บลจ.กสิกรไทยเชื่อไทย-เทศยังสนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ช่วงเศรษฐกิจผันผวน แต่ขึ้นอยู่กับความน่าสนใจของสินทรัพย์ที่ลงทุน ทั้งผลตอบแทนและความเสี่ยง มั่นใจนักลงทุนได้รับผลกระทบน้อย เหตุเป็นการลงทุนระยะยาว และส่วนใหญ่มีการันตีผลตอบแทน พร้อมเผยมีการเจรจาออกกองประเภทนี้เพิ่มปีหน้าทั้งรูปแบบ กองใหม่ และขยายกองเก่า
นายอโศก วงศ์ชะอุ่ม รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เศรษฐกิจมีความผันผวนนั้น คงจะไม่มีผลกระทบต่อกองทุนประเภทนี้ของบริษัทเนื่องจากเป็นกองที่ทำการขายไปหมดแล้ว
ทั้งนี้ ในส่วนของนักลงทุนคงจะได้รับผลกระทบเล็กน้อยเพราะเป็นการลงทุนในระยะยาว นอกจากนี้กองทุนอสังหาริมทรัพย์อย่าง เซนทารายังมีการการันตีผลตอบแทนในช่วง 4 ปีถึง 9% โดยเชื่อว่าในช่วงเวลา 4 ปีหลังจากนี้ปัญหาต่างน่าจะคลี่คลายลงได้
“ผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและยอดจองโรงแรมมันมีอยู่แล้ว แต่นักลงทุนคงจะได้รับน้อยเพราะเป็นการลงทุนระยะยาว และกองอย่างเซนทาราเองก็มีการรันตีใน 4 ปีแรกอยู่แล้ว”นายอโศกกล่าว
นายอโศก กล่าวอีกว่า การเปิดขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือขายกองทุนเก่าที่มีอยู่แล้วในปีนี้อาจจะชะลอตัวบ้าง และในปีนี้น่าจะไม่มีการออกกองทุนประเภทนี้มาเพิ่ม อย่างไรก็ตามในปีหน้า บริษัทเชื่อว่าคงจะมีกองทุนประเภทนี้ออกมาบ้าง เนื่องจากขณะนี้ได้มีการเจรจากับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์หลายรายพอสมควร
“ปีหน้าน่าจะได้เห็นกันบ้าง ซึ่งกองที่ออกมาน่าจะมีทั้ง 2 ลักษณะ คือไม่เกี่ยวกับ 2 กองแรกเลย หรืออาจเป็นกองเก่าที่จะขยายเพิ่มเข้ามา อย่างที่เซนทาราเองเคยมีการพูดกันถึงเรื่องนี้เหมือนกันว่าจะมีการนำสินทรัพย์มาขยายกองทุนเพิ่มเติมได้ในอนาคต”นายอโศกกล่าว
ทั้งนี้ สินทรัพย์ที่น่าสนใจในปีหน้าเชื่อว่าจะยังเป็นในรูปแบบเดียวกับปีนี้ ทั้งศูนย์การค้า และเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ส่วนสินทรัพย์ประเภทอื่นจะขึ้นอยู่กับความน่าสนใจของตัวมันเองว่าจะมีมากน้อยขนาดไหน ส่วนจะเป็นฟรีโฮลด์ หรือ ลิสต์โฮลด์ ก็ได้ ขึ้นอยู่กับออปชั่นที่ได้รับทั้งเรื่องผลตอบแทน และความเสี่ยงที่อาจแตกต่างกันนอกจากนี้ยังต้องดูว่าสินทรัพย์นั้นมีที่มาเป็นอย่างไรอีกด้วย
นายอโศก กล่าวอีกว่า ในปีหน้าเชื่อว่ากองทุนอสังหาริมทรัพย์นั้นจะยังคงได้รับความน่าสนใจจากนักลงทุนภายในประเทศ และต่างประเทศ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่นำมาจัดตั้งกองทุนด้วยว่าจะมีความน่าสนใจมากน้อยขนาดไหน ซึ่งการลงทุนในกองทุนนี้จะเหมือนกับการลงทุนตราสารหนี้ที่ต้องดูผลตอบแทนและความเสี่ยงเช่นเดียวกัน
