โบรกฯมองการปรับโครงสร้างอินโดรามา ครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อธุรกิจ และส่งผลให้เกิดอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ดีขึ้น พร้อมคาดว่ามูลค่าทางการตลาด (Market Cap) ของ IVL จะสูงกว่า IRP เห็นพ้องกันแนะนำ “ลงทุน”
หลังจากกลางเดือนที่ผ่านมา บ. อินโดรามา เวนเจอร์ จก. หรือ IVL เป็นผู้ถือหุ้นทางตรงและทางอ้อมใน IRP 69% จะทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้น IRP ด้วยการแลกเป็นหุ้นของ IVL โดยสัดส่วนการแลกหุ้นเบื้องต้นเป็น 1 หุ้น IRP ต่อ 1.232 หุ้น IV L โดยหลังจากนั้นจะมีการเพิกถอน IRP ออกจากตลาดหลักทรัพย์ และจะนำ IV L เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยการขายหุ้นเพิ่มทุน (IPO ) แทน
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จาก บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ให้ความเห็นถึงแนวโน้มทางธุรกิจของบมจ.บริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส หรือ IRP ว่า การปรับโครงสร้างการถือหุ้นครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อบริษัทฯ โดยมองว่าผู้ถือหุ้นรายย่อยมีความเสี่ยงจำกัดเมื่อพิจารณาจากสัดส่วนการแลกหุ้นดังกล่าว ในด้านธุรกิจ และจะทำให้การผลิต PET ของ IRP มีความเชื่อมโยงกับสินทรัพย์ที่มีอยู่ของกลุ่มมากขึ้น ส่งผลให้เกิดอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ที่ดีขึ้น โดยคาดว่ามูลค่าทางการตลาด (Market Cap) ของ IVL จะสูงกว่า IRP กว่าเท่าตัวเป็น 1.0-1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (IRP เท่ากับ 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และจะช่วยเปิดโอกาสให้นักลงทุนสถาบันใหญ่ๆสามารถเข้ามาลงทุนในบริษัทได้มากขึ้น
ดังนั้น บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส จึงยังคงแนะนำซื้อ IRP โดยให้ราคาตามพื้นฐานของบริษัทเท่ากับ 16.95 บาท อิงกับ PE ปี 53 ที่ 8 เท่า โดยราคาอ้างอิงของ IRP ที่ 14 บาทเป็นตัวพยุงราคาหุ้น และทำให้ความเสี่ยงขาลงของ IRP จำกัดมาก ขณะที่มี Upside ในระยะยาวจากการที่ IVL มีธุรกิจส่วนเพิ่มนอกเหนือจากที่ IRP มี PET 1.39 ล้านตันต่อปี ซึ่งได้แก่ PTA กำลังการผลิต 1.59 ล้านตันต่อปี, โพลีเอสเตอร์ 3.95 แสนตันต่อปี
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ได้ให้คำแนะนำ "ซื้อ"หุ้น IRP เช่นกัน โดยให้ราคาเป้าหมาย 16.64 บาท อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างการทบทวนเพิ่มประมาณการและ Fair Value ใหม่เพื่อสะท้อนการควบรวมกิจการของทั้งกลุ่มทั้งนี้ฝ่ายวิจัยแนะนำให้นักลงทุนที่ถือครองหุ้นIRP ไปทำการ Swap กับหุ้นของ IVL ที่จะเข้าทำ IPO ด้วยการคาดหวังของมูลค่ากิจการโดยรวมในระยะยาวที่จะเพิ่มสูงขึ้น
ส่วน บล. ธนชาต จำกัด (มหาชน) ได้ประเมินราคาเหมาะสมของหุ้น IRP ไว้ที่ 14.50 บาทและยังคงแนะนำ "ซื้อ" เนื่องจากอัตราการเติบโตสูงของผลการดำเนินงาน Spread ของ PET ที่ค่อนข้างคงที่ สามารถสร้างผลตอบแทนกระแสเงินสดสุทธิสูงถึง 14% หลังจากแผนการลงทุนสำคัญสิ้นสุดลง และจะช่วยให้หนี้สินต่อทุนลดลงอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงาน PTA จะปรับตัวดีขึ้นเป็นเกือบ 90%ในปี 2010-11 จาก 76-77% ในต้นปี 2008 โรงงานใหม่ของ IRP เริ่มดำเนินการผลิตโรงงานใหม่ของ IRP ที่สหรัฐเริ่มดำเนินงานการผลิตอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แม้ว่าจะประสบปัญหาทางเทคนิคซึ่งทำให้การเปิดล่าช้า โรงงานใหม่นี้จะช่วยเริ่มกำลังการผลิตให้ IRP อีก 45% ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเติบโตของกำไรของ IRP อีก21.2% ในปี 2010 แม้จะเปิดได้ล่าช้าแต่ IRP คาดว่าโรงงานใหม่จะสร้างผลกำไรให้ IRP ทันที100 ล้านบาทในไตรมาส 4 ปีนี้
