"เซ็นทารา"สุดแจ่ม ฝ่ากระแสการลงทุนผันผวน กวาดยอดไอพีโอเต็มมูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท พร้อมดีเดย์เทรดในตลาด 13 ต.ค.นี้ หวังเพิ่มสภาพคล่องให้นักลงทุน ด้านผู้บริหารเซ็นทรัล เผยเตรียมใช้กองทุนเป็นเครื่องมือระดมทุนใหม่ เพื่อลดผลกระทบจาก"Dilution Effects"
นายอโศก วงค์ชะอุ่ม รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทได้ทำการเปิดจองหน่วยลงทุนของ“กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ระหว่างวันที่ 8-18 กันยายนที่ผ่านมานั้น ปรากฏว่ามีนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันให้ความสนใจเข้าซื้อหน่วยลงทุนจนเต็มมูลค่าโครงการที่กำหนดไว้ 3,200 ล้านบาท
“ยอดการจองซื้อที่สูงเกินการคาดการณ์ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อศักยภาพในการบริหารโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราของบริษัทโรงแรมเซ็นทรัล พลาซา และความไว้วางใจต่อการบริหารกองทุนของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งบริษัทต้องขอขอบคุณทั้งนักลงทุนและตัวแทนสนับสนุนการขายเป็นอย่างยิ่ง"นายอโศกกล่าว
ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทได้จัดสรรหน่วยลงทุนให้แก่ลูกค้ากลุ่มต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเตรียมที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 13 ตุลาคม นี้
สำหรับกองทุน CENTARA ลงทุนในสิทธิการเช่าระยะเวลา 30 ปี โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีช รีสอร์ท สมุย โรงแรมระดับ 5 ดาว ตั้งอยู่บนหาดเฉวง เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดบริการมาแล้วกว่า 13 ปี ด้วยผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัท โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา จะร่วมลงทุนในกองทุนนี้ด้วยการเข้ามาถือหุ้นขั้นต่ำ 25% พร้อมรับประกันรายได้ค่าเช่าสะสมของกองทุนไม่ต่ำกว่า 9% ต่อปี เป็นระยะเวลา 4 ปีเต็ม
นายอโศก กล่าวอีกว่า การขายกองทุนของบริษัทในครั้งนี้ ถือว่าได้รับการสนับสนุนการขายเป็นอย่างดียิ่งจากสาขาธนาคารกสิกรไทยทั่วประเทศ และตัวแทนสนับสนุนการขาย ที่ช่วยกันสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนนำเสนอข้อมูลอันเป็นประโยชน์เกี่ยวกับกองทุน CENTARA เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนแก่ผู้ลงทุนทุกท่าน
ด้าน นายธิติ ตันติกุลานันท์ ผู้บริหารธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายกองทุน CENTARA กล่าวว่า หลังจากที่ธนาคารได้ประเมินสถานการณ์ร่วมกับเซ็นทรัล และตัดสินใจเดินหน้าแผนการขายตามกำหนดการเดิม แม้สถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจจะไม่เอื้ออำนวยก็ตาม
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่ามีกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มีแผนจะออกขายในช่วงเวลาเดียวกันกับกองทุน CENTARA ได้เลื่อนแผนการขายออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่การขายกองทุน CENTARA ในครั้งนี้ กลับได้รับผลตอบรับที่ดีมากจากนักลงทุนทั่วไป
อย่างไรก็ตาม โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท สมุย นอกจากจะเป็นโรงแรมแห่งแรกที่กองทุนลงทุนแล้ว เชื่อว่าในอนาคตจะมีขยายการลงทุนต่อเนื่องไปยังโรงแรมและรีสอร์ททั้งในและนอกเครือเซ็นทรัลแห่งอื่นเพิ่มเติมอีกเช่นกัน เพื่อให้กองทุนมีการกระจายความเสี่ยงที่ดีขึ้น และเป็นการเพิ่มเสถียรภาพความมั่นคงและรายได้ให้กับผู้ถือหน่วยอีกด้วย
นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและบริหาร กลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าวว่า การจัดตั้งกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา จะช่วยให้ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) มี เม็ดเงิน เข้ามาสนับสนุนโครงการใหม่ ๆ ที่กำลังก่อสร้าง คือโครงการที่เซ็นทาราแกรนด์มิราจบีชรีสอร์ท พัทยา และเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ท ภูเก็ต ทำให้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุน และ ลดความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับ Dilution Effects ที่จะเกิดตามมาจากการเพิ่มทุน
โดยการทำ Property Fund เชื่อว่าจะช่วยให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุน ของกลุ่มลดลง ผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (ROE) ปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมที่จะใช้กองทุนรวมเป็นเครื่องมือทางการเงินชนิดใหม่ให้กับบริษัทเพื่อเพิ่มความสามารถในการขยายโครงการอื่นๆ ในอนาคตอีกด้วย
