บลจ.แอสเซท พลัส
ภาพรวมตลาดหุ้นในเดือนกันยายน
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา SET INDEX ปรับตัวลดลง 87.9 จุดหรือ 12.84% โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 SET ปิดที่ระดับ 596.54 โดยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันประมาณ 11,464 ล้านบาท ในช่วงต้นเดือน ถึงแม้ว่ากระทรวงพาณิชย์ประกาศตัวเลข CPI เดือนสิงหาคม ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ โดยเพิ่มขึ้นเพียง 6.4% จากที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 8.7% แต่ SET ก็ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ตามความกังวลทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นหลังจากที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีประกาศภาวะฉุกเฉินในเขตกรุงเทพมหานคร เนื่องจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯและกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ ที่บริเวณใกล้สะพานมัฆวานรังสรรค์ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 42 ราย ประกอบกับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ 43 แห่ง นัดหยุดงานพร้อมกันในวันพุธที่ 3 กันยายน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายสมัคร สุนทรเวช สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี จากกรณีเป็นพิธีกรดำเนินรายการทางสถานีโทรทัศน์ "ชิมไปบ่นไป"และรายการ"ยกโขยงหกโมงเช้า"
อย่างไรก็ตาม SET สามารถเคลื่อนไหวในกรอบ 650-670 ได้ โดยมีปัจจัยต่างประเทศเป็นปัจจัยหนุนจากการที่กระทรวงการคลังสหรัฐเข้าช่วยเหลือสมาคมการจำนองแห่งชาติของรัฐบาลกลาง (แฟนนี เม) และบรรษัทจำนองสินเชื่อบ้านของรัฐบาลกลาง (เฟรดดี แมค) หลังจากนั้นการประกาศภาวะล้มละลายและขอพิทักษ์ทรัพย์ของเลห์แมน บราเธอร์ และความกังวลว่า AIG จะประสบปัญหาสภาพคล่องทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงอย่างหนัก และทำให้ SET ปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 570 ในวันที่ 18 กันยายน หลังจากนั้น FED มีมติอัดฉีดเงินเพื่อช่วยเหลือ AIG จำนวน 85,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับ ธนาคารกลางชั้นนำของโลกไม่ว่าจะเป็นยุโรป อังกฤษ และ ญี่ปุ่นได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาด 180,000 ล้านดอลลาร์เพื่อรองรับอุปสงค์ดอลลาร์สหรัฐในตลาดต่างๆ และลดความตึงตัวในระบบการเงินทั่วโลก ต่อมา FED ได้ออกมาตรการแก้ไขวิกฤติทางการเงินเพื่อเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้แก่การจัดตั้งบริษัทเพื่อซื้อหนี้เสียออกจากสถาบันการเงินของสหรัฐโดยมีวงเงิน 700,000 ล้านดอลลาร์ และการห้ามทำshort selling ของหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินในสหรัฐ
นอกจากนั้นนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีชาวสหรัฐอเมริกาประกาศเข้าลงทุนในโกลด์แมน แซคส์ มูลค่ากว่า 5,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นโดย SET ก็สามารถปรับตัวยืนเหนือระดับ 600 อย่างไรก็ตามในช่วงท้ายของเดือนสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่ผ่านแผนช่วยเหลือสถาบันการเงินมูลค่า 700,000 ล้านดอลลาร์ดังกล่าว ทำให้หุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงอีกครั้งและกดดันทำให้ SET แตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 568.18 ในวันที่ 30 กันยายน ทั้งนี้ในเดือนกันยายนนักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ขายสุทธิ 27,560 ล้านบาท
คาดการณ์การลงทุนในเดือนตุลาคม
ในช่วงเดือนตุลาคม SET น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 570-630 โดยตลาดยังคงถูกกดดันจากปัจจัยต่างประเทศซึ่งเกิดจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกรวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับปัญหาวิกฤตการเงินของสหรัฐซึ่งอาจลุกลามไปสู่ภูมิภาคยุโรป รวมถึงปัจจัยทางการเมืองอันเนื่องมาจากผลการฟ้องร้องในคดีความต่างๆ ประกอบกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯที่ยังคงยืดเยื้อ
คำแนะนำสำหรับการลงทุน
เนื่องจากคาดว่าปัจจัยลบทั้งภายนอกประเทศและภายในประเทศอันเกิดจากความวุ่นวายทางการเมืองจะทำให้ SET อยู่ในภาวะผันผวน จึงแนะนำให้ลูกค้าซื้อขายกองทุนตราสารทุนเพื่อทำกำไรในระยะสั้น อย่างไรก็ตามแนะนำให้นักลงทุนหาจังหวะในการทยอยลงทุนในกองทุนที่เกี่ยวข้องกับการลดหย่อนภาษีเนื่องจากตลาดหุ้นไทยซื้อขายอยู่ที่ระดับไม่แพงเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค ประกอบกับอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิที่ยังอยู่ในระดับสูง และเหมาะสมในการลงทุนระยะยาว
การเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์กันยายน 2551
