บลจ.บีที จับอาคารสำนักงานบนถนนวิภาวดีรังสิต ตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ลงทุนในกรรมสิทธิ์ด้วยมูลค่า 1,500 ล้านบาท คาดการณ์ผลตอบแทนเบื้องต้นสูงกว่า 7% เปิดได้สิ้นปีนี้ ด้านบลจ.นครหลวงไทย เลื่อนขายกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา สาทร เป็น 21 ส.ค.- 3 ก.ย. รอเงินลูกค้าเข้า
นายนกุล ไชยนิล ผู้จัดการกองทุนอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า ภายในปีนี้ บริษัทมีแผนจะจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) เพิ่มอีก 1 กอง โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในกรรมสิทธิ์ (ฟรีโฮลด์) ของอาคารสำนักงานให้เช่า ซึ่งตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต และมีมูลค่าโครงการประมาณ 1,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ อาคารสำนักงานดังกล่าว ปัจจุบันมีจำนวนผู้เช่าอยู่เต็มพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีอัตราการเช่าเต็มพื้นที่มาโดยตลอด ส่วนอัตราผลตอบแทนของกองทุนนั้น ในเบื้องต้นคาดว่าจะได้สูงกว่า 7% โดยที่ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนดังกล่าวเต็มจำนวนไม่มีการบวกเงินต้น เพราะกองทุนซื้อขาดมาเป็นทรัพย์สินของกองทุน ซึ่งต่างกับกองทุนสิทธิการเช่า ที่ต้องจ่ายคืนเงินต้นกลับมาด้วย ทำให้ผลตอบแทนที่ได้มาถูกหักจากเงินต้นออกไปส่วนหนึ่ง
“กองทุนนี้เราลงทุนซื้อเป็นทรัพย์สินของกองทุน เพราะเราเชื่อว่าปัจจุบันนักลงทุนให้ความสนใจกับกองทุนฟรีโฮลด์มากกว่า ซึ่งกองทุนประเภทนี้ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนเต็มที่โดยไม่ต้องหักเงินต้น”นายนกุลกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงสิ้นเดือนนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถเปิดขายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กองแรกที่ลงทุนในคลังสินค้ามูลค่า 603 ล้านบาทได้ โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนฟรีโฮลด์เช่นกัน ดังนั้น ผลประโยชน์ระยะยาวจะตกเป็นของผู้ถือหน่วยอย่างสมบูรณ์ด้วย ซึ่งกรรมสิทธ์ในอสังหาริมทรัพย์จะรวมทั้งอาคารคลังสินค้าและที่ดินทั้งหมด
ทั้งนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ประเภท คลังสินค้า เป็นประเภทการลงทุนที่มีสภาพคล่องทางการเงินสูง กองทุนจะมีรายได้จากค่าเช่าโกดังสินค้า ซึ่งลูกค้ามากกว่า 100 บริษัท รวมทั้งบริษัทขนาดใหญ่ ที่เป็นที่รู้จัก เช่น แอมเวย์ เบียร์ช้าง หรือ แกรนด์สปอต เป็นต้น ทั้งนี้จะมีการปรับค่าเช่า รายปีประมาณ 3-4% ต่อปี นอกจากนี้บริเวณ ดังกล่าวไม่มีคลังสินค้าอื่นเป็นคู่แข่งทางธุรกิจอีกด้วย
นายนกุลกล่าวว่า นอกเหนือจากกองทุนที่คาดว่าจะเปิดขายจำนวน 2 กองทุนในปีนี้แล้ว บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์อื่นจำนวนหลายราย ซึ่งรวมถึงเซอร์วิส อพาร์ทเมนต์บนถนนสุขุมวิทด้วย ซึ่งโครงการดังกล่าวมีมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท และจะลงทุนในกรรมสิทธิ์เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ หากได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้วจะสามารถจัดตั้งกองทุนได้ในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า