นายอโศก วงค์ชะอุ่ม รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทได้ทำการเปิดจองหน่วยลงทุนของ“กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ระหว่างวันที่ 8-18 กันยายนที่ผ่านมานั้น ปรากฏว่ามีนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันให้ความสนใจเข้าซื้อหน่วยลงทุนจนเต็มมูลค่าโครงการที่กำหนดไว้ 3,200 ล้านบาท
“ยอดการจองซื้อที่สูงเกินการคาดการณ์ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อศักยภาพในการบริหารโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราของบริษัทโรงแรมเซ็นทรัล พลาซา และความไว้วางใจต่อการบริหารกองทุนของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งบริษัทต้องขอขอบคุณทั้งนักลงทุนและตัวแทนสนับสนุนการขายเป็นอย่างยิ่ง"นายอโศกกล่าว
ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทได้จัดสรรหน่วยลงทุนให้แก่ลูกค้ากลุ่มต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเตรียมที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 13 ตุลาคม นี้
สำหรับกองทุน CENTARA ลงทุนในสิทธิการเช่าระยะเวลา 30 ปี โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีช รีสอร์ท สมุย โรงแรมระดับ 5 ดาว ตั้งอยู่บนหาดเฉวง เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดบริการมาแล้วกว่า 13 ปี ด้วยผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัท โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา จะร่วมลงทุนในกองทุนนี้ด้วยการเข้ามาถือหุ้นขั้นต่ำ 25% พร้อมรับประกันรายได้ค่าเช่าสะสมของกองทุนไม่ต่ำกว่า 9% ต่อปี เป็นระยะเวลา 4 ปีเต็ม
นายอโศก กล่าวอีกว่า การขายกองทุนของบริษัทในครั้งนี้ ถือว่าได้รับการสนับสนุนการขายเป็นอย่างดียิ่งจากสาขาธนาคารกสิกรไทยทั่วประเทศ และตัวแทนสนับสนุนการขาย ที่ช่วยกันสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนนำเสนอข้อมูลอันเป็นประโยชน์เกี่ยวกับกองทุน CENTARA เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนแก่ผู้ลงทุนทุกท่าน
ด้าน นายธิติ ตันติกุลานันท์ ผู้บริหารธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายกองทุน CENTARA กล่าวว่า หลังจากที่ธนาคารได้ประเมินสถานการณ์ร่วมกับเซ็นทรัล และตัดสินใจเดินหน้าแผนการขายตามกำหนดการเดิม แม้สถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจจะไม่เอื้ออำนวยก็ตาม
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่ามีกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มีแผนจะออกขายในช่วงเวลาเดียวกันกับกองทุน CENTARA ได้เลื่อนแผนการขายออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่การขายกองทุน CENTARA ในครั้งนี้ กลับได้รับผลตอบรับที่ดีมากจากนักลงทุนทั่วไป
อย่างไรก็ตาม โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท สมุย นอกจากจะเป็นโรงแรมแห่งแรกที่กองทุนลงทุนแล้ว เชื่อว่าในอนาคตจะมีขยายการลงทุนต่อเนื่องไปยังโรงแรมและรีสอร์ททั้งในและนอกเครือเซ็นทรัลแห่งอื่นเพิ่มเติมอีกเช่นกัน เพื่อให้กองทุนมีการกระจายความเสี่ยงที่ดีขึ้น และเป็นการเพิ่มเสถียรภาพความมั่นคงและรายได้ให้กับผู้ถือหน่วยอีกด้วย
นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและบริหาร กลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าวว่า การจัดตั้งกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา จะช่วยให้ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) มี เม็ดเงิน เข้ามาสนับสนุนโครงการใหม่ ๆ ที่กำลังก่อสร้าง คือโครงการที่เซ็นทาราแกรนด์มิราจบีชรีสอร์ท พัทยา และเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ท ภูเก็ต ทำให้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุน และ ลดความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับ Dilution Effects ที่จะเกิดตามมาจากการเพิ่มทุน
โดยการทำ Property Fund เชื่อว่าจะช่วยให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุน ของกลุ่มลดลง ผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (ROE) ปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมที่จะใช้กองทุนรวมเป็นเครื่องมือทางการเงินชนิดใหม่ให้กับบริษัทเพื่อเพิ่มความสามารถในการขยายโครงการอื่นๆ ในอนาคตอีกด้วย