะยาว และกองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว เพิ่มช่องทางให้ลูกค้าเข้าถึงมากขึ้น

นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมองว่าการที่บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI ซึ่งเป็นพันธมิตรในการออกกองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟ (ThaiDEX SET50 ETF: TDEX) และเป็นผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) ของกองทุนดังกล่าว มีแผนที่จะออกสินค้าใหม่ ซึ่งเป็นกองทุนอีทีเอฟนั้น เรื่องนี้จะเป็นผลดีต่อการพัฒนาตลาดทุนในระยะยาว และจะทำให้มีเครื่องมือใหม่ๆ ให้นักลงทุนสามารถเลือกใช้ได้มากขึ้น และเป็นการดีที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ที่เข้ามาให้การสนับสนุนมาโดยตลอด

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเห็นว่าเรื่องดังกล่าวยังอยู่ในกระบวนการศึกษาในเรื่องกองทุนอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund : ETF) กองทุนใหม่ โดยในช่วงต่อไปบริษัทจะเน้นในด้านการประชาสัมพันธ์กองทุนเปิดไทยเด็กซ์เซ็ท 50 อีทีเอฟให้มากขึ้น ส่วนการมีโอกาสเข้าไปลงทุนในกองทุน ETF กองทุนใหม่นั้นมองว่ายังต้องใช้ระยะเวลาอีกพอสมควร และยังอยู่ในระหว่างการศึกษารายละเอียดของดัชนีหุ้นต่างประเทศที่เข้าไปอ้างอิง และยังไม่สรุปได้ว่าจะเป็นดัชนีของตลาดหุ้นของประเทศใด

ขณะเดียวกัน บลจ.วรรณ ได้รายงานว่าบริษัทได้ประกาศแต่งตั้งให้ธนาคาร ไทยธนาคาร จํากัด (มหาชน) เพื่อเป็นผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุน (Selling Agency) เพิ่มเติมของกองทุนเปิดวรรณเอเอ็มซีเล็คทีฟโกรทหุ้นระยะยาว (1SG-LTF) และกองทุนเปิดวรรณเอเอ็มสมาร์ทหุ้นระยะยาว (1SMART-LTF) โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2551 เป็นต้นไป

ก่อนหน้านี้ นางสาวนฤมล อาจอำนวยวิภาส ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่ายธุรกิจตราสารอนุพันธ์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า จากภาวะตลาดหุ้นไม่ดีนั้น เป็นช่วงที่ทำให้บริษัทมีการศึกษาที่จะออกสินค้าใหม่ๆ ในปีหน้า 4 สินค้า ประกอบด้วย 1.การออกกองทุนอีทีเอฟ 3 คือ ที่อ้างอิงดัชนีต่างประเทศ คือ ดัชนีนิเคอิ และฮั่งเส็ง ฯลฯ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษากฎเกณฑ์และค่าลิขสิทธิ์ในการที่จะออกอีทีเอฟกับดัชนีของประเทศดังกล่าว

ทั้งนี้ การที่ดัชนีในต่างประเทศปรับตัวลดลงมาจากปัญหาวิกฤตทางการเงินสหรัฐนั้น ถือว่าเป็นโอกาสที่จะออกอีทีเออ้างอิงดัชนี เพราะ จะได้ลงทุนในราคาที่ต่ำ ซึ่งหากรอให้ภาวะตลาดดีแล้วเข้าไปซื้อนั้นอาจจะซื้อไม่ทันทำให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงไปทำให้ต้องซื้อในราคาที่แพง และบริษัทกำลังพิจารณาออกอีทีเอฟกลุ่มอุตสาหกรรม และอีทีเออ้างอิงกับดัชนีฟุ้ตซี่หุ้นขนาดใหญ่ (FTSE Large Cap ETF) รวมถึงอีทีเอฟที่อ้วงอิงกับสินค้าคอมมูนิตี้ (ETC) เช่น น้ำตาล น้ำมัน กาแฟ ข้าวโพด ถั่วเหลือง

สินค้าที่2 คือการออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW)อ้างอิงกับหุ้นที่ซื้อขายในกระดาน ประมาณ 10 หุ้นแรกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในการนำเข้าจดทะเบียน ซึ่งคาดว่าในไตรมาส1/52ก.ล.ต.จะมีการออกเฏณฑ์ในการเสนอขาย และบริษัทคาดว่าจะสามารถออกDW ได้ในไตรมาส2/52 โดยคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท

โดยสินค้าที่3 คือ การออกสตรัคเจอร์โน๊ตที่อ้างอิงกับหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แล้วนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และสินค้าที่ 4 คือ การพัฒนาระบบการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์(SBL) บนระบบการส่งคำซื้อขายโดยตรง (DMA)เพื่อรองรับการทำธุรกรรมอาบีถาด ของลูกค้าสถาบันต่างประเทศ และพัฒนาระบบSBL ให้มีการซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ต สำหรับลูกค้าบุคคลเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว

"สำหรับสินค้าใหม่ของบริษัทคาดว่าสินค้าแรกที่จะสามารถออกได้ คือ ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ที่อ้างอิงหุ้นและนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ "นางนฤมล กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น