บลจ.ทหารไทย-ธนชาต ขานรับกลต.ปลดล๊อกกฎ LTF กำหนดวันขายคืนหน่วยลงทุนครบ 5 ปีปฎิทิน สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้แล้วทุกวันทำการตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. 2551นี้เป็นต้นไป ส่วนธนชาตขายคืนหน่วยลงทุนคืนได้ 17 ธ.ค.นี้
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ประกาศให้ผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยา (LTF)วภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทฯ ที่ถือครองครบ 5 ปีปฏิทิน สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้แล้วทุกวันทำการตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2551 เป็นต้นไป ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขดังกล่าวเพื่อตอบสนองความต้องการผู้ถือหน่วยภายหลังจากการที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ประกาศยกเลิกเงื่อนไขการกำหนดระยะเวลาสำหรับกองทุนรวมหุ้นระยะยาวให้สามารถขายคืนได้ทุกวันจากเดิมที่กำหนดระยะเวลาให้ขายคืนได้ไม่เกินปีละ 2 ครั้ง
“บริษัทมีกองทุนรวมหุ้นระยะยาวที่บริหารจัดการอยู่ 2 กองทุน คือ กองทุนเปิด Jumbo Plus ปันผลหุ้นระยะยาว และ กองทุนเปิด Jumbo 25 ปันผล หุ้นระยะยาว โดยผู้ลงทุนที่ต้องการขายคืนหน่วยลงทุนจะต้องพิจารณาเงื่อนไขระยะเวลาการถือครอง เพราะหากขายในขณะที่ถือครองไม่ครบ 5 ปีปฏิทิน ก็อาจทำให้ผู้ถือหน่วยต้องชำระคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้ และอาจทำให้บริษัทต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายของส่วนที่เป็นกำไร (Capital Gain)” นางโชติกากล่าว
สำหรับ กองทุนเปิดทหารไทย JUMBO25 ปันผล หุ้นระยะยาว เน้นลงทุนในหุ้นเต็มอัตรา (Fully Invested) ตลอดเวลา โดยจะลงทุนในหุ้นสามัญและ/หรือหุ้นบุริมสิทธิของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 25 บริษัทแรกที่เข้าหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกหลักทรัพย์เกณฑ์ดังกล่าวได้พิจารณาถึงมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ผลประกอบการของบริษัท การจ่ายเงินปันผลหรือประกาศที่จะจ่ายเงินปันผล สภาพคล่องของหลักทรัพย์ และการควบคุมการกระจุกตัวของหลักทรัพย์ในแต่ละอุตสาหกรรม (Sector) โดยบริษัทจัดการจะทำการปรับเปลี่ยนรายชื่อหลักทรัพย์ปีละ 2 ครั้งในวันทำการแรกของเดือนมีนาคม และวันทำการแรกของเดือนกันยายน
ขณะที่กองทุนเปิดทหารไทย JUMBO PLUS ปันผล หุ้นระยะยาว เน้นลงทุนในหุ้นเต็มอัตรา (Fully Invested) ตลอดเวลา โดยจะลงทุนในหุ้นสามัญและ/หรือหุ้นบุริมสิทธิของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 25 บริษัทแรกที่เข้าหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกหลักทรัพย์เกณฑ์ดังกล่าวได้พิจารณาถึงมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ผลประกอบการของบริษัท การจ่ายเงินปันผลหรือประกาศที่จะจ่ายเงินปันผล สภาพคล่องของหลักทรัพย์ และการควบคุมการกระจุกตัวของหลักทรัพย์ในแต่ละอุตสาหกรรม (Sector) โดยบริษัทจัดการจะทำการปรับเปลี่ยนรายชื่อหลักทรัพย์ปีละ 2 ครั้งในวันทำการแรกของเดือนมีนาคม และวันทำการแรกของเดือนกันยายน ทรัพย์สินส่วนที่เหลือ จะนำไปลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี
ทั้งนี้ ผู้ถือหน่วยที่มีความประสงค์จะขายคืนหน่วยลงทุน สามารถตรวจสอบจำนวนหน่วยลงทุนที่สามารถขายได้และทำรายการขายได้ที่บลจ.ทหารไทย หรือผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนทุกแห่ง หรือหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ส่วนลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 1725
