“ผู้จัดการคุยกับนักลงทุน” สัปดาห์นี้พาท่านผู้อ่านมาสัมผัสแนวคิดของคนรุ่นใหม่อย่าง พจน์ สุพรหมจักร นักวิจัย ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (ตสล.) ว่าเขามีมุมมองอย่างไรบ้างต่อการลงทุนในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจนี้ และที่จะลืมเสียมิได้เลยนั้นคือการจัดสรรพอร์ตการลงทุนของตัวเองว่ามีแนวคิดและกลยุทธอย่างไรบ้าง?
พจน์ เริ่มบอกว่า กับตำแหน่งงานนักวิจัยตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า สิ่งที่ต้องรับผิดชอบดูแล คือการประเมินฟิวเจอร์สว่าต่อไปในอนาคตข้างหน้าว่าจะเป็นอย่างไร รวมถึงต้องหาความเป็นไปได้ในสินค้าตัวใหม่ที่จะมานำเสนอในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าด้วย ซึ่งนับว่านี่คืองานหลัก นอกจากนี้แล้วยังมีงานออกไปสอนหนังสือให้ความรู้ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยสอนเกี่ยวกับบการลงทุนด้านฟิวเจอร์สเป็นส่วนใหญ่ หรือออกไปให้ความรู้ตามงานอีเวนท์ต่าง ๆ อย่างเช่นงานมันนี่เอ็กโปร์ เป็นต้น
ทั้งนี้ก่อนที่จะมาทำงานที่ตสล. พจน์เคยทำอยู่ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ในช่วงที่จีอี แคปปิตอล เข้ามาร่วมทุนใหม่ ๆ ได้โดยจะรับผิดชอบในเรื่องของอนุพันธ์ ซึ่งการทำงานที่นี่ถือเป็นงานแรกที่ได้ทำในประเทศไทย เนื่องจากว่าพจน์เติบโตที่ต่างประเทศและได้ศึกษาร่ำเรียนอยู่ที่ที่ออสเตรียเลียมานานกว่า 17 ปี
พจน์ บอกต่ออีกว่า สำหรับในด้านของการลงทุนในช่วงที่ผ่านมานั้น ส่วนตัวถือว่าเป็นคนที่โชคดีมาก เพราะได้มีคุณพ่อให้การสนับสนุนในการลงทุน อีกทั้งได้ร่ำเรียนมาในทางด้านนี้ แต่กว่าจะสั่งสมประสบการณ์มันเป็นเรื่องที่ยากมาก ดังนั้นตอนเรียนหนังสืออยู่คุณพ่อก็ได้แบ่งเงินบางส่วนให้เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นด้วย ดังนั้นพจน์จึงได้รับประสบการณ์ตรงในการลงทุนในตลาดหุ้นตั้งแต่อายุยังน้อย นอกจากนี้ ตั้งแต่เริ่มเรียนอยู่ที่เมืองนอก พจน์ได้รวมตัวกันกับเพื่อน ๆ 2 – 3คน ทำการศึกษาลงทุนหมดทุกอย่างตั้งแต่หุ้น รวมถึงคอมมอดิตี้มาร์เก็ต ซึ่งถือว่าใหญ่โตมากและคนในเมืองไทยยังไม่ค่อยรู้จักเลยว่ามันคืออะไร?