หลังจากกลางเดือนที่ผ่านมา บ. อินโดรามา เวนเจอร์ จก. หรือ IVL เป็นผู้ถือหุ้นทางตรงและทางอ้อมใน IRP 69% จะทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้น IRP ด้วยการแลกเป็นหุ้นของ IVL โดยสัดส่วนการแลกหุ้นเบื้องต้นเป็น 1 หุ้น IRP ต่อ 1.232 หุ้น IV L โดยหลังจากนั้นจะมีการเพิกถอน IRP ออกจากตลาดหลักทรัพย์ และจะนำ IV L เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยการขายหุ้นเพิ่มทุน (IPO ) แทน
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จาก บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ให้ความเห็นถึงแนวโน้มทางธุรกิจของบมจ.บริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส หรือ IRP ว่า การปรับโครงสร้างการถือหุ้นครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อบริษัทฯ โดยมองว่าผู้ถือหุ้นรายย่อยมีความเสี่ยงจำกัดเมื่อพิจารณาจากสัดส่วนการแลกหุ้นดังกล่าว ในด้านธุรกิจ และจะทำให้การผลิต PET ของ IRP มีความเชื่อมโยงกับสินทรัพย์ที่มีอยู่ของกลุ่มมากขึ้น ส่งผลให้เกิดอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ที่ดีขึ้น โดยคาดว่ามูลค่าทางการตลาด (Market Cap) ของ IVL จะสูงกว่า IRP กว่าเท่าตัวเป็น 1.0-1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (IRP เท่ากับ 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และจะช่วยเปิดโอกาสให้นักลงทุนสถาบันใหญ่ๆสามารถเข้ามาลงทุนในบริษัทได้มากขึ้น
ดังนั้น บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส จึงยังคงแนะนำซื้อ IRP โดยให้ราคาตามพื้นฐานของบริษัทเท่ากับ 16.95 บาท อิงกับ PE ปี 53 ที่ 8 เท่า โดยราคาอ้างอิงของ IRP ที่ 14 บาทเป็นตัวพยุงราคาหุ้น และทำให้ความเสี่ยงขาลงของ IRP จำกัดมาก ขณะที่มี Upside ในระยะยาวจากการที่ IVL มีธุรกิจส่วนเพิ่มนอกเหนือจากที่ IRP มี PET 1.39 ล้านตันต่อปี ซึ่งได้แก่ PTA กำลังการผลิต 1.59 ล้านตันต่อปี, โพลีเอสเตอร์ 3.95 แสนตันต่อปี
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ได้ให้คำแนะนำ "ซื้อ"หุ้น IRP เช่นกัน โดยให้ราคาเป้าหมาย 16.64 บาท อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างการทบทวนเพิ่มประมาณการและ Fair Value ใหม่เพื่อสะท้อนการควบรวมกิจการของทั้งกลุ่มทั้งนี้ฝ่ายวิจัยแนะนำให้นักลงทุนที่ถือครองหุ้นIRP ไปทำการ Swap กับหุ้นของ IVL ที่จะเข้าทำ IPO ด้วยการคาดหวังของมูลค่ากิจการโดยรวมในระยะยาวที่จะเพิ่มสูงขึ้น
ส่วน บล. ธนชาต จำกัด (มหาชน) ได้ประเมินราคาเหมาะสมของหุ้น IRP ไว้ที่ 14.50 บาทและยังคงแนะนำ "ซื้อ" เนื่องจากอัตราการเติบโตสูงของผลการดำเนินงาน Spread ของ PET ที่ค่อนข้างคงที่ สามารถสร้างผลตอบแทนกระแสเงินสดสุทธิสูงถึง 14% หลังจากแผนการลงทุนสำคัญสิ้นสุดลง และจะช่วยให้หนี้สินต่อทุนลดลงอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงาน PTA จะปรับตัวดีขึ้นเป็นเกือบ 90%ในปี 2010-11 จาก 76-77% ในต้นปี 2008 โรงงานใหม่ของ IRP เริ่มดำเนินการผลิตโรงงานใหม่ของ IRP ที่สหรัฐเริ่มดำเนินงานการผลิตอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แม้ว่าจะประสบปัญหาทางเทคนิคซึ่งทำให้การเปิดล่าช้า โรงงานใหม่นี้จะช่วยเริ่มกำลังการผลิตให้ IRP อีก 45% ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเติบโตของกำไรของ IRP อีก21.2% ในปี 2010 แม้จะเปิดได้ล่าช้าแต่ IRP คาดว่าโรงงานใหม่จะสร้างผลกำไรให้ IRP ทันที100 ล้านบาทในไตรมาส 4 ปีนี้