ภาพรวมตลาดหุ้นในเดือนกันยายน
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา SET INDEX ปรับตัวลดลง 87.9 จุดหรือ 12.84% โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 SET ปิดที่ระดับ 596.54 โดยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันประมาณ 11,464 ล้านบาท ในช่วงต้นเดือน ถึงแม้ว่ากระทรวงพาณิชย์ประกาศตัวเลข CPI เดือนสิงหาคม ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ โดยเพิ่มขึ้นเพียง 6.4% จากที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 8.7% แต่ SET ก็ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ตามความกังวลทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นหลังจากที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีประกาศภาวะฉุกเฉินในเขตกรุงเทพมหานคร เนื่องจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯและกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ ที่บริเวณใกล้สะพานมัฆวานรังสรรค์ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 42 ราย ประกอบกับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ 43 แห่ง นัดหยุดงานพร้อมกันในวันพุธที่ 3 กันยายน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายสมัคร สุนทรเวช สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี จากกรณีเป็นพิธีกรดำเนินรายการทางสถานีโทรทัศน์ "ชิมไปบ่นไป"และรายการ"ยกโขยงหกโมงเช้า"
อย่างไรก็ตาม SET สามารถเคลื่อนไหวในกรอบ 650-670 ได้ โดยมีปัจจัยต่างประเทศเป็นปัจจัยหนุนจากการที่กระทรวงการคลังสหรัฐเข้าช่วยเหลือสมาคมการจำนองแห่งชาติของรัฐบาลกลาง (แฟนนี เม) และบรรษัทจำนองสินเชื่อบ้านของรัฐบาลกลาง (เฟรดดี แมค) หลังจากนั้นการประกาศภาวะล้มละลายและขอพิทักษ์ทรัพย์ของเลห์แมน บราเธอร์ และความกังวลว่า AIG จะประสบปัญหาสภาพคล่องทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงอย่างหนัก และทำให้ SET ปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 570 ในวันที่ 18 กันยายน หลังจากนั้น FED มีมติอัดฉีดเงินเพื่อช่วยเหลือ AIG จำนวน 85,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับ ธนาคารกลางชั้นนำของโลกไม่ว่าจะเป็นยุโรป อังกฤษ และ ญี่ปุ่นได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาด 180,000 ล้านดอลลาร์เพื่อรองรับอุปสงค์ดอลลาร์สหรัฐในตลาดต่างๆ และลดความตึงตัวในระบบการเงินทั่วโลก ต่อมา FED ได้ออกมาตรการแก้ไขวิกฤติทางการเงินเพื่อเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้แก่การจัดตั้งบริษัทเพื่อซื้อหนี้เสียออกจากสถาบันการเงินของสหรัฐโดยมีวงเงิน 700,000 ล้านดอลลาร์ และการห้ามทำshort selling ของหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินในสหรัฐ
นอกจากนั้นนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีชาวสหรัฐอเมริกาประกาศเข้าลงทุนในโกลด์แมน แซคส์ มูลค่ากว่า 5,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นโดย SET ก็สามารถปรับตัวยืนเหนือระดับ 600 อย่างไรก็ตามในช่วงท้ายของเดือนสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่ผ่านแผนช่วยเหลือสถาบันการเงินมูลค่า 700,000 ล้านดอลลาร์ดังกล่าว ทำให้หุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงอีกครั้งและกดดันทำให้ SET แตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 568.18 ในวันที่ 30 กันยายน ทั้งนี้ในเดือนกันยายนนักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ขายสุทธิ 27,560 ล้านบาท
คาดการณ์การลงทุนในเดือนตุลาคม
ในช่วงเดือนตุลาคม SET น่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 570-630 โดยตลาดยังคงถูกกดดันจากปัจจัยต่างประเทศซึ่งเกิดจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกรวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับปัญหาวิกฤตการเงินของสหรัฐซึ่งอาจลุกลามไปสู่ภูมิภาคยุโรป รวมถึงปัจจัยทางการเมืองอันเนื่องมาจากผลการฟ้องร้องในคดีความต่างๆ ประกอบกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯที่ยังคงยืดเยื้อ
คำแนะนำสำหรับการลงทุน
เนื่องจากคาดว่าปัจจัยลบทั้งภายนอกประเทศและภายในประเทศอันเกิดจากความวุ่นวายทางการเมืองจะทำให้ SET อยู่ในภาวะผันผวน จึงแนะนำให้ลูกค้าซื้อขายกองทุนตราสารทุนเพื่อทำกำไรในระยะสั้น อย่างไรก็ตามแนะนำให้นักลงทุนหาจังหวะในการทยอยลงทุนในกองทุนที่เกี่ยวข้องกับการลดหย่อนภาษีเนื่องจากตลาดหุ้นไทยซื้อขายอยู่ที่ระดับไม่แพงเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค ประกอบกับอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิที่ยังอยู่ในระดับสูง และเหมาะสมในการลงทุนระยะยาว
การเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์กันยายน 2551