ทางด้านนายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ธนชาต กล่าวว่า เมื่อปลายเดือนพ.ย. ที่ผ่านมา สำนักงาน กลต. ได้มีการแก้ไขปรับปรุงประกาศที่เกี่ยวกับกองทุนรวมหุ้นระยะยาวหรือกองทุน LTF ซึ่งทำให้ผู้ลงทุนมีความสะดวกมากขึ้น โดยยกเลิกข้อจำกัดเรื่องการขายคืนหน่วยลงทุน ซึ่งเดิมกำหนดว่า กองทุน LTF จะต้องมีกำหนดระยะเวลาการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนไม่เกิดปีละ 2 ครั้งเท่านั้น ปัจจุบันข้อกำหนดนี้ได้ถูกยกเลิกแล้ว บลจ.ธนชาต จึงได้ประกาศเพิ่มวันทำการขายคืนหน่วยลงทุนของกองทุน LTF จากเดิมที่ขายคืนได้เพียงปีละ 2 ครั้งตามที่กฎหมายกำหนด คือ วันที่ 2-16 ของเดือนมกราคม และเดือนกรกฎาคมของทุกปี เพิ่มเป็นขายคืนได้ทุกวันทำการ ระหว่างเวลาเริ่มทำการถึงเวลา 15.00 น.โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคมนี้เป็นต้นไป เพื่อเพิ่มความสะดวกและคล่องตัวให้กับผู้ลงทุน
กองทุน LTF ของ บลจ.ธนชาต มี 2 กองทุน คือ กองทุนเปิดธนชาติ Big Cap หุ้นระยะยาว (กองทุน BigCapLTF) เน้นลงทุนในหุ้นสามัญที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีศักยภาพในการเจริญเติบโตดี และมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูง ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล อีกกองทุนหนึ่ง คือ กองทุนเปิดธนชาติหุ้นระยะยาวปันผล (กองทุน LTFD) ซึ่งกองทุนนี้ก็เน้นหุ้นปัจจัยพื้นฐานเช่นกัน แต่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล
นายบุญชัย กล่าวเสริมว่า ในเดือน ม.ค. 52 บลจ.ธนชาต จะเปิดให้ใช้ “สมุดบัญชีแสดงสิทธิในหน่วยลงทุน” แทนหนังสือรับรองสิทธิฯ เดิม สำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนที่ลงทุนในกองทุนรวม LTF และ RMF ภายใต้การจัดการทุกกองทุน โดยผู้ลงทุนสามารถขอรับสมุดบัญชีแสดงบัญชีแสดงสิทธิในหน่วยลงทุนได้ที่ บลจ.ธนชาต หรือธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือที่ผู้สนับสนุนการขายฯ ที่ท่านเปิดบัญชีกองทุนไว้
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ประกาศให้ผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยา (LTF)วภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทฯ ที่ถือครองครบ 5 ปีปฏิทิน สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้แล้วทุกวันทำการตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2551 เป็นต้นไป ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขดังกล่าวเพื่อตอบสนองความต้องการผู้ถือหน่วยภายหลังจากการที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ประกาศยกเลิกเงื่อนไขการกำหนดระยะเวลาสำหรับกองทุนรวมหุ้นระยะยาวให้สามารถขายคืนได้ทุกวันจากเดิมที่กำหนดระยะเวลาให้ขายคืนได้ไม่เกินปีละ 2 ครั้ง
“บริษัทมีกองทุนรวมหุ้นระยะยาวที่บริหารจัดการอยู่ 2 กองทุน คือ กองทุนเปิด Jumbo Plus ปันผลหุ้นระยะยาว และ กองทุนเปิด Jumbo 25 ปันผล หุ้นระยะยาว โดยผู้ลงทุนที่ต้องการขายคืนหน่วยลงทุนจะต้องพิจารณาเงื่อนไขระยะเวลาการถือครอง เพราะหากขายในขณะที่ถือครองไม่ครบ 5 ปีปฏิทิน ก็อาจทำให้ผู้ถือหน่วยต้องชำระคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้ และอาจทำให้บริษัทต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายของส่วนที่เป็นกำไร (Capital Gain)” นางโชติกากล่าว
