xs
xsm
sm
md
lg

TMBAMชี้เลห์แมนล้มกระทบระยะสั้น ย้ำความมั่นใจลูกค้าเอฟไอเอฟหายห่วง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"โชติกา" ชี้ วิกฤตการเงิน เลห์แมน บราเธอร์สและเอไอจี กระทบทางตรงต่อเศรษฐกิจไทยไม่มาก แต่อาจเห็นชะลอการลงทุนตรง และเม็ดเงินลงทุนระยะสั้นไหลออก เผยตั้งแต่ต้นปีกองทุนหุ้นของบลจ.ยังคงยอดซื้อสุทธิกว่า 1.3 พันล้าน แนะนักลงทุนควรจับจังหวะทยอยลงทุน ด้านบลจ. ประสานเสียง ย้ำความมั่นใจลูกค้า กองทุนเอฟไอเอฟปลอดธุรกรรมกับเลห์แมนฯ
นางโชติกา สวนานนท์
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า ในส่วนของบลจ.ทหารไทยนั้น ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาของภาคการเงินสหรัฐอเมริกาในขณะนี้แต่อย่างใด เนื่องมาจากบริษัทไม่ได้เข้าไปลงทุนในเลห์แมน บราเธอร์ส และเอไอจีซึ่งกำลังประสบปัญหาทางธุรกิจ

ส่วนผลกระทบต่อประเทศไทยนั้น คาดว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบทางตรงมากนัก แต่เม็ดเงินลงทุนอาจจะเกิดความผันผวน ดังจะเห็นได้จากปัจจุบันหลังจากเกิดปัญหาเม็ดเงินลงทุนได้ย้ายเข้าไปสู่การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุด เช่น การลงทุนในพันธบัตร ซึ่งต้องยอมรับว่าตอนนี้การเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศมีความผันผวนรุนแรงมาก ดังนั้นผู้ประกอบการจึงควรใช้ความระมัดระวังในการลงทุนและภาครัฐควรใช้ความระมัดระวังในควบคุมดูแล

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสำหรับเม็ดเงินลงทุนทางตรงไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากนัก แต่อาจจะมีการชะลอการลงทุน ขณะที่เม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนระยะสั้นอาจจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวทำให้เกิดการไหลออกของเม็ดเงินลงทุนระยะสั้นอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ภาวะความผันผวนและความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นภายในประเทศในช่วงที่ผ่านมาส่งผลทำให้นักลงทุนต่างชาติย้ายเงินลงทุนออกไปพอสมควร โดยตั้งแต่ช่วงต้นปี 2551 นักลงทุนต่างชาติได้มียอดการขายสุทธิแล้วประมาณ 1 แแสนล้านบาท จากมูลค่ารวมประมาณ 3 แสนล้านบาท แต่ตอนนี้ตลาดหุ้นไทยมีสภาพคล่องน้อยลง ซึ่งน่าจะส่งผลทำให้การไหลออกของเม็ดเงินลงทุนต่างชาติหลังจากนี้ไม่น่าจะมีปริมาณที่มากนัก

นางโชติกา กล่าวต่อว่า สำหรับกองทุนหุ้นของบลจ.ทหารไทยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมานักลงทุนยังมีปริมาณการซื้อสุทธิต่อเนื่อง โดยมีมูลค่ารวมประมาณ 1,300 ล้านบาท แบ่งออกเป็นกองทุนประเภท JUMBO ที่มียอดซื้อสุทธิประมาณเดือนละ 100 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้ตลาดหุ้นไทยยังนับว่ามีราคาถูกและพื้นฐานยังนับว่าน่าลงทุน จึงเป็นจังหวะดีที่นักลงทุนจะทยอยลงทุน แต่ก็ต้องยอมรับว่าแรงผลักดันที่จะทำให้ตลาดหุ้นสามารถปรับตัวขึ้นมาได้นั้น ต้องใช้แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติด้วย

"สำหรับภาวะอุตสาหกรรมกองทุนรวมในปีหน้านั้น ถ้าแบงก์ไม่แข่งระดมเงินฝาก เชื่อว่าน่าจะมีเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาในธุรกิจกองทุนรวมเพิ่มมากขึ้น แต่ถ้าแบงก์ยังคงแข่งขันระดมเงินฝากอยู่ ก็อาจเห็นการชะลอตัวลง อย่างไรก็ตามในปีหน้าถ้าการเมืองนิ่งและเกิดโครงการเมกะโปรเจกส์จริงจะเป็นตัวเร่งทำให้เกิดการลงทุนและการนำเข้าอีกด้วย" นางโชติกา กล่าว

นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.อยุธยา กล่าวว่า สำหรับบลจ.อยุธยาไม่มีการลงทุนหรือการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับเลห์แมน บราเธอร์ส , เอไอจี หรือ เมอร์ริลลินซ์ ดังนั้นจึงไม่ได้รับผลกระทบทางตรงจากปัญหาภาคสถาบันการเงินของสหรัฐที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด แต่สำหรับผลกระทบทางอ้อมนั้นยังไม่สามารถประเมินได้ เพราะยังไม่แน่ชัดว่ามีบริษัทใดที่ได้เข้าไปลงทุนในบริษัทดังกล่าวบ้าง แต่คาดว่าน่าจะสามารถเห็นความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวได้ในช่วงการประกาศผลประกอบการ

อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้บริษัทคงจะเพิ่มความระวัดระวังในการลงทุนเพิ่มมากขึ้น จากที่เน้นลงทุนด้วยความระมัดระวังเรื่องความเสี่ยงของการลงทุนอยู่แล้ว ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าบริษัท โดยยังคงมีเงินลงทุนที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีนักลงทุนบางส่วนที่โทรศัทพ์มาสอบถามเช่นเดียวกัน

"วิกฤตศรัทธาที่เกิดขึ้นตอนนี้ อาจจะทำให้นักลงทุนหันมาเรียนรู้มากขึ้น ส่วนการขายกอง LTF- RMF ในช่วงปลายปีนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะเชื่อมั่นว่าคนจะยังมาสอบถามอยู่ และในส่วนของนักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยง แนะนำว่าควรจะเข้ามาลงทุนในกองทุนมั่นนี้มาร์เก็ตที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล เช่น กองทุนอยุธยาตราสารเงินของบลจ.อยุธยา เป็นต้น"

ด้านรายงานข่าวจากบลจ.บัวหลวง เปิดเผยว่า กองทุนเปิดที่ลงทุนในต่างประเทศ ของบลจ.บัวหลวง ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มบัวหลวงธนสารพลัส กองทุนเปิดบัวหลวงเฮลธ์แคร์ (BCARE) และกองทุนเปิดบัวหลวงออลสตาร์ (BSTAR) ซึ่งมีนโยบายนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ ที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไป ไม่มีการลงทุนในตราสารประเภทต่างๆ ของบริษัทเลห์แมน บราเธอร์ส บริษัทเมอร์ริลล์ ลินช์ และ เอไอจีกรุ๊ป แต่อย่างใด นอกจากนี้ ทุกกองทุน ที่มีนโยบายลงทุนในประเทศ เช่น กองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี กองทุน RMF และ LTF กองทุนเปิด บัวแก้ว เป็นต้น ก็ปัจจุบันไม่มีการลงทุนในต่างประเทศแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา พบว่ามีปริมาณลูกค้าซื้อขายกองทุนเข้ามา โดยซื้อสุทธิในกองทุน RMF และ LTF ของ บลจ.บัวหลวง สูงขึ้นเป็นสองเท่าของวันปกติ

ส่วนบลจ.นครหลวงไทย รายงานว่า ตามที่ได้มีข่าวปรากฏเกี่ยวกับการประสบปัญหาทางการเงินของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ในต่างประเทศ ได้แก่ บริษัท American International Group, Inc. (AIG) และบริษัท Merrill Lynch & Co Inc. รวมถึงการล้มละลายของ บริษัท Lehman Brothers Holdings Inc. กองทุนรวมภายใต้การบริหารและจัดการของบลจ.นครหลวงไทย มิได้มีการลงทุนในตราสารที่ออกหรือค้ำประกันโดยบริษัทดังกล่าวแต่อย่างใด ดังนั้น ขอให้ท่านผู้ถือหน่วยลงทุนมั่นใจว่าบลจ.นครหลวงไทยยังคงดำเนินตามนโยบายการลงทุนอย่างเคร่งครัด
กำลังโหลดความคิดเห็น