xs
xsm
sm
md
lg

กสิกรมั่นใจอนาคตท่องเที่ยวไทยแจ่ม จับโรงแรมหรูตั้งกองอสัหาฯ4ปีแรกจ่าย9%ต่อปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ
บลจ.กสิกรไทยมองแนวโน้มท่องเที่ยวแจ่ม จับโรงแรมหรู 5 ดาวในเครือเซ็นทาราบนเกาะสมุย ตั้งกองอสังหาแบบ"ลิสโฮลด์" อายุโครงการ 30 ปี พร้อมการรันตีผลตอบแทน 9% ใน 4 ปีแรกของการลงทุน"วิวรรณ"มั่นใจยิลด์ดี เหตุค่าห้องพักในประเทศไทยยังต่ำ และมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก ด้านททท.มั่นใจการท่องเที่ยวไทยโตต่อเนื่อง จากศักยภาพทางธรรมชาติ และอุปนิสัยคนไทย แม้จะต้องเผชิญกับปัจจัยลบในระยะสั้นก็ตาม

นายอโศก วงค์ชะอุ่ม รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทกำลังเตรียมที่จะเปิดขายกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทใน เครือเซ็นทารา(CENTARA) มูลค่าโครงการ 3,400 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 8-18 กันยายนนี้

สำหรับกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในสิทธิการเช่าระยะเวลา 30 ปี ของโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ทสมุย ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวที่ตั้งอยู่บนหากเฉวง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื้อที่ประมาณ 25 ไร่และนับเป็นหาดที่สวยที่สุดบนเกาะสมุย โดยได้เปิดให้บริการมาแล้วกว่า 13 ปี และมีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ กองทุนจะมีโครงสร้างการลงทุนจากผู้ลงทุนทั่วไปจำนวน 67-75% และอีก 25-33% เป็นผู้ลงทุนทั่วไปรวมถึงสถาบัน โดยผลตอบแทนที่ได้จะมาจาก ค่าเช่าคงที่ และค่าเช่าแปรผัน ซึ่งจะมีการจ่ายเงินปันผล 4 ครั้งต่อปี และรับประกันรายได้ค่าเช่าสะสมของกองทุนรวมไม่ต่ำกว่า 9% ต่อปี เป็นระยะเวลา 4 ปีเต็ม

นายอโศก กล่าวอีกว่า การลงทุนในโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีช จะมีจุดเด่นจากทำเลที่ตั้ง ซึ่งมี ชายหาดยาวที่สุดบนหากเฉวงกว้างถึง 300 เมตร และยังมีผลประกอบการกว่า 13 ปีเป็นเครื่องพิสูจน์ โดยเฉพาะอัตราการเข้าพักของโรงแรมสูงถึง 75-84% ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ทั้งยังสูงกว่า 80% ในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยมีอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยในปี 2550 ประมาณ 5,818 บาทต่อห้องต่อคืน

นอกจากนี้ การท่องเที่ยวของเกาะสมุยยังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2550 เกาะสมุยทำรายได้จากท่องเที่ยวได้กว่า 14,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ทสมุย บริหารโดยบมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) ที่มีประสบการณ์ด้านการบริหารโรงแรมยาวนานกว่า 27 ปี โดยปัจจุบันมีจำนวนโรงแรมภายใต้การบริหาร 12 โรงแรม จำนวนห้องพัก 2,799 ห้อง และคาดว่าในอนาคตกองทุนนี้จะมีขนาดใหญ่ขึ้น เนื่องจาก กลุ่ม CENTEL จะนำโรงแรมในเครือเซ็นทาราเข้ามารวมในกองทุนนี้ด้วย ทำให้มีสภาพคล่องสูง มีการกระจายความเสี่ยงที่ดีขึ้น และมีโอกาสเติบโตสูง

นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ รองกรรมการ บมจ.ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า การลงทุนในกองทุนนี้คาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนได้ เนื่องจากการท่องเที่ยวของประเทศยังมีการเติบโตอยู่ ขณะที่เมื่อเปรียบเทียบค่าที่พักของประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ามาก และน่าจะมีการปรับขึ้นอีกในอนาคต