สำหรับบลจ.กสิกรไทยนั้นมีกองทุนอสังหาริมทรัพย์อยู่ด้วยกัน 2 ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์โกลด์ (GOLDPF) ซึ่งมี มูลค่าโครงการ 2,060 ล้านบาท โดยมีนโยบายลงทุนในสิทธิการเช่าโครงการเมย์แฟร์ แมริออท เอ็กเซคคูทีฟ อพาร์ทเม้นท์ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนหลังสวนและอยู่ตรงข้ามกับโครงการเออร์บานา ซึ่งเงื่อนไขการลงทุนของกองทุนนี้ กองทุนจะได้สิทธิในการซื้อขาดโครงการจากบริษัท โกลเด้น แลนด์ (เมย์แฟร์) จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ ณ สิ้นปีที่ 30 ในราคา 405 ล้านบาท หรือ ณ สิ้นปีที่ 60 ในราคา 984 ล้านบาท
โดยกองทุนได้รับการค้ำประกันรายได้ในการดำเนินงานของโครงการจากผู้เช่าในช่วง 5 ปีแรก ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนในช่วงเวลาดังกล่าว ประมาณ 7.4 – 7.5% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในปัจจุบัน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในรูปเงินปันผลปีละไม่เกิน 2 ครั้ง และภายหลังจากจากปีที่ 5 ในกรณีที่กองทุนมีกำไร กองทุนจะจ่ายเงินปันผลให้ผู้ลงทุนไม่ต่ำกว่า 90% ของกำไรประจำงวด
ส่วน กองทุน CENTARA เป็นกองทุนที่ตั้งขึ้นมาใหม่ในปีนี้ โดยมีนโยบายการลงทุนในสิทธิการเช่าโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีช รีสอร์ท สมุย โรงแรมระดับ 5 ดาว ตั้งอยู่บนหาดเฉวง เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเวลา 30 ปี พร้อมรับประกันรายได้ค่าเช่าสะสมของกองทุนไม่ต่ำกว่า 9% ต่อปี เป็นระยะเวลา 4 ปีเต็ม
นายอโศก วงศ์ชะอุ่ม รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เศรษฐกิจมีความผันผวนนั้น คงจะไม่มีผลกระทบต่อกองทุนประเภทนี้ของบริษัทเนื่องจากเป็นกองที่ทำการขายไปหมดแล้ว
ทั้งนี้ ในส่วนของนักลงทุนคงจะได้รับผลกระทบเล็กน้อยเพราะเป็นการลงทุนในระยะยาว นอกจากนี้กองทุนอสังหาริมทรัพย์อย่าง เซนทารายังมีการการันตีผลตอบแทนในช่วง 4 ปีถึง 9% โดยเชื่อว่าในช่วงเวลา 4 ปีหลังจากนี้ปัญหาต่างน่าจะคลี่คลายลงได้
“ผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและยอดจองโรงแรมมันมีอยู่แล้ว แต่นักลงทุนคงจะได้รับน้อยเพราะเป็นการลงทุนระยะยาว และกองอย่างเซนทาราเองก็มีการรันตีใน 4 ปีแรกอยู่แล้ว”นายอโศกกล่าว
นายอโศก กล่าวอีกว่า การเปิดขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือขายกองทุนเก่าที่มีอยู่แล้วในปีนี้อาจจะชะลอตัวบ้าง และในปีนี้น่าจะไม่มีการออกกองทุนประเภทนี้มาเพิ่ม อย่างไรก็ตามในปีหน้า บริษัทเชื่อว่าคงจะมีกองทุนประเภทนี้ออกมาบ้าง เนื่องจากขณะนี้ได้มีการเจรจากับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์หลายรายพอสมควร
