คอลัมน์ สังคมกองทุนรวม หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ฉบับประจำวันที่ 14 พฤศจิกายน 2551 /// ทีมงานผู้จัดการกองทุนขอร่วมถวายความจงรักภักดีและร่วมไว้อาลัยต่อการจากไปของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งที่ผ่านมาพระองค์ทรงมีผลงานมากมาย ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศ และทรงทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองเป็นอย่างมากจนหาที่เปรียบมิได้ ดังนั้นพวกเราทีมงานทุกคนขอพร้อมใจส่งเสด็จพระองค์ท่านเสด็จสู่สวรรคาลัย /// ต้องยอมรับว่าในช่วงเย็นของคืนวันลอยกระทง การจราจรในถนนสายต่างๆของกรุงเทพฯ บางเส้นทางแทบเป็นอัมพาต แต่ข้อมูลระบุว่าปีนี้ยอดขายกระทงลดลง เพราะพิษชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนรัดกุมค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่นหนึ่งครอบครัวพ่อแม่ลูก ก็ซื้อร่วมกันเพียงกระทงเดียว ขณะเดียวกันต้นทุนกระทงปัจจุบันมีราคาสูงขึ้น อีกทั้งมีพ่อค้าแม่ค้าบางรายก็หัวใสเกินไป โก่งราคาขายจนเกินเหตุ /// ขอแสดงความยินดีกับ กองทุนเปิดฟิลิปผสมเพื่อการเลี้ยงชีพ (PMIXRMF) ด้วยกับการตอบรับของนักลงทุน แม้อาจมองดูว่าแค่เล็กน้อย 5.8 ล้านบาท แต่เชื่อว่าในอนาคตมูลค่าโครงการจะขยายตัวเพิ่มในไม่ช้า ด้านว รรธนะ วงศ์สีนิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ฟิลลิป ยืนยันว่าสัดส่วนการลงทุนของกองทุนนี้ จะลงทุนในตราสารหนี้เต็มจำนวน เนื่องจากยังกังวลเรื่องตลาดหุ้นที่มีความผันผวนสูงในปัจจุบัน โดยหลังจากนี้จำเป็นจะต้องดูสถาการณ์อีกครั้งว่าจะเข้าลงทุนในหุ้นได้เมื่อไร หรือเรียกว่าช่วงนี่ต้องเอาให้ชัวร์เอาไว้ก่อน...ดีที่สุด /// สมชัย บุญนำศิริ เอ็มดีค่ายกรุงไทย ออกมาประกาศข่าวดีแก่ผู้ถือหน่วยลงทุน กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ปันผล ( KTDF) ว่าจะจ่ายปันผลในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2551 ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานในรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2551 /// นอกจากนี้ยังให้ทัศน์ภาพรวมรวมการลงทุนในตราสารหนี้ว่า ตลอด 10 เดือนที่ผ่านมา ภาวะตลาดตราสารหนี้มีความผันผวนสูงมาก เนื่องจากมีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อทำให้นับจากต้นปีกนง.ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.50% มาอยู่ที่ 3.75% ต่อปี อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากวิกฤตการณ์การเงินในสหรัฐอเมริกาและยุโรปได้เริ่มลุกลามสู่ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง และยังขยายวงกว้างไปยังเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ดังนั้น แต่ละประเทศจึงมีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายนโยบายการการเงินและการคลัง จึงคาดว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 3.25% ภายในสิ้นปีนี้ และมีแนวโน้วจะปรับลดได้อีก 0.25%-0.50% ภายในครึ่งแรกของปี 2552 ...เรื่องนี้น่าคิด ผู้ลงทุนคงต้องติดตามและเฝ้าหารูปแบบการลงทุนที่เป็นประโยชน์ให้ได้มากที่สุด/// ปิดท้ายกันที่ข่าวใหญ่จากต่างแดน ซึ่งไม่ควรมองข้าม นั่นคือ มีการคาดการณ์ว่า กลุ่มกองทุนเฮดจ์ฟันด์ทั่วโลกอาจมีตัวเลขขาดทุนสูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนต่างพากันไถ่ถอนเงินออกจากกองทุนเป็นจำนวนมาก โดยบริษัทจัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ที่สุดในเอเชียอย่าง Sparx Group Co รายงานมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การดูแลในเดือน ต.ค. 2551 เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 8.391 แสนล้านเยน หรือประมาณ 8.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับระดับสูงสุดที่ 2 ล้านล้านเยนในเดือน ส.ค. 2549 โดยดัชนี Eurekahedge Hedge Fund Index ซึ่งเป็นดัชนีบ่งชี้กิจกรรมการลงทุนของกองทุนเฮดจ์ฟันด์กว่า 2,000 แห่งทั่วโลก ร่วงลงเฉลี่ยที่ 3.3% ในเดือน ต.ค. 2551 เมื่อเทียบกับดัชนี MSCI World Index ที่ทรุดตัวลง 19% เมื่อเดือนที่ผ่านมา และจากตลาดที่ประสบภาวะขาดทุนมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) และการถอนเงินของนักลงทุนส่งผลกระทบต่อเม็ดเงินในกองทุนเฮดจ์ฟันด์จำนวน 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อีกทั้งทำให้ ดัชนีชี้วัดกิจกรรมการลงทุนของกองทุนทั่วโลกปีนี้ร่วงลง 11% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ร่วงลงแรงที่สุด ...ซึ่งเรื่องนี้ น่าจะเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปั่นป่วน ส่วนจะมีผบต่อกองทุนหุ้นมากน้อยแค่ไหน ลองรอคอยจับสัญญาณช่วงปลายปีอีกครั้งน่าจะดีกว่า