“โรงแรมนี้น่าสนใจมากคืออยู่ในทำเลดี มีหน้าหาดกว้างถึง 300 เมตร ซึ่งค่าที่พักในคุณภาพแบบนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับที่อื่น อย่างดูไบ ที่ราคากว่า 2 หมื่นบาทนั้น ประเทศไทยยังถูกกว่าเยอะ และมีโอกาสปรับขึ้นอีก ซึ่งหากต้องการลงทุนเพื่อเอาชนะเงินเฟ้อ กองทุนอสังหาฯ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีได้”นางวิวรรณกล่าว

นอกจากนี้ การลงทุนในกองทุนยังจะเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าสามารถลงทุนเพิ่มในโรงแรมของเครื่อเซ็นทรัล ซึ่งคาดว่าจะนำมาจัดตั้งเป็นกองทุนเพิ่มเติม และกองทุนจะมีสิทธิใน 7 ปีแรกที่จะพิจารณาลงทุนก่อนบุคคลอื่น

ด้าน นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโส ฝ่ายบริหารและการเงิน บริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซ่า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมาถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน และการขึ้นค่าธรรมเนียมน้ำมันของสายการบิน แต่ธุรกิจโรงแรมยังมีอัตราการเติบโตอยู่

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมาโรงแรมมียอดผู้เข้าพักที่ประมาณ 67-68% ซึ่งไม่สูงมากเนื่องจากได้มีการปรับปรุงห้องพัก แต่ในครึ่งแรกของปีนี้มียอดผู้เข้าพักแล้ว 79-80% โดยร้อยละ 60 จะเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศในแถบทวีปยุโรป และร้อยละ 30 เป็นนักท่องเที่ยวแถบเอเชีย ส่วนที่เหลือเป็นนักท่องเที่ยวทวีปต่างๆ ทั่วไป ซึ่งมียอดเฉลี่ยในการเข้าพักอยู่ที่ 7.2 วันต่อหัวต่อคน

“โรงแรมนี้ถือเป็นลูกรักของเรา ซึ่งมีผลประกอบการดีมาตลอด และการนำมาตั้งกองทุนเราก็จะรวมลงทุนด้วย และจะนำไปเป็นตัวอย่างในการนำโรงแรมในเครือมาเข้าร่วมในกองทุนต่อไป โดยคาดว่าใน 1-2 ปีนี้น่าจะมีเข้ามาเพิ่มอีก”นายรณชิตกล่าว

ท่องเที่ยวไทยโตต่อเนื่อง
นายพรหมเมธ นาถมทอง ผู้อำนวยการกองแผนงานการลงทุน ฝ่ายลงทุนธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า แนวโน้มการท่องเที่ยวในประเทศไทยแม้จะได้รับผลกระทบในระยะสั้นจากราคาน้มัน และเสถียรภาพทางการเมือง แต่ในน่าจะมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ประเทศไทยถือว่ามีข้อได้เปรียบหลักอยู่ 2 ด้านคือ 1 ศักยภาพของประเทศ ที่มีธรรมชาติ และชายหาดที่สวยงาน ซึ่งนักท่องเที่ยวจะทวีปยุโรป ส่วนใหญ่มักจะเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงปลายปี ซึ่งถือเป็นช่วงไฮซีซั่น 2 ศิลปะ วัฒนธรรม และลักษณะนิสัยของคนไทย ซึ่งเมืองไทยได้ชื่อว่าเป็นสยาม

สำหรับการท่องเที่ยวในประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมานั้น มีการผลักดันจากภาครัฐมาโดยตลอด เนื่องจากเล็งเห็นถึงความสำคัญในการเป็นรายได้หลักของประเทศ โดยในช่วงที่ผ่านมาถึงแม้จะประสบปัญหาทั้งเรื่องของโรคซาร์ และสึนามิ แต่สถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ได้ลดลงเลย มีเพียงรายได้ในบ้างช่วงเท่านั้นที่เติบโตในอัตราที่ลดลง ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจมาจากจำนวนวันเฉลี่ยที่อยู่ในประเทศไทยลดลงก็เป็นได้
สำหรับ ผู้สนใจสามารถจองซื้อกองทุน CENTARA จะมีมูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท และทวีคูณของ 1,000 บาท โดยผู้ที่จองซื้อตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไปจะได้รับสิทธิพิเศษมากมายจากโรงแรมเครือเซ็นทารา อาทิ บัตรส่วนลดค่าห้องพัก ห้องอาหารและสปา ในเครือเซ็นทารา รวมถึงบัตรสมาชิก Centara Platinum
กำลังโหลดความคิดเห็น