คอลัมน์คุยกับผู้จัดการกองทุน
โดย ดร.ฐนิตพงศ์ ชื่นภิบาล
ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมความเสี่ยง
บลจ.อยุธยา จำกัด
ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ ลึกๆแล้วต้องการที่จะมีเงินใช้อย่างสบาย ซึ่งก็มีความหมายนัยๆว่ารวยนั่นเอง เพียงแต่คำรวยของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน บางคนมีเงินเพียงแค่ 5 แสนบาท ก็คิดว่ารวยแล้ว ในขณะที่บางคนมีหลายพันหลายหมื่นล้านบาท แต่ก็ยังไม่คิดว่าตัวเองรวยพอ ดังนั้น เรื่องของความรวยที่จะกล่าวถึงในวันนี้ จะไม่ระบุว่าเป็นจำนวนเท่าใด แต่จะขอยึดเรื่องของการมีกินมีใช้อย่างสุขสบายเป็นหลักครับ
สิ่งแรกที่จำเป็นสำหรับการตั้งต้นของหนทางแห่งความรวยก็คือ อย่ารังเกียจความรวย เพราะหากท่านมองว่าความรวยเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจแล้ว ท่านจะไม่มีวันที่จะพยายามทำให้ตัวเองรวย เพราะคงไม่มีใครพยายามทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ (หากไม่โดนบังคับ) ในทางตรงกันข้าม หากท่านตั้งใจที่จะทำให้ตัวเองรวยแล้ว ความตั้งใจจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะผลักดันให้ท่านมีความพยายามกระทำเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้
สิ่งที่จำเป็นต่อมาก็คือ ประเมินว่าตัวเองจะต้องมีเงินเท่าใดจึงจะสามารถใช้จ่ายได้อย่างสุขสบาย ซึ่งท่านสามารถประเมินได้จากการใช้จ่ายปกติทั่วไปในชีวิตประจำวัน และประเมินว่าจำนวนเงินที่ท่านใช้ในปัจจุบันจะมีค่าเป็นเท่าใดในอนาคต (ตามอัตราเงินเฟ้อ) จากนั้นลองคำนวณดูว่าเมื่อนับรวมระยะเวลาทั้งหมดในการใช้จ่ายของท่านแล้ว จะเป็นจำนวนเท่าใด ท่านก็จะทราบว่าคุณจะต้องมีเงินเก็บเท่าใดถึงจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายโดยไม่เดือดร้อนใคร ตัวอย่างเช่น สมมุติว่าปัจจุบันท่านอายุ 40 ปี และต้องการเกษียณเมื่ออายุ 60 ปี โดยที่หลังเกษียณท่านต้องการมีเงินใช้เทียบเท่ากับเงิน 20,000 บาทในปัจจุบัน และท่านคาดว่าท่านจะมีอายุอยู่ถึง 80 ปี และสมมุติว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยเท่ากับ 5% ต่อปี ในกรณีนี้ หากท่านฝากเงินไว้กับธนาคาร ซึ่งคาดว่าจะได้รับดอกเบี้ย (หลังหักภาษี) เท่ากับ 1% ต่อปี ในวันที่ท่านเกษียณ ท่านจะต้องมีเงินเก็บประมาณ 17.4 ล้านบาท ท่านจึงจะสามารถมีเงินใช้ได้เมื่อเทียบเป็นค่าเงินปัจจุบันเท่ากับ 20,000บาทต่อเดือน
หัวใจสำคัญอีกประการหนึ่งสำหรับเส้นทางสู่ความรวยก็คือ ความมีวินัยในการออมและการลงทุน ท่านนักลงทุนหลายท่านมักจะขาดวินัยในการออมและการลงทุน เพราะการออมและการลงทุนในช่วงแรกๆ ผลตอบแทนที่ได้มักจะไม่เป็นที่น่าพอใจนัก เพราะเนื่องจากในช่วงแรกๆ เป็นเพียงช่วงที่ผลตอบแทนเริ่มสะสมเข้ามาเป็นจำนวนไม่มาก ทำให้แลดูเหมือนว่าได้ผลตอบแทนน้อย ตัวอย่างเช่น หากท่านลงทุน 100 บาท โดยได้ผลตอบแทน 10% ต่อปี เมื่อครบปีแรก เงินลงทุนของท่านจะเพิ่มเป็น 110 บาท เพิ่มเป็น 121 บาทในปีที่สอง และเพิ่มเป็น 133.1 บาท ในปีที่สาม