สำหรับ กองทุนเปิดทหารไทย JUMBO25 ปันผล หุ้นระยะยาว เน้นลงทุนในหุ้นเต็มอัตรา (Fully Invested) ตลอดเวลา โดยจะลงทุนในหุ้นสามัญและ/หรือหุ้นบุริมสิทธิของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 25 บริษัทแรกที่เข้าหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกหลักทรัพย์เกณฑ์ดังกล่าวได้พิจารณาถึงมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ผลประกอบการของบริษัท การจ่ายเงินปันผลหรือประกาศที่จะจ่ายเงินปันผล สภาพคล่องของหลักทรัพย์ และการควบคุมการกระจุกตัวของหลักทรัพย์ในแต่ละอุตสาหกรรม (Sector) โดยบริษัทจัดการจะทำการปรับเปลี่ยนรายชื่อหลักทรัพย์ปีละ 2 ครั้งในวันทำการแรกของเดือนมีนาคม และวันทำการแรกของเดือนกันยายน
ขณะที่กองทุนเปิดทหารไทย JUMBO PLUS ปันผล หุ้นระยะยาว เน้นลงทุนในหุ้นเต็มอัตรา (Fully Invested) ตลอดเวลา โดยจะลงทุนในหุ้นสามัญและ/หรือหุ้นบุริมสิทธิของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 25 บริษัทแรกที่เข้าหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกหลักทรัพย์เกณฑ์ดังกล่าวได้พิจารณาถึงมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ผลประกอบการของบริษัท การจ่ายเงินปันผลหรือประกาศที่จะจ่ายเงินปันผล สภาพคล่องของหลักทรัพย์ และการควบคุมการกระจุกตัวของหลักทรัพย์ในแต่ละอุตสาหกรรม (Sector) โดยบริษัทจัดการจะทำการปรับเปลี่ยนรายชื่อหลักทรัพย์ปีละ 2 ครั้งในวันทำการแรกของเดือนมีนาคม และวันทำการแรกของเดือนกันยายน ทรัพย์สินส่วนที่เหลือ จะนำไปลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี
ทั้งนี้ ผู้ถือหน่วยที่มีความประสงค์จะขายคืนหน่วยลงทุน สามารถตรวจสอบจำนวนหน่วยลงทุนที่สามารถขายได้และทำรายการขายได้ที่บลจ.ทหารไทย หรือผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนทุกแห่ง หรือหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ส่วนลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 1725
ทางด้านนายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ธนชาต กล่าวว่า เมื่อปลายเดือนพ.ย. ที่ผ่านมา สำนักงาน กลต. ได้มีการแก้ไขปรับปรุงประกาศที่เกี่ยวกับกองทุนรวมหุ้นระยะยาวหรือกองทุน LTF ซึ่งทำให้ผู้ลงทุนมีความสะดวกมากขึ้น โดยยกเลิกข้อจำกัดเรื่องการขายคืนหน่วยลงทุน ซึ่งเดิมกำหนดว่า กองทุน LTF จะต้องมีกำหนดระยะเวลาการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนไม่เกิดปีละ 2 ครั้งเท่านั้น ปัจจุบันข้อกำหนดนี้ได้ถูกยกเลิกแล้ว บลจ.ธนชาต จึงได้ประกาศเพิ่มวันทำการขายคืนหน่วยลงทุนของกองทุน LTF จากเดิมที่ขายคืนได้เพียงปีละ 2 ครั้งตามที่กฎหมายกำหนด คือ วันที่ 2-16 ของเดือนมกราคม และเดือนกรกฎาคมของทุกปี เพิ่มเป็นขายคืนได้ทุกวันทำการ ระหว่างเวลาเริ่มทำการถึงเวลา 15.00 น.โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคมนี้เป็นต้นไป เพื่อเพิ่มความสะดวกและคล่องตัวให้กับผู้ลงทุน
กองทุน LTF ของ บลจ.ธนชาต มี 2 กองทุน คือ กองทุนเปิดธนชาติ Big Cap หุ้นระยะยาว (กองทุน BigCapLTF) เน้นลงทุนในหุ้นสามัญที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีศักยภาพในการเจริญเติบโตดี และมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูง ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล อีกกองทุนหนึ่ง คือ กองทุนเปิดธนชาติหุ้นระยะยาวปันผล (กองทุน LTFD) ซึ่งกองทุนนี้ก็เน้นหุ้นปัจจัยพื้นฐานเช่นกัน แต่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล
นายบุญชัย กล่าวเสริมว่า ในเดือน ม.ค. 52 บลจ.ธนชาต จะเปิดให้ใช้ “สมุดบัญชีแสดงสิทธิในหน่วยลงทุน” แทนหนังสือรับรองสิทธิฯ เดิม สำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนที่ลงทุนในกองทุนรวม LTF และ RMF ภายใต้การจัดการทุกกองทุน โดยผู้ลงทุนสามารถขอรับสมุดบัญชีแสดงบัญชีแสดงสิทธิในหน่วยลงทุนได้ที่ บลจ.ธนชาต หรือธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือที่ผู้สนับสนุนการขายฯ ที่ท่านเปิดบัญชีกองทุนไว้