"ออฟชั่นต่างๆ ส่วนตัวผมก็เคยลงทุนมาหมดแล้ว ก็มีทั้งได้บ้างเสียบ้าง แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากกว่า ทำให้เรามีโลกทัศน์ที่กว้างมากขึ้นเยอะ ซึ่งถือว่าเราได้รับประสบการณ์ที่ดี กว่านักลงทุนในเมืองไทย เพราะมองว่านักลงทุนไทยยังอยู่ในโลกแคบ ซึ่งหมายถึงตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร ส่วนตลาดฟิวเจอร์นั้น ก็ยังดูว่ามันใหม่มากสำหรับนักลงทุนในไทย ขณะนี้"
นักวิจัยหนุ่ม กล่าวว่า ปัจจุบันสำหรับการออมและการลงทุน แต่แบ่งรายได้ที่ได้รับออกเป็นหลายส่วน โดยส่วนหนึ่งเป็นสำหรับค่าใช้จ่ายทั่วไปในแต่ละเดือน อีกส่วนหนึ่งแบ่งเก็บเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินรวมทั้งฝากเก็บไว้ในธนาคาร สุดท้ายอีกส่วนจะให้กับการลงทุน แต่เงินที่จะใช้ในการลงทุนต้องจำกัดมันไว้ เพราะถ้าเราเติมเงินเข้าไปเรื่อยๆ และเมื่อเกิดเหตุผิดพลาดอะไรขึ้นมา อย่างเช่นวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในขณะนี้ จะส่งผลต่อเม็ดเงินลบงทุนของเราได้มาก ดังนั้นการลงทุนเราต้องมีลีมิตไว้ด้วย
“ส่วนที่เหลือเก็บสำหรับผมเป็นการออม 2 แบบคือฝากเงินเข้าแบงก์กินดอกเบี้ย และเข้าไปลงทุนในพันธบัตร เพราะมองว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลยังมีปัจจัยความเสี่ยงที่ต่ำอยู่ แต่สำหรับผมแล้วการจะเดินไปซื้อพันธบัตรนั้นเป็นเรื่องยากขายก็ขายยาก ดังนั้นการซื้อพันธบัตรของผมจะเป็นการซื้อในรูปแบบของกองทุนแอลทีแอฟ ที่เน้นลงทุนในพันธับตรเป็นหลัก เพราะมันยังมีประโยชน์ในการหักลดหย่อนทางภาษีได้ เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว นอกจากนี้ผมยังแบ่งเงินบางส่วนซื้ออสังหาริมทรัพย์เก็บสะสมไว้ด้วย”
พจน์ บอกว่าอีกว่า การลงทุนในตลาดหุ้นในเมืองไทย ต้องคัดสรรอย่างดี เพราะว่า มันมีการแกว่งตัวมาก แต่เมืองนอกก็มีการแกว่งตัวค่อนข้างสูงเช่นกันแต่เป็นการแกว่งที่มีสาเหตุ ต่างกับที่ในเมืองไทย เพราะมีหุ้นบางตัวที่แกว่งตัวแบบไม่มีสาเหตุสภาพคล่องมา ๆ หายๆ อย่างนี้ถือเป็นเรื่องที่อันตราย ดังนั้นส่วนตัวจะเลือกหุ้นบลูชิพที่เป็นหุ้นที่ใหญ่ มีดิวิเดนท์หรือประวัติค่อนข้างแน่นอน มีความมั่นคง และให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ
“ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าจากสถานการณ์ที่ผ่านมาในช่วง 2 - 3 เดือน เป็นช่วงที่ไม่ค่อยน่าเข้าไปลงทุนมากเท่าใด ไม่ควรจะเข้าไปช้อนซื้อจนกว่า สถานการณ์จะดีขึ้น เพราะมองว่ามันลงไปเยอะแล้ว และไม่สามารถที่จะลงไปได้อีก แต่หลังจากนั้นดาวโจนส์ลงไปอีก 1,000 จุด ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป มันยังสามารถลงไปได้อีก เราสวนกระแสไม่ได้ แต่ถ้าเป็นผมจะรอให้มันขึ้นมาก่อนซัก 50 จุด จึงจะเข้าไปช้อนซื้อ เพราะมันจะดูเซฟกว่า” พจน์ บอก
สำหรับหลักและแนวคิดในการทำงานนั้น พจน์กล่าวว่า ส่วนตัวมีหลักง่ายๆคือต้องทำในสิ่งที่ชอบ เพราะคิดว่าคนที่ทำงานในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากทำ จะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้เลย ซึ่งถ้าเป็นไปได้คนๆ นั้นคงต้องมีความอดทนสูงมาก หรือเป็นคนที่โชคดีมาก ๆ และส่วนตัวใจผมชอบทางนี้มาก จึงรู้สึกดีใจมากที่ได้ทำงานที่ตัวเองชอบและได้เป็นส่วนหนึ่งขององค์กรนี้”