ซึ่งการที่เงินแลดูเหมือนเพิ่มขึ้นน้อยนี้ อาจทำให้ท่านนักลงทุนบางท่านที่ต้องการรวยเร็วละทิ้งวินัยการลงทุนได้ แต่ถ้าหากท่านยึดวินัยการลงทุน และสร้างผลตอบแทนได้เฉลี่ย 10% เป็นเวลา 20 ปี เงินลงทุน 100 บาทของท่าน จะเพิ่มขึ้นเป็น 672.75 บาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 7 เท่าของเงินลงทุนเริ่มต้น ซึ่งหากท่านเปลี่ยนจากเงินลงทุน 100 บาทเป็น 500,000 บาท เงินลงทุนของท่านก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 3,363,750 บาทในปีที่ 20 สำหรับบางท่านที่ต้องการรวย แต่ยังมีเงินเก็บไม่มากพอ ยิ่งมีความจำเป็นที่จะต้องมีวินัยในการออมและการลงทุนมากขึ้น โดยท่านควรออมหรือลงทุนอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ เช่น ท่านอาจจะออมหรือลงทุนเป็นจำนวนอย่างน้อย 5,000 บาททุกเดือน และออมเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เป็นต้น
สิ่งสำคัญประการสุดท้ายก็คือ เวลา การที่ท่านจะเป็นคนรวยได้จะต้องอาศัยการออมและการลงทุนเป็นระยะเวลายาวนาน ตัวอย่างเช่น นายวอร์เรน บัฟเฟ็ต ซึ่งปัจจุบันเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก มีสินทรัพย์ประมาณ 6 หมื่น 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เริ่มทำการลงทุนตั้งแต่ปี 1954 ด้วยเงินเพียง 100 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น แต่การที่เขาให้เวลาในการสะสมความร่ำรวย และการรักษาวินัยการลงทุน จึงทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกในปัจจุบัน การที่ท่านนักลงทุนไม่ให้เวลาในการออมและการลงทุน จะเป็นสาเหตุให้ท่านนักลงทุนตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเกินกว่าระดับที่เหมาะสมกับท่าน รวมถึงการทำให้ท่านไม่สามารถรักษาวินัยในการออมและการลงทุนไว้ได้
อย่างไรก็ตาม การที่ท่านจะเป็นคนรวย ท่านควรจะเป็นคนรวยที่มีความสุข และมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เพราะหากท่านมีความร่ำรวยเพียงอย่างเดียว แต่ขาดซึ่งความสุขและสุขภาพที่ดี ก็อาจจะไม่คุ้มค่าที่จะสร้างความร่ำรวยได้ ดังนั้น การสร้างเส้นทางแห่งความรวย ท่านควรจะคำนึงถึงแนวทางของความสุขและสุขภาพที่ดีด้วย เช่น ร่ำรวยอย่างสุจริตและไม่เบียดเบียนใคร ไม่เก็บออมหรือทำงานหนักมากเกินไปจนสุขภาพทรุดโทรม หรือท่านสามารถเพิ่มความสุขจากความร่ำรวยของท่าน โดยการบริจาคเงินที่ได้ส่วนหนึ่งให้กับการกุศล เป็นต้น
สำหรับแนวทางการออมและการลงทุนอย่างละเอียด ท่านนักลงทุนสามารถรับฟังได้ในงานสัมมนาที่ทางเราจัดขึ้นเป็นประจำในหัวข้อ ลงทุนอย่างไรให้ได้ 100 ล้าน (อย่างง่ายๆ) โดยท่านสามารถดูรายละเอียดของการจัดสัมมนาได้ที่เวปไซต์ของทางบริษัทที่ www.ayfunds.com หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ 02-657-5757 ได้ทุกวัน (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) เมื่อท่านมาร่วมสัมมนาแล้วท่านจะเห็นแนวทางที่ชัดเจนและเหมาะสมกับตัวท่านว่าการออมและการลงทุนเพื่อความร่ำรวยทำได้ง่ายมากครับ...
