"เซ็นทรัล"ตั้งบลจ.กสิกรไทย ขายกองทุนเซ็นทารา 8-18 ก.ย.นี้ พร้อมเล็งนำสินทรัพย์ดีเข้าขยายขนาดกองทุนอีกในอนาคต มั่นใจให้ผลตอบแทนดีเหตุนักท่องเที่ยวยังมองไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ "สุทธิเกียรติ"ระบุการเมืองกระทบภาพรวมธุรกิจแค่ระยะสั้น โรงแรมในเครือเสียหายเล็กน้อย
นายสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับคำปรึกษาจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในการระดมเงินและบริหารการเงิน เพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้รับผลประโยชน์มากที่สุด จึงได้รวมมือกับทางธนาคารในการจัดตั้งกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทมีข้อตกลงในการแต่งตั้งให้ธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้รับประกันการจำหน่ายกองทุนนี้ และคาดว่านำสินทรัพย์อื่นๆ ของบริษัทเข้ามาขยายกองทุนนี้อีกในอนาคต
สำหรับ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท สมุย ที่นำมาจัดตั้งกองทุนนั้น เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว บนเนื้อที่กว่า 25 ไร่ ซึ่งตั้งอยู่บนหาดเฉวง และบริหารงานโดย บริษัท โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา ที่มีประสบการณ์ด้านการบริหารมายางยาวนานกว่า 27 ปี โดยปัจจุบันมีจำนวนโรงแรมภายใต้การบริหารกว่า 12 โรงแรม และมีจำนวนห้องพักถึง 2,799 ห้อง
“โรงแรมนี้ถือเป็นสินทรัพย์ที่ดีที่สุดของบริษัท เนื่องจากมีผลประกอบการที่ดีมาโดยตลอด และการลงทุนในกองทุนนี้คงจะมีความมั่นคงดีเพราะเราการันตีรายได้จากค่าเช่าไม่ต่ำกว่า 9% ต่อปีใน 4 ปีแรก และในอนาคตเราจะมีการจขยายการลงทุนไปยังโรงแรมอื่นในเครืออีก ทำให้กองทุนนี้จะมีโอกาสเติบโตสูง”นายสุทธิเกียรติกล่าว
นายสุทธิเกียรติ กล่าวอีกว่า แนวโน้มการท่องเที่ยวของประเทศไทยเชื่อว่าจะมีการขยายตัวได้อีก โดยประเทศไทยยังเพิ่งได้รับเลือกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดีแห่งหนึ่งในโลก และด้วยนิสัย กับการบริการที่ดี ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต้องการมาพักผ่อนที่ประเทศไทย ส่วน สถานการณ์การเมืองขณะนี้ คงจะมีผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งบริษัทเองก็ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ยอดจองห้องพักของบริษัทยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องในช่วงไฮซีชั่น และเกินจำนวนห้องพักที่มีอยู่ โดยลูกค้าส่วนใหญ่ของเรายังเป็นประเทศในแถบยุโรป ซึ่งจะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยในช่วงปลายปี
“ผลกระทบเราน้อยตั้งแต่ต้นปีเสียหายแค่ล้านกว่าบาท ซึ่งต่างชาติอย่าง อังกฤษ ฝรั่งเศส สวีเดน เขาก็ยังจะมาเที่ยวกันอยู่ ซึ่งการที่รัฐบาลเขาเตือนก็เป็นเรื่องปกติ แต่ว่าหากไม่มีอะไรรุนแรงเขาก็มากัน เพราะเขาชอบประเทศไทย ซึ่งค่างใช้จ่ายในการท่องเที่ยวไม่แพง โดยยอดจองของเรายังเต็มจนห้องไม่พอ ที่เป็นห่วงน่าจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นมากกว่า”นายสุทธิเกียรติกล่าว
นายสุทธิเกียรติ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้คงจะต้องดูเรื่องสถานกาณร์ซึ่งหากไม่มีความรุนแรง นักท่องเที่ยวคงไม่กังวล และยอดจองห้องพักของเราขณะนี้ก็มีมากว่า 70% แล้ว ซึ่งบริษัทเอเจนซี่ของเราก็มีการการันตียอดจองเอาไว้ด้วย โดยหลังจากนี้หากสถาการณ์การเมืองยังคงยืดเยื้อ ทางบริษัทคงจะยังไม่มีการปรับเปลี่ยนแผนอะไรเพิ่มเติม แต่คงจะให้เป็นไปตามสถานการณ์ก่อนเพราะเราได้รับผลกระทบไม่มากนัก
ด้าน นายสุรศักดิ์ ดุษฏีเมธา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บีชรีสอร์ท สมุย มีมูลค่าโครงการประมาณ 3,200 ล้านบาท โดยมีการรับประกันรายได้ค่าเช่าสะสมของกองทุนไม่ต่ำกว่า 9%ต่อปี เป็นระยะเวลา 4 ปี
