xs
xsm
sm
md
lg

“ทีดีอาร์ไอ” สับ 6 มาตรการ รัฐเกาไม่ถูกที่คัน อ่านปัญหาไม่ขาด-ทำได้ยาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผอ.ทีดีอาร์ไอ คาดการณ์ “จีดีพี” ปีนี้ ต่ำกว่า 5% หลังตัวเลขส่งออกล่าสุด โตเพียงด้านราคา ส่วนการออก 6 มาตรการ รับมือผลกระทบวิกฤตการเงินโลก อาจเห็นผลได้ในปีหน้า โดยเฉพาะการลงทุนในเมกะโปรเจกต์ที่จะยุ่งยากขึ้น ส่วนมาตรการกระตุ้นส่งออก-ท่องเที่ยว ทำได้ยาก ด้านการลดหย่อนภาษี LTF-RMF ยังต้องดูภาวะตลาด ขณะที่มาตรการให้ บจ.ซื้อหุ้นคืน ต้องขึ้นอยู่กับขั้นตอนการดำเนินการ

วันนี้ (14 ต.ค.) นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ปีนี้น่าจะขยายตัวต่ำกว่า 5% เนื่องจากการส่งออกในไตรมาสที่ 3/51 และไตรมาสที่ 4/51 น่าจะลดต่ำลงพอควร โดยพิจารณาจากสัญญาณการส่งออกเดือน ส.ค.ที่เห็นว่า จะมีการเติบโตเพียงด้านราคาเท่านั้น แต่ด้านปริมาณไม่ได้เติบโตขึ้นเลย ดังนั้นกรณีที่รัฐบาลตั้งเป้าการเติบโตของจีดีพีทั้งปีไว้ที่ 5.1% จึงน่าจะทำได้ยาก

“ในความเห็นส่วนตัว ผมมองว่า เป้าหมายการเติบโต 5.1% ของรัฐบาลคงจะเหนื่อยพอควร เนื่องจากส่งออกช่วงนี้ไม่มีการเติบโตในด้านปริมาณ ส่วนในปีหน้าที่รัฐบาลตั้งเป้าจีดีพีโต 4% นั้น มองว่าต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกด้วย อย่างไรก็ตาม การเติบโตดังกล่าวยังสามารถรองรับการจ้างงานได้ เพราะหากจีดีพีเติบโต 3% ขึ้นไปจะสามารถรองรับการจ้างงานได้”

ส่วน 6 มาตรการของรัฐบาลที่ออกมาเพื่อรองรับปัญหาวิกฤตการเงินโลกนั้น มองว่า มาตรการที่ออกมาหลายๆ มาตรการคงจะส่งผลดีในปีหน้า เช่น โครงการเมกะโปรเจกต์ที่จะมีวงเงินการลงทุนประมาณ 1 แสนล้านบาท เพราะอาจติดเงื่อนไขเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้ และสภาพคล่องผู้ให้กู้ รวมถึงต้นทุนการก่อสร้าง เพราะช่วงแรกของการลงทุน มักจะมีค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ด้านการเวนคืนที่ดิน ซึ่งไม่ก่อให้เกิดการขยายตัวทางการลงทุน

ส่วนเรื่องการกระตุ้นการส่งออกและการท่องเที่ยวนั้น มองว่า เป็นมาตรการที่ทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากต้องดูภาวะเศรษฐกิจโลกประกอบด้วย แม้ว่าประเทศไทยจะเน้นการส่งออกในประเทศที่เป็นตลาดใหม่ เช่น จีนและอินเดีย แต่ก็ต้องดูว่าในอนาคตประเทศดังกล่าวจะยังไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลกเช่นปัจจุบันหรือไม่

สำหรับการขยายวงเงินการลดหย่อนภาษีกองทุน LTF และ RMF นั้น จะเป็นผลดีต่อผู้ออมเงิน แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับภาวะตลาดหุ้นด้วยว่าจะเอื้อให้เข้ามาซื้อหรือไม่ ขณะที่มาตรการการซื้อหุ้นคืนนั้นเป็นมาตรการที่น่าจะทำได้เร็ว เพราะแต่ละบริษัทมีสิทธิซื้อหุ้นคืนได้อยู่แล้ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับการดำเนินการว่าจะทำเสร็จเร็วแค่ไหน
กำลังโหลดความคิดเห็น