บลจ.มั่นใจ"LTF-RMF"ไม่สะดุดหุ้นราคาถูกบวกลดหย่อนภาษียังจูงใจ

บิ๊กบลจ.เชื่อ วิกฤตการเงินแดนมะกัน ไม่กระทบยอดระดมทุน "LTF-RMF" ชี้ราคาหุ้นปรับลดลง ดึงความสนใจมนุษย์เงินเดือน ใส่เงินลงทุนเพิ่ม แถมมีสิทธิลดหย่อนภาษีที่เพิ่มขึ้นเป็น 5 แสนบาทจูงใจ มั่นใจ 3 เดือนสุดท้ายของปี แคมเปญส่งเสริมการขายช่วงปลายปี เรียกเงินลงทุนกลับเข้ามาได้

นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า จากปัญหาทางการเมือง และปัญหาวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาในขณะนี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อเม็ดเงินลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ให้ลดน้อยลงในช่วงปลายปี 2551 ส่วนหนึ่งเพราะที่ผ่านมา มีการเพิ่มวงเงินลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีในกองทุน LTF และ RMF จาก 300,000 บาทเป็น 500,000 บาท ดังนั้น จะสามารถช่วยดึงเม็ดเงินจากนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้น

ขณะเดียวกัน บริษัทมองว่าขณะนี้ราคาหุ้น ได้ปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก โดยเฉพาะหุ้นตัวใหญ่ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน มีการปรับตัวลดลงมากเมื่อเทียบจากช่วงก่อนหน้านี้ ส่งผลให้การประเมินคุณค่าของหุ้นถูกลงด้วย ซึ่งหุ้นบางตัวเมื่อมองถึงค่า P/E จะพบว่าถูกลงมาก จึงทำให้เงินปันผลต่อปีที่คาดว่าจะได้รับเพิ่มขึ้น และจากปัจจัยดังกล่าว บริษัทมองว่าความน่าสนใจในการที่จะเข้าไปลงทุนมีมาก โดยเชื่อมั่นว่าก่อนจะถึงสิ้นปี2551 จะมีนักลงทุนเข้ามาลงทุนในกองทุน LTF และ RMF เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ มองว่าปัญหาทางการเมือง และปัญหาที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา จะส่งผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น แต่สำหรับการลงทุนในระยะยาว 2-3 ปีขึ้นไปนั้น ถือเป็นช่วงที่น่าลงทุนมาก โดยนักลงทุนที่มีรายได้ดีจะลงทุนจะเข้ามาถือหน่วยลงทุนมากขึ้น จึงทำให้บริษัทคาดว่าเม็ดเงินที่จะเข้ามาในกองทุนทั้งสองน่าจะสมน้ำสมเนื้อพอสมควร

"ในช่วงเวลาที่เหลืออีก 3 เดือน บลจ.อื่นๆจะน่ามีการส่งเสริมการขาย และมีการกระตุ้นการขายให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในกองทุนทั้งสอง เพื่อเรียกเม็ดเงินลงทุนให้กับกองทุนดังกล่าว ซึ่งเรามองว่าการที่กองทุนทั้งสองได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี จะยิ่งทำให้นักลงทุนรายใหม่เข้ามาลงทุนมากขึ้น"นายอนุสรณ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เตรียมกองทุนใหม่ออกมาขายเพื่อเอาใจนักลงทุน ซึ่งเป็นกองทุนประเภทสตรัคเจอร์โน้ต โดยมีผลตอบแทนอิงกับราคาทองคำ ทั้งนี้ บริษัทกำลังรอดูสถานการณ์ของตลาดหลักทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศให้อยู่ในระดับที่ทรงตัวหรือรอจังหวะที่เหมาะสมจึงจะนำกองทุนดังกล่าวออกมาขายให้นักลงทุน

นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ธนชาต กล่าวว่า สำหรับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงนี้ พบว่าราคาหลักทรัพย์มีการปรับตัวลดลงอย่างมาก ทำให้บริษัทมองว่าตลาดหลักทรัพย์เป็นช่วงสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก คลื่นลมแรง โดยมีสาเหตุมาจากปัจจัยทางด้านการเมือง และปัญหาจากสหรัฐอเมริกา จึงจำเป็นที่จะต้องมีการจัดการกับปัญหาเหล่านี้ ทั้งนี้ เมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวได้ถูกแก้ไขเรียบร้อยแล้ว บริษัทคาดว่าจะมีนักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนใหม่

โดยการลงทุนในกองทุน LTF และกองทุน RMF เป็นการลงทุนระยะยาว อีกทั้งยังช่วยลดหย่อนภาษีได้ จึงทำให้บริษัทมองว่าการลงทุนในช่วงนี้ สามารถที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กลับนักลงทุนได้ เนื่องมาจากช่วงนี้ราคาหุ้นได้มีการปรับตัวลดลงอย่างมาก จึงถือเป็นจังหวะที่ดีที่จะเข้าไปเก็บหุ้นพื้นฐานดี เพื่อรอเวลาในการสร้างผลตอบแทนที่ดี ทั้งนี้ บริษัทคาดว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลกระทบต่อกองทุนกองทุน LTF และกองทุน RMF อย่างแน่นอน

"จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเม็ดเงินที่จะเข้ามาลงทุนในกองทุนLTF และกองทุน RMF โดยเราคาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในกองทุนดังกล่าวในช่วงปลายปี2551 เพิ่มขึ้นมากกว่าปี 2550 เนื่องมาจากได้มีการเพิ่มวงเงินลงทุนพื่อลดหย่อนภาษีในกองทุนLTFและRMF จาก 300,000 บาทเป็น 500,000 บาท อีกทั้ง ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงอย่างมากทำให้นักลงทุนมีความกล้าที่จะกลับลงทุนในกองทุนมากขึ้น"นายบุญชัยกล่าว