สำหรับกองทุนนี้จะมีนโยบายการจ่ายเงินไปผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิของกองทุนรวม โดยจะทำการเปิดขายให้กับนักลงทุนทั่วไปตั้งแต่วันที่ 8-18 กันยายนนี้ และคาดว่าจะสามารถนำไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพยได้ภายในต้นเดือนหน้า
นายสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับคำปรึกษาจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในการระดมเงินและบริหารการเงิน เพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้รับผลประโยชน์มากที่สุด จึงได้รวมมือกับทางธนาคารในการจัดตั้งกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทมีข้อตกลงในการแต่งตั้งให้ธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้รับประกันการจำหน่ายกองทุนนี้ และคาดว่านำสินทรัพย์อื่นๆ ของบริษัทเข้ามาขยายกองทุนนี้อีกในอนาคต
สำหรับ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท สมุย ที่นำมาจัดตั้งกองทุนนั้น เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว บนเนื้อที่กว่า 25 ไร่ ซึ่งตั้งอยู่บนหาดเฉวง และบริหารงานโดย บริษัท โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา ที่มีประสบการณ์ด้านการบริหารมายางยาวนานกว่า 27 ปี โดยปัจจุบันมีจำนวนโรงแรมภายใต้การบริหารกว่า 12 โรงแรม และมีจำนวนห้องพักถึง 2,799 ห้อง
“โรงแรมนี้ถือเป็นสินทรัพย์ที่ดีที่สุดของบริษัท เนื่องจากมีผลประกอบการที่ดีมาโดยตลอด และการลงทุนในกองทุนนี้คงจะมีความมั่นคงดีเพราะเราการันตีรายได้จากค่าเช่าไม่ต่ำกว่า 9% ต่อปีใน 4 ปีแรก และในอนาคตเราจะมีการจขยายการลงทุนไปยังโรงแรมอื่นในเครืออีก ทำให้กองทุนนี้จะมีโอกาสเติบโตสูง”นายสุทธิเกียรติกล่าว
นายสุทธิเกียรติ กล่าวอีกว่า แนวโน้มการท่องเที่ยวของประเทศไทยเชื่อว่าจะมีการขยายตัวได้อีก โดยประเทศไทยยังเพิ่งได้รับเลือกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดีแห่งหนึ่งในโลก และด้วยนิสัย กับการบริการที่ดี ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต้องการมาพักผ่อนที่ประเทศไทย ส่วน สถานการณ์การเมืองขณะนี้ คงจะมีผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งบริษัทเองก็ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ยอดจองห้องพักของบริษัทยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องในช่วงไฮซีชั่น และเกินจำนวนห้องพักที่มีอยู่ โดยลูกค้าส่วนใหญ่ของเรายังเป็นประเทศในแถบยุโรป ซึ่งจะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยในช่วงปลายปี
“ผลกระทบเราน้อยตั้งแต่ต้นปีเสียหายแค่ล้านกว่าบาท ซึ่งต่างชาติอย่าง อังกฤษ ฝรั่งเศส สวีเดน เขาก็ยังจะมาเที่ยวกันอยู่ ซึ่งการที่รัฐบาลเขาเตือนก็เป็นเรื่องปกติ แต่ว่าหากไม่มีอะไรรุนแรงเขาก็มากัน เพราะเขาชอบประเทศไทย ซึ่งค่างใช้จ่ายในการท่องเที่ยวไม่แพง โดยยอดจองของเรายังเต็มจนห้องไม่พอ ที่เป็นห่วงน่าจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นมากกว่า”นายสุทธิเกียรติกล่าว
นายสุทธิเกียรติ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้คงจะต้องดูเรื่องสถานกาณร์ซึ่งหากไม่มีความรุนแรง นักท่องเที่ยวคงไม่กังวล และยอดจองห้องพักของเราขณะนี้ก็มีมากว่า 70% แล้ว ซึ่งบริษัทเอเจนซี่ของเราก็มีการการันตียอดจองเอาไว้ด้วย โดยหลังจากนี้หากสถาการณ์การเมืองยังคงยืดเยื้อ ทางบริษัทคงจะยังไม่มีการปรับเปลี่ยนแผนอะไรเพิ่มเติม แต่คงจะให้เป็นไปตามสถานการณ์ก่อนเพราะเราได้รับผลกระทบไม่มากนัก
ด้าน นายสุรศักดิ์ ดุษฏีเมธา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บีชรีสอร์ท สมุย มีมูลค่าโครงการประมาณ 3,200 ล้านบาท โดยมีการรับประกันรายได้ค่าเช่าสะสมของกองทุนไม่ต่ำกว่า 9%ต่อปี เป็นระยะเวลา 4 ปี
สำหรับกองทุนนี้จะมีนโยบายการจ่ายเงินไปผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิของกองทุนรวม โดยจะทำการเปิดขายให้กับนักลงทุนทั่วไปตั้งแต่วันที่ 8-18 กันยายนนี้ และคาดว่าจะสามารถนำไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพยได้ภายในต้นเดือนหน้า