“ปีหน้าน่าจะได้เห็นกันบ้าง ซึ่งกองที่ออกมาน่าจะมีทั้ง 2 ลักษณะ คือไม่เกี่ยวกับ 2 กองแรกเลย หรืออาจเป็นกองเก่าที่จะขยายเพิ่มเข้ามา อย่างที่เซนทาราเองเคยมีการพูดกันถึงเรื่องนี้เหมือนกันว่าจะมีการนำสินทรัพย์มาขยายกองทุนเพิ่มเติมได้ในอนาคต”นายอโศกกล่าว
ทั้งนี้ สินทรัพย์ที่น่าสนใจในปีหน้าเชื่อว่าจะยังเป็นในรูปแบบเดียวกับปีนี้ ทั้งศูนย์การค้า และเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ส่วนสินทรัพย์ประเภทอื่นจะขึ้นอยู่กับความน่าสนใจของตัวมันเองว่าจะมีมากน้อยขนาดไหน ส่วนจะเป็นฟรีโฮลด์ หรือ ลิสต์โฮลด์ ก็ได้ ขึ้นอยู่กับออปชั่นที่ได้รับทั้งเรื่องผลตอบแทน และความเสี่ยงที่อาจแตกต่างกันนอกจากนี้ยังต้องดูว่าสินทรัพย์นั้นมีที่มาเป็นอย่างไรอีกด้วย
นายอโศก กล่าวอีกว่า ในปีหน้าเชื่อว่ากองทุนอสังหาริมทรัพย์นั้นจะยังคงได้รับความน่าสนใจจากนักลงทุนภายในประเทศ และต่างประเทศ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่นำมาจัดตั้งกองทุนด้วยว่าจะมีความน่าสนใจมากน้อยขนาดไหน ซึ่งการลงทุนในกองทุนนี้จะเหมือนกับการลงทุนตราสารหนี้ที่ต้องดูผลตอบแทนและความเสี่ยงเช่นเดียวกัน
สำหรับบลจ.กสิกรไทยนั้นมีกองทุนอสังหาริมทรัพย์อยู่ด้วยกัน 2 ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์โกลด์ (GOLDPF) ซึ่งมี มูลค่าโครงการ 2,060 ล้านบาท โดยมีนโยบายลงทุนในสิทธิการเช่าโครงการเมย์แฟร์ แมริออท เอ็กเซคคูทีฟ อพาร์ทเม้นท์ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนหลังสวนและอยู่ตรงข้ามกับโครงการเออร์บานา ซึ่งเงื่อนไขการลงทุนของกองทุนนี้ กองทุนจะได้สิทธิในการซื้อขาดโครงการจากบริษัท โกลเด้น แลนด์ (เมย์แฟร์) จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ ณ สิ้นปีที่ 30 ในราคา 405 ล้านบาท หรือ ณ สิ้นปีที่ 60 ในราคา 984 ล้านบาท
โดยกองทุนได้รับการค้ำประกันรายได้ในการดำเนินงานของโครงการจากผู้เช่าในช่วง 5 ปีแรก ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนในช่วงเวลาดังกล่าว ประมาณ 7.4 – 7.5% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในปัจจุบัน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในรูปเงินปันผลปีละไม่เกิน 2 ครั้ง และภายหลังจากจากปีที่ 5 ในกรณีที่กองทุนมีกำไร กองทุนจะจ่ายเงินปันผลให้ผู้ลงทุนไม่ต่ำกว่า 90% ของกำไรประจำงวด
ส่วน กองทุน CENTARA เป็นกองทุนที่ตั้งขึ้นมาใหม่ในปีนี้ โดยมีนโยบายการลงทุนในสิทธิการเช่าโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีช รีสอร์ท สมุย โรงแรมระดับ 5 ดาว ตั้งอยู่บนหาดเฉวง เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเวลา 30 ปี พร้อมรับประกันรายได้ค่าเช่าสะสมของกองทุนไม่ต่ำกว่า 9% ต่อปี เป็นระยะเวลา 4 ปีเต็ม