โดย ดร.ฐนิตพงศ์ ชื่นภิบาล
ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมความเสี่ยง
บลจ.อยุธยา จำกัด
ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ ลึกๆแล้วต้องการที่จะมีเงินใช้อย่างสบาย ซึ่งก็มีความหมายนัยๆว่ารวยนั่นเอง เพียงแต่คำรวยของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน บางคนมีเงินเพียงแค่ 5 แสนบาท ก็คิดว่ารวยแล้ว ในขณะที่บางคนมีหลายพันหลายหมื่นล้านบาท แต่ก็ยังไม่คิดว่าตัวเองรวยพอ ดังนั้น เรื่องของความรวยที่จะกล่าวถึงในวันนี้ จะไม่ระบุว่าเป็นจำนวนเท่าใด แต่จะขอยึดเรื่องของการมีกินมีใช้อย่างสุขสบายเป็นหลักครับ
สิ่งแรกที่จำเป็นสำหรับการตั้งต้นของหนทางแห่งความรวยก็คือ อย่ารังเกียจความรวย เพราะหากท่านมองว่าความรวยเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจแล้ว ท่านจะไม่มีวันที่จะพยายามทำให้ตัวเองรวย เพราะคงไม่มีใครพยายามทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ (หากไม่โดนบังคับ) ในทางตรงกันข้าม หากท่านตั้งใจที่จะทำให้ตัวเองรวยแล้ว ความตั้งใจจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะผลักดันให้ท่านมีความพยายามกระทำเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้
สิ่งที่จำเป็นต่อมาก็คือ ประเมินว่าตัวเองจะต้องมีเงินเท่าใดจึงจะสามารถใช้จ่ายได้อย่างสุขสบาย ซึ่งท่านสามารถประเมินได้จากการใช้จ่ายปกติทั่วไปในชีวิตประจำวัน และประเมินว่าจำนวนเงินที่ท่านใช้ในปัจจุบันจะมีค่าเป็นเท่าใดในอนาคต (ตามอัตราเงินเฟ้อ) จากนั้นลองคำนวณดูว่าเมื่อนับรวมระยะเวลาทั้งหมดในการใช้จ่ายของท่านแล้ว จะเป็นจำนวนเท่าใด ท่านก็จะทราบว่าคุณจะต้องมีเงินเก็บเท่าใดถึงจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายโดยไม่เดือดร้อนใคร ตัวอย่างเช่น สมมุติว่าปัจจุบันท่านอายุ 40 ปี และต้องการเกษียณเมื่ออายุ 60 ปี โดยที่หลังเกษียณท่านต้องการมีเงินใช้เทียบเท่ากับเงิน 20,000 บาทในปัจจุบัน และท่านคาดว่าท่านจะมีอายุอยู่ถึง 80 ปี และสมมุติว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยเท่ากับ 5% ต่อปี ในกรณีนี้ หากท่านฝากเงินไว้กับธนาคาร ซึ่งคาดว่าจะได้รับดอกเบี้ย (หลังหักภาษี) เท่ากับ 1% ต่อปี ในวันที่ท่านเกษียณ ท่านจะต้องมีเงินเก็บประมาณ 17.4 ล้านบาท ท่านจึงจะสามารถมีเงินใช้ได้เมื่อเทียบเป็นค่าเงินปัจจุบันเท่ากับ 20,000บาทต่อเดือน
หัวใจสำคัญอีกประการหนึ่งสำหรับเส้นทางสู่ความรวยก็คือ ความมีวินัยในการออมและการลงทุน ท่านนักลงทุนหลายท่านมักจะขาดวินัยในการออมและการลงทุน เพราะการออมและการลงทุนในช่วงแรกๆ ผลตอบแทนที่ได้มักจะไม่เป็นที่น่าพอใจนัก เพราะเนื่องจากในช่วงแรกๆ เป็นเพียงช่วงที่ผลตอบแทนเริ่มสะสมเข้ามาเป็นจำนวนไม่มาก ทำให้แลดูเหมือนว่าได้ผลตอบแทนน้อย ตัวอย่างเช่น หากท่านลงทุน 100 บาท โดยได้ผลตอบแทน 10% ต่อปี เมื่อครบปีแรก เงินลงทุนของท่านจะเพิ่มเป็น 110 บาท เพิ่มเป็น 121 บาทในปีที่สอง และเพิ่มเป็น 133.1 บาท ในปีที่สาม