สุดท้ายพจน์ฝากแนะนำนักลงทุนว่า การลงทุนในช่วงนี้ทุกตลาดแย่หมด เพราะฉะนั้นการเก็บเงินทิ้งไว้ จะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด เพื่อรอการลงทุนในอนาคตจะดีกว่า เมื่อสถานการณ์ต่างๆเริ่มดีขึ้นแล้ว
ชื่อ – นามสกุล พจน์ สุพรหมจักร
วันเดือนปีเกิด 7 มกราคม 2525
จบการศึกษา DOUBLE DEGREE FINANCE และ ECONMICS
MACQUARIE UNIVERSITY , SUDNEY
งานปัจจุบัน นักวิจัย ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
พจน์ เริ่มบอกว่า กับตำแหน่งงานนักวิจัยตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า สิ่งที่ต้องรับผิดชอบดูแล คือการประเมินฟิวเจอร์สว่าต่อไปในอนาคตข้างหน้าว่าจะเป็นอย่างไร รวมถึงต้องหาความเป็นไปได้ในสินค้าตัวใหม่ที่จะมานำเสนอในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าด้วย ซึ่งนับว่านี่คืองานหลัก นอกจากนี้แล้วยังมีงานออกไปสอนหนังสือให้ความรู้ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยสอนเกี่ยวกับบการลงทุนด้านฟิวเจอร์สเป็นส่วนใหญ่ หรือออกไปให้ความรู้ตามงานอีเวนท์ต่าง ๆ อย่างเช่นงานมันนี่เอ็กโปร์ เป็นต้น
ทั้งนี้ก่อนที่จะมาทำงานที่ตสล. พจน์เคยทำอยู่ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ในช่วงที่จีอี แคปปิตอล เข้ามาร่วมทุนใหม่ ๆ ได้โดยจะรับผิดชอบในเรื่องของอนุพันธ์ ซึ่งการทำงานที่นี่ถือเป็นงานแรกที่ได้ทำในประเทศไทย เนื่องจากว่าพจน์เติบโตที่ต่างประเทศและได้ศึกษาร่ำเรียนอยู่ที่ที่ออสเตรียเลียมานานกว่า 17 ปี
พจน์ บอกต่ออีกว่า สำหรับในด้านของการลงทุนในช่วงที่ผ่านมานั้น ส่วนตัวถือว่าเป็นคนที่โชคดีมาก เพราะได้มีคุณพ่อให้การสนับสนุนในการลงทุน อีกทั้งได้ร่ำเรียนมาในทางด้านนี้ แต่กว่าจะสั่งสมประสบการณ์มันเป็นเรื่องที่ยากมาก ดังนั้นตอนเรียนหนังสืออยู่คุณพ่อก็ได้แบ่งเงินบางส่วนให้เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นด้วย ดังนั้นพจน์จึงได้รับประสบการณ์ตรงในการลงทุนในตลาดหุ้นตั้งแต่อายุยังน้อย นอกจากนี้ ตั้งแต่เริ่มเรียนอยู่ที่เมืองนอก พจน์ได้รวมตัวกันกับเพื่อน ๆ 2 – 3คน ทำการศึกษาลงทุนหมดทุกอย่างตั้งแต่หุ้น รวมถึงคอมมอดิตี้มาร์เก็ต ซึ่งถือว่าใหญ่โตมากและคนในเมืองไทยยังไม่ค่อยรู้จักเลยว่ามันคืออะไร?
"ออฟชั่นต่างๆ ส่วนตัวผมก็เคยลงทุนมาหมดแล้ว ก็มีทั้งได้บ้างเสียบ้าง แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากกว่า ทำให้เรามีโลกทัศน์ที่กว้างมากขึ้นเยอะ ซึ่งถือว่าเราได้รับประสบการณ์ที่ดี กว่านักลงทุนในเมืองไทย เพราะมองว่านักลงทุนไทยยังอยู่ในโลกแคบ ซึ่งหมายถึงตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร ส่วนตลาดฟิวเจอร์นั้น ก็ยังดูว่ามันใหม่มากสำหรับนักลงทุนในไทย ขณะนี้"