ด้านนายนที ดำรงค์กิจการ ผู้จัดการกองทุน บลจ.นครหลวงไทย กล่าวว่า บริษัทได้เลื่อนการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกของกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา สาทร มูลค่าโครงการ 1,400 ล้าน ออกไปเป็นวันที่ 21 สิงหาคม - 3 กันยายนแทน หลังจากก่อนหน้านี้ ได้เสนอกำหนดวันขายหน่วยลงทุนช่วงไอพีโอระหว่างวันที่ 14-21 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยสาเหตุที่ต้องเลื่อนขายกองทุนออกไปก่อน เนื่องจากมีนักลงทุนบางส่วนที่แสดงความจำนงจะร่วมลงทุนยังติดปัญหาช่วงเวลาการลงทุน เพราะบางส่วนต้องเสนอบอร์ดอนุมัติก่อน ดังนั้น จึงได้เลื่อนวันออกไปเพื่อให้สอดคล้องกับช่วงช่วงเวลาที่ผู้ลงทุนสนใจซื้อดังกล่าว
นายนทีกล่าวว่า ถึงแม้กองทุนดังกล่าวจะเป็นกองทุนประเภทสิทธิการเช่า (ลิสโฮลด์) แต่ก็เชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเช่นเดียวกับกองทุนประเภทฟรีโฮโลด์ ส่วนนักลงทุนจะเลือกลงทุนประเภทไหนนั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนักลงทุนเอง อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้งของสินทรัพย์มากกว่า ซึ่งโครงการเออร์บานาเองก็ตั้งอยู่บนถนนสาทร ที่เป็นแหล่งใจกลางเมือง และมีโอกาสที่รายได้ค่าเช่าจะปรับขึ้นในอนาคต ซึ่งความแตกต่างของกองทุนประเภทนี้ อยู่ที่กองลิสโฮลด์ไม่สามารถเอาที่ไปขายต่อได้เท่านั้น แต่จากการคำนวนมูลค่าทรัพย์สินที่ 1,400 ล้านบาท กับระยะเวลาการเช่า 30 ปีถือเป็นอัตราที่เป็นทางเลือกลงทุนได้
ทั้งนี้ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา สาทร รับประกันผลตอบแทนในช่วง 3 ปีแรก โดยในปีที่ 1 อยู่ที่อัตรา 8% ปีที่ 2 อยู่ที่ 9% และ 10% ในปีที่ 3 หลังจากปีที่ 4 เป็นต้นไปจะเหลือ 6%
นายนกุล ไชยนิล ผู้จัดการกองทุนอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า ภายในปีนี้ บริษัทมีแผนจะจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) เพิ่มอีก 1 กอง โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในกรรมสิทธิ์ (ฟรีโฮลด์) ของอาคารสำนักงานให้เช่า ซึ่งตั้งอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต และมีมูลค่าโครงการประมาณ 1,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ อาคารสำนักงานดังกล่าว ปัจจุบันมีจำนวนผู้เช่าอยู่เต็มพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีอัตราการเช่าเต็มพื้นที่มาโดยตลอด ส่วนอัตราผลตอบแทนของกองทุนนั้น ในเบื้องต้นคาดว่าจะได้สูงกว่า 7% โดยที่ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนดังกล่าวเต็มจำนวนไม่มีการบวกเงินต้น เพราะกองทุนซื้อขาดมาเป็นทรัพย์สินของกองทุน ซึ่งต่างกับกองทุนสิทธิการเช่า ที่ต้องจ่ายคืนเงินต้นกลับมาด้วย ทำให้ผลตอบแทนที่ได้มาถูกหักจากเงินต้นออกไปส่วนหนึ่ง