ซึ่งการที่เงินแลดูเหมือนเพิ่มขึ้นน้อยนี้ อาจทำให้ท่านนักลงทุนบางท่านที่ต้องการรวยเร็วละทิ้งวินัยการลงทุนได้ แต่ถ้าหากท่านยึดวินัยการลงทุน และสร้างผลตอบแทนได้เฉลี่ย 10% เป็นเวลา 20 ปี เงินลงทุน 100 บาทของท่าน จะเพิ่มขึ้นเป็น 672.75 บาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 7 เท่าของเงินลงทุนเริ่มต้น ซึ่งหากท่านเปลี่ยนจากเงินลงทุน 100 บาทเป็น 500,000 บาท เงินลงทุนของท่านก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 3,363,750 บาทในปีที่ 20 สำหรับบางท่านที่ต้องการรวย แต่ยังมีเงินเก็บไม่มากพอ ยิ่งมีความจำเป็นที่จะต้องมีวินัยในการออมและการลงทุนมากขึ้น โดยท่านควรออมหรือลงทุนอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ เช่น ท่านอาจจะออมหรือลงทุนเป็นจำนวนอย่างน้อย 5,000 บาททุกเดือน และออมเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เป็นต้น
สิ่งสำคัญประการสุดท้ายก็คือ เวลา การที่ท่านจะเป็นคนรวยได้จะต้องอาศัยการออมและการลงทุนเป็นระยะเวลายาวนาน ตัวอย่างเช่น นายวอร์เรน บัฟเฟ็ต ซึ่งปัจจุบันเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก มีสินทรัพย์ประมาณ 6 หมื่น 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เริ่มทำการลงทุนตั้งแต่ปี 1954 ด้วยเงินเพียง 100 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น แต่การที่เขาให้เวลาในการสะสมความร่ำรวย และการรักษาวินัยการลงทุน จึงทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกในปัจจุบัน การที่ท่านนักลงทุนไม่ให้เวลาในการออมและการลงทุน จะเป็นสาเหตุให้ท่านนักลงทุนตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเกินกว่าระดับที่เหมาะสมกับท่าน รวมถึงการทำให้ท่านไม่สามารถรักษาวินัยในการออมและการลงทุนไว้ได้
อย่างไรก็ตาม การที่ท่านจะเป็นคนรวย ท่านควรจะเป็นคนรวยที่มีความสุข และมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เพราะหากท่านมีความร่ำรวยเพียงอย่างเดียว แต่ขาดซึ่งความสุขและสุขภาพที่ดี ก็อาจจะไม่คุ้มค่าที่จะสร้างความร่ำรวยได้ ดังนั้น การสร้างเส้นทางแห่งความรวย ท่านควรจะคำนึงถึงแนวทางของความสุขและสุขภาพที่ดีด้วย เช่น ร่ำรวยอย่างสุจริตและไม่เบียดเบียนใคร ไม่เก็บออมหรือทำงานหนักมากเกินไปจนสุขภาพทรุดโทรม หรือท่านสามารถเพิ่มความสุขจากความร่ำรวยของท่าน โดยการบริจาคเงินที่ได้ส่วนหนึ่งให้กับการกุศล เป็นต้น
สำหรับแนวทางการออมและการลงทุนอย่างละเอียด ท่านนักลงทุนสามารถรับฟังได้ในงานสัมมนาที่ทางเราจัดขึ้นเป็นประจำในหัวข้อ ลงทุนอย่างไรให้ได้ 100 ล้าน (อย่างง่ายๆ) โดยท่านสามารถดูรายละเอียดของการจัดสัมมนาได้ที่เวปไซต์ของทางบริษัทที่ www.ayfunds.com หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ 02-657-5757 ได้ทุกวัน (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) เมื่อท่านมาร่วมสัมมนาแล้วท่านจะเห็นแนวทางที่ชัดเจนและเหมาะสมกับตัวท่านว่าการออมและการลงทุนเพื่อความร่ำรวยทำได้ง่ายมากครับ...