นักวิจัยหนุ่ม กล่าวว่า ปัจจุบันสำหรับการออมและการลงทุน แต่แบ่งรายได้ที่ได้รับออกเป็นหลายส่วน โดยส่วนหนึ่งเป็นสำหรับค่าใช้จ่ายทั่วไปในแต่ละเดือน อีกส่วนหนึ่งแบ่งเก็บเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินรวมทั้งฝากเก็บไว้ในธนาคาร สุดท้ายอีกส่วนจะให้กับการลงทุน แต่เงินที่จะใช้ในการลงทุนต้องจำกัดมันไว้ เพราะถ้าเราเติมเงินเข้าไปเรื่อยๆ และเมื่อเกิดเหตุผิดพลาดอะไรขึ้นมา อย่างเช่นวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในขณะนี้ จะส่งผลต่อเม็ดเงินลบงทุนของเราได้มาก ดังนั้นการลงทุนเราต้องมีลีมิตไว้ด้วย
“ส่วนที่เหลือเก็บสำหรับผมเป็นการออม 2 แบบคือฝากเงินเข้าแบงก์กินดอกเบี้ย และเข้าไปลงทุนในพันธบัตร เพราะมองว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลยังมีปัจจัยความเสี่ยงที่ต่ำอยู่ แต่สำหรับผมแล้วการจะเดินไปซื้อพันธบัตรนั้นเป็นเรื่องยากขายก็ขายยาก ดังนั้นการซื้อพันธบัตรของผมจะเป็นการซื้อในรูปแบบของกองทุนแอลทีแอฟ ที่เน้นลงทุนในพันธับตรเป็นหลัก เพราะมันยังมีประโยชน์ในการหักลดหย่อนทางภาษีได้ เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว นอกจากนี้ผมยังแบ่งเงินบางส่วนซื้ออสังหาริมทรัพย์เก็บสะสมไว้ด้วย”
พจน์ บอกว่าอีกว่า การลงทุนในตลาดหุ้นในเมืองไทย ต้องคัดสรรอย่างดี เพราะว่า มันมีการแกว่งตัวมาก แต่เมืองนอกก็มีการแกว่งตัวค่อนข้างสูงเช่นกันแต่เป็นการแกว่งที่มีสาเหตุ ต่างกับที่ในเมืองไทย เพราะมีหุ้นบางตัวที่แกว่งตัวแบบไม่มีสาเหตุสภาพคล่องมา ๆ หายๆ อย่างนี้ถือเป็นเรื่องที่อันตราย ดังนั้นส่วนตัวจะเลือกหุ้นบลูชิพที่เป็นหุ้นที่ใหญ่ มีดิวิเดนท์หรือประวัติค่อนข้างแน่นอน มีความมั่นคง และให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ
“ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าจากสถานการณ์ที่ผ่านมาในช่วง 2 - 3 เดือน เป็นช่วงที่ไม่ค่อยน่าเข้าไปลงทุนมากเท่าใด ไม่ควรจะเข้าไปช้อนซื้อจนกว่า สถานการณ์จะดีขึ้น เพราะมองว่ามันลงไปเยอะแล้ว และไม่สามารถที่จะลงไปได้อีก แต่หลังจากนั้นดาวโจนส์ลงไปอีก 1,000 จุด ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป มันยังสามารถลงไปได้อีก เราสวนกระแสไม่ได้ แต่ถ้าเป็นผมจะรอให้มันขึ้นมาก่อนซัก 50 จุด จึงจะเข้าไปช้อนซื้อ เพราะมันจะดูเซฟกว่า” พจน์ บอก
สำหรับหลักและแนวคิดในการทำงานนั้น พจน์กล่าวว่า ส่วนตัวมีหลักง่ายๆคือต้องทำในสิ่งที่ชอบ เพราะคิดว่าคนที่ทำงานในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากทำ จะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้เลย ซึ่งถ้าเป็นไปได้คนๆ นั้นคงต้องมีความอดทนสูงมาก หรือเป็นคนที่โชคดีมาก ๆ และส่วนตัวใจผมชอบทางนี้มาก จึงรู้สึกดีใจมากที่ได้ทำงานที่ตัวเองชอบและได้เป็นส่วนหนึ่งขององค์กรนี้”
สุดท้ายพจน์ฝากแนะนำนักลงทุนว่า การลงทุนในช่วงนี้ทุกตลาดแย่หมด เพราะฉะนั้นการเก็บเงินทิ้งไว้ จะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด เพื่อรอการลงทุนในอนาคตจะดีกว่า เมื่อสถานการณ์ต่างๆเริ่มดีขึ้นแล้ว
ชื่อ – นามสกุล พจน์ สุพรหมจักร
วันเดือนปีเกิด 7 มกราคม 2525
จบการศึกษา DOUBLE DEGREE FINANCE และ ECONMICS
MACQUARIE UNIVERSITY , SUDNEY
งานปัจจุบัน นักวิจัย ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