“กองทุนนี้เราลงทุนซื้อเป็นทรัพย์สินของกองทุน เพราะเราเชื่อว่าปัจจุบันนักลงทุนให้ความสนใจกับกองทุนฟรีโฮลด์มากกว่า ซึ่งกองทุนประเภทนี้ ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนเต็มที่โดยไม่ต้องหักเงินต้น”นายนกุลกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงสิ้นเดือนนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถเปิดขายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กองแรกที่ลงทุนในคลังสินค้ามูลค่า 603 ล้านบาทได้ โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนฟรีโฮลด์เช่นกัน ดังนั้น ผลประโยชน์ระยะยาวจะตกเป็นของผู้ถือหน่วยอย่างสมบูรณ์ด้วย ซึ่งกรรมสิทธ์ในอสังหาริมทรัพย์จะรวมทั้งอาคารคลังสินค้าและที่ดินทั้งหมด
ทั้งนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ประเภท คลังสินค้า เป็นประเภทการลงทุนที่มีสภาพคล่องทางการเงินสูง กองทุนจะมีรายได้จากค่าเช่าโกดังสินค้า ซึ่งลูกค้ามากกว่า 100 บริษัท รวมทั้งบริษัทขนาดใหญ่ ที่เป็นที่รู้จัก เช่น แอมเวย์ เบียร์ช้าง หรือ แกรนด์สปอต เป็นต้น ทั้งนี้จะมีการปรับค่าเช่า รายปีประมาณ 3-4% ต่อปี นอกจากนี้บริเวณ ดังกล่าวไม่มีคลังสินค้าอื่นเป็นคู่แข่งทางธุรกิจอีกด้วย
นายนกุลกล่าวว่า นอกเหนือจากกองทุนที่คาดว่าจะเปิดขายจำนวน 2 กองทุนในปีนี้แล้ว บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์อื่นจำนวนหลายราย ซึ่งรวมถึงเซอร์วิส อพาร์ทเมนต์บนถนนสุขุมวิทด้วย ซึ่งโครงการดังกล่าวมีมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท และจะลงทุนในกรรมสิทธิ์เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ หากได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้วจะสามารถจัดตั้งกองทุนได้ในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า
ด้านนายนที ดำรงค์กิจการ ผู้จัดการกองทุน บลจ.นครหลวงไทย กล่าวว่า บริษัทได้เลื่อนการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกของกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา สาทร มูลค่าโครงการ 1,400 ล้าน ออกไปเป็นวันที่ 21 สิงหาคม - 3 กันยายนแทน หลังจากก่อนหน้านี้ ได้เสนอกำหนดวันขายหน่วยลงทุนช่วงไอพีโอระหว่างวันที่ 14-21 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยสาเหตุที่ต้องเลื่อนขายกองทุนออกไปก่อน เนื่องจากมีนักลงทุนบางส่วนที่แสดงความจำนงจะร่วมลงทุนยังติดปัญหาช่วงเวลาการลงทุน เพราะบางส่วนต้องเสนอบอร์ดอนุมัติก่อน ดังนั้น จึงได้เลื่อนวันออกไปเพื่อให้สอดคล้องกับช่วงช่วงเวลาที่ผู้ลงทุนสนใจซื้อดังกล่าว
นายนทีกล่าวว่า ถึงแม้กองทุนดังกล่าวจะเป็นกองทุนประเภทสิทธิการเช่า (ลิสโฮลด์) แต่ก็เชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเช่นเดียวกับกองทุนประเภทฟรีโฮโลด์ ส่วนนักลงทุนจะเลือกลงทุนประเภทไหนนั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนักลงทุนเอง อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้งของสินทรัพย์มากกว่า ซึ่งโครงการเออร์บานาเองก็ตั้งอยู่บนถนนสาทร ที่เป็นแหล่งใจกลางเมือง และมีโอกาสที่รายได้ค่าเช่าจะปรับขึ้นในอนาคต ซึ่งความแตกต่างของกองทุนประเภทนี้ อยู่ที่กองลิสโฮลด์ไม่สามารถเอาที่ไปขายต่อได้เท่านั้น แต่จากการคำนวนมูลค่าทรัพย์สินที่ 1,400 ล้านบาท กับระยะเวลาการเช่า 30 ปีถือเป็นอัตราที่เป็นทางเลือกลงทุนได้
ทั้งนี้ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา สาทร รับประกันผลตอบแทนในช่วง 3 ปีแรก โดยในปีที่ 1 อยู่ที่อัตรา 8% ปีที่ 2 อยู่ที่ 9% และ 10% ในปีที่ 3 หลังจากปีที่ 4 เป็นต้นไปจะเหลือ 6%