xs
xsm
sm
md
lg

พ.ร.ก. ฉุกเฉิน...ฉุดการลงทุนชะงัก แม้เป็นแค่ระยะสั้นแต่รัฐบาลต้องหาทางออก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลังจากรัฐบาลตัดสินใจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อวานนี้ (2 ก.ย.) ได้เกิดคำถามตามมาว่า จำเป็นแค่ไหนที่รัฐบาลจะต้องตัดสินใจเช่นนี้ออกมา เพราะจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น รัฐบาลสามารถแก้ปัญหาด้วยวิธีง่ายๆ ที่ไม่ต้องมีเลือดตกยางออก นั่นคือ การประกาศลาออก ของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
 จากการฟังเสียงของหลายคน มองว่า พ.ร.ก. ฉุกเฉินยังไม่จำเป็น เพราะเหมือนเป็นการประกาศว่าเหตุการณ์เข้าขั้นรุนแรงแล้ว...คนในประเทศเองที่เข้าใจเหตุการณ์ อาจจะไม่กังวลมากนัก แต่หากมองในสายตาของต่างชาติ โดยเฉพาะนักลงทุนแล้ว แน่นอนว่าคงไม่อยากเข้ามาลงทุน...
 เกี่ยวกับเรื่องนี้ "ผู้จัดการกองทุนรวม" ได้รวบรวมความเห็นจากผู้จัดการกองทุน ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ว่ามีมุมมองอย่างไร...
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทจัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานครคงยังไม่ถึงขั้นที่จะต้องใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่เชื่อว่าการที่รัฐบาลตัดสินใจแบบนี้ เพราะต้องการป้องกันเอาไว้ล่วงหน้า ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์รุนแรงจะได้มีการระงับทัน โดยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทำให้รัฐบาลอ้างความชอบธรรมในการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉบับนี้ได้
 ทั้งนี้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นคงส่งผลกระทบต่อธุรกิจกองทุนรวมไม่มากนัก เนื่องจากกองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นจะมีคนเข้าซื้อในช่วงที่ตลาดมีการปรับตัวลดลงอยู่แล้ว โดยเฉพาะกองทุนรวม LTF-RMF แต่ในส่วนของนักลงทุนที่เข้าใจการลงทุนจะให้ความสนใจเข้าซื้อหุ้นในตลาดมากกว่ากองทุนรวม นอกจากนี้กองทุนตราสารหนี้ในต่างประเทศเองน่าจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นด้วย เนื่องจากนักลงทุนบ้างคนอาจมองว่าการเมืองภายในประเทศค่อนข้างผันผวน ทำให้อยากกระจายการลงทุนไปในต่างประเทศมากขึ้น
 สำหรับผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศนั้นคงจะเป็นเพียงแค่ในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่มีการคาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่าจะมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉบับนี้ และนักลงทุนต่างประเทศส่วนใหญ่ก็ขายทำกำไรไปก่อนหน้านี้อีกด้วย โดยถึงแม้จะมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแต่ก็ยังอยู่ในความควบคุมของภาครัฐ และยังไม่มีการปฏิวัติเกิดขึ้น ทำให้ภาพพจน์ของประเทศ ยังไม่มีผลกระทบเท่าไรเนื่องจากต่างชาติมักจะมองว่าเป็นไปตามกฎหมายของประเทศอยู่
 "สถานการณ์ขณะนี้คงจะกระทบเพียงแค่ในระยะสั้นเท่านั้น แต่ก็อยากให้เรื่องนี้มันจบโดยเร็วที่สุด โดยยังไม่ทราบเหมือนกันว่ารัฐบาลจะทำอย่างไร แต่หากปล่อยให้ยืดเยื้อแล้ว เชื่อว่าการบริโภคของประชาชนคงจะลดลง เนื่องจากคนจะไม่ค่อยออกไปใช้จ่ายนอกบ้าน และในที่สุดก็จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้"นายธีรนาถกล่าว
พ.ร.ก.ฉุกเฉินฉุดการลงทุนชะงัก
  นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน และกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด กล่าวว่า การประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินเมื่อวานนี้ ส่งผลให้ภาวะการลงทุนในประเทศชะงักลงทันที เนื่องจากนักลงทุนต่างเป็นห่วงว่า ความรุนแรงภายในประเทศขณะนี้จะจบลงอย่างไร เพราะเชื่อว่าไม่มีฝ่ายใดจะได้เป็นผู้ชนะ  เนื่องจากทุกอย่างจะต้องดำเนินไปตามกระบวนการยุติธรรม และคาดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น จะอยู่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ และไม่ยืดเยื้อต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีนักลงทุนบางรายที่อาจจะนำจังหวะของสถานการณ์ที่รุนแรงอยู่นี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีในการช้อนซื้อหุ้นราคาถูกได้
 นาย สมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมื่อเกิดความไม่เเน่นอนภายในประเทศ ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดทุนอยู่บ้าง เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งนักลงทุนต่างประเทศเทขายบ้างเพื่อรอดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่การลงทุนในตลาดตราสารหนี้นั้น ผลตอบเเทนของพันธบัตรระยะสั้นอายุประมาณ 3-6 เดือน ปรับตัวลดลง เนื่องจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นอัตราอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีก 0.25%เเละที่สำคัญความไม่เเน่นอนของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นเเละเลือกเข้ามาพักเงินในตลาดตราสารหนี้เเทน 
 นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ยูโอบี (ไทย) กล่าวว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยรวมแล้ว จะมีผลกระทบต่อตลาดค่อนข้างมาก นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย หลังจากเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2551 มีการประกาศอัตราเงินเฟ้อออกมา แล้วอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ระดับ 6.4% เท่านั้น ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก ทำให้มองว่าตลาดหุ้นน่าจะมีปรับตัวดีขึ้นในวันที่ 2 กันยายนนี้ แต่พอมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกมาทำให้กดดันจนดัชนีไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยขณะนี้ยังประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ค่อนข้างลำบาก
 นายวิชชุ จันทาทับ ผู้อำนวยการ ฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด บอกว่า การประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉินไม่ได้มีผลต่อการลงทุน เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นผลที่ต่อเนื่องมาจากเมื่อครั้งที่มีการชุมนุมของพันธมิตรเมื่อครั้งแรก ดังนั้น จึงเกิดผลเสียต่อเศรษฐกิจแน่นอนเพราะการชุมนุมได้ส่งผลกระทบไปถึงเรื่องของการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น
ตลาดหุ้นรับข่าวเหตุการณ์ไม่รุนแรง
นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในระยะสั้นในสัปดาห์นี้คาดว่าตลาดมีแนวรับที่ 660 จุด และแนวต้านที่ 680 และ 700 จุด โดยเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะไม่ปรับตัวลดลงจากนี้มากนัก เนื่องจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขสาถนการณ์ฉุกเฉิน ได้ประกาศจุดยืนว่าจะไม่ใช้วิธีการรุนแรงในการสลายกลุ่มผู้ชุมนุม
 ส่วนผลที่เกิดขึ้นกับประชาชนทั่วไป ซึ่งที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากปัญหาค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงตามราคาน้ำมัน ในช่วงที่ผ่านมาการแข่งขันลดราคาของโมเดิร์นเทรด หรือการจัดโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบปัญหาสินค้าราคาแพง ก็สามารถบรรทาผลกระทบได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นไปตามกลไกตลาด
 นายภูวดล กล่าวอีกว่า หากสถานการณ์การเมืองไม่ยืดเยื้อยาวนานจนเกินไป เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้าทยอยขายออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้ายาวนาน เชื่อว่าอาจจะกระทบกับเครดิตของประเทศ ซึ่งเห็นได้จากสถาบันจัดอันดับเครดิตสแตนดาร์ดแอนด์ พัวร์ เตรียมที่จะปรับลดอันดับเครดิตของประเทศ หากสถานการณ์การเมืองยังไม่สงบ
 นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึง ผลกระทบต่อทางด้านเศรษฐกิจหลังจากนายกรัฐมนตรีได้ประกาศพระราชกำหนดฉุกเฉิน ว่า ผลกระทบต่อทางด้านเศรษฐกิจนั้น เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องแล้ว แม้ว่ารัฐบาลจะประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉินหรือไม่ก็ตาม เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นเรื่องของความขัดแย้งที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมซึ่งกันและกัน
 ทั้งนี้ เศรษฐกิจของประเทศในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา มีการขยายตัวอยู่ทีระดับ 5.7% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่พอไปได้ แม้ว่าจะเจอปัญหากดดันทั้งในเรื่องของราคานํ้ามัน ปัญหาภาวะเงินเฟ้อ รวมทั้ง การถดถอยทางเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกา แต่เมื่อมาถึงในช่วงครึ่งปีหลัง เศรษฐกิจของประเทศมีการชะลอตัวลงไปมาก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลไม่ได้มีการดำเนินการทางเศรษฐกิจมากมายแต่อย่างใด ขณะเดียวกัน เรื่องของปัญหาทางการเมืองก็มีความรุนแรงขึ้นมาอย่างชัดเจน
 นายอนุสรณ์ ระบุว่า ปัญหาในขณะนี้เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น ซึ่งคงมีปัญหาตามาอีกมาก โดยทางออกของปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้ต้องแก้ที่ปัญหาทางการเมือง แม้ว่ารัฐบาลจะยกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉินแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งได้ หรือแม้กระทั่งการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีใหม่ด้วยก็ตาม เพราะปัญหาเดินๆ ยังไม่หดหายไป
 "อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีนี้ จะยังคงอยู่ในระดับที่ประคองตัว" นายอนุสรณ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น