บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม พรีมาเวสท์ จำกัด
การก่อหนี้เพื่อไปใช้ในการบริโภคในปริมาณที่เกินกว่ารายได้ที่หาได้ ถ้าเป็นครั้งเป็นคราวคงดูไม่น่ามีผลเท่าใดนัก แต่ถ้าไม่มีการยับยั้งชั่งใจที่ดีพอ เราก็อาจจะเข้าสู่วังวนของ “ภาพลวงตาของความร่ำรวย” ซึ่งกว่าจะรู้ก็อาจสายเกินกว่าจะแก้ไข ภาพลวงตาของความร่ำรวยนั้นจะเห็นได้ชัดมากถ้าพิจารณาจากบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งถ้าเรานำคนที่มีหนี้สินประเภท สินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต มาทำงบกำไรขาดทุน และงบกระแสเงินสด ก็จะพบว่าคนๆ นี้ซึ่งแทบไม่มีเงินเก็บเลยแต่ถึงแม้ว่าทุกเดือนจะมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ หรือพูดง่ายๆ ว่าขาดทุนทุกเดือน แต่ถ้าดูงบกระแสเงินสดแล้วกลับมีเงินมาชดเชยส่วนที่ขาดทุนตลอดเวลา ดังนั้นคนๆ นี้จะรู้สึกว่ามีเงินเพื่อจับจ่ายใช้สอยอย่างสบายตามที่ต้องการโดยไม่จำเป็นต้องรอเงินเก็บ ความรู้สึกนี้ก็คือภาพลวงตาของความร่ำรวยได้เกิดขึ้น เพราะถ้าเราเข้าไปวิเคราะห์งบการเงินของคนคนนี้ก็จะพบว่าแหล่งที่มาของเงินเค้ามาจากการกู้เงินนั่นเอง
แรงจูงใจของโปรโมชั่น การผ่อน 0% การได้เครดิตในช่วงเวลาหนึ่ง และความสะดวก ทำให้บัตรเครดิตเป็นที่นิยม ซึ่งถ้าคนที่รูดบัตรเครดิตตลอดเวลาและชำระแต่จำนวนขั้นต่ำ หนี้บัตรเครดิตก็สะสมเพิ่มขึ้นจนเต็มวงเงินในบัตร กระบวนการโยกหนี้จากบัตรเครดิตไปสู่สินเชื่อส่วนบุคคลจึงเกิดขึ้น โดยสามารถเลือกการผ่อนชำระคืนเงินต้นได้ถึง 60 เดือนเพื่อที่ชำระค่างวดจำนวนไม่มาก การทำเช่นนี้ทำให้ได้รับวงเงินบัตรเครดิตคืนมาซึ่งถ้าไม่มีการเปลี่ยนพฤติกรรมก็จะนำบัตรเครดิตไปใช้ซื้อสินค้าอีก ซึ่งจุดสิ้นสุดจะไปจบเมื่อ ความสามารถในการกู้เงินหมดลง ทีนี้จะทำอย่างไรครับ เหตุผลเหล่านี้ก็คือการก่อตัวของการสะสมโรคจนกลายเป็นโรคร้ายที่อันตรายอย่างยิ่ง เพราะแก้ยากมากไหนจะต้นเงินที่ต้องคืน แถมด้วยภาระดอกเบี้ยที่สูงมาก การแก้หนี้จึงทำไม่ได้ซักที
การที่จะหลุดพ้นวงจรนี้ได้นั้นๆ มีทางเดียวเท่านั้นก็คือ “การมีวินัยทางการเงินอย่างเคร่งครัด” วิธีนี้จะทำให้ผู้ที่มีหนี้สินจำนวนมากนี้รู้จักจัดสรรเงินสำหรับเพื่อการดำรงชีวิต เพื่อซื้อของที่จำเป็น เพื่อการออม และเพื่อคืนหนี้โดยเริ่มจากหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงให้หมดก่อนและตามด้วยหนี้ที่มีดอกเบี้ยต่ำลงมา และถ้ามีจังหวะที่ดีก็ทำการกู้หนี้ที่มีดอกเบี้ยต่ำกว่าในจำนวนที่จะต้องคืนหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงเพื่อลดภาระดอกเบี้ยลง ถ้าท่านติดตามข่าวสารก็จะเห็นว่าบางคนที่มาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง กว่าจะล้างหนี้ให้หมดนั้นใช้เวลามากกว่า 5 ปี
ดังนั้นจึงการมีวินัยทางการเงินจึงเป็นสิ่งสำคัญ และถ้าท่านต้องการสร้างมั่งคั่งควบคู่ด้วย การรักการออมและการเลือกลงทุนในระดับความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจอย่างปัจจุบันประกอบค่าครองชีพที่สูงเพิ่มขึ้นด้วยแล้ว ต้องยิ่งระวังการใช้เงินไปกับการบริโภคในสิ่งที่ไม่จำเป็นให้มาก ช่วยกันสร้างสังคมที่มีวินัยทางการเงินควบคู่กับการสร้างสังคมให้รักการออม เท่ากับว่าท่านกำลังสร้างสังคมที่ดีแก่บุตรหลานท่านในอนาคต ซึ่งต่างจากปัจจุบันที่มีปัญหาสังคมค่อนข้างมาก การสร้างหนี้สินโดยเฉพาะสินเชื่อส่วนบุคคลและหนี้บัตรเครดิตกำลังเป็นที่เรื้อรังและสร้างปัญหาสังคมขึ้น
การก่อหนี้เพื่อไปใช้ในการบริโภคในปริมาณที่เกินกว่ารายได้ที่หาได้ ถ้าเป็นครั้งเป็นคราวคงดูไม่น่ามีผลเท่าใดนัก แต่ถ้าไม่มีการยับยั้งชั่งใจที่ดีพอ เราก็อาจจะเข้าสู่วังวนของ “ภาพลวงตาของความร่ำรวย” ซึ่งกว่าจะรู้ก็อาจสายเกินกว่าจะแก้ไข ภาพลวงตาของความร่ำรวยนั้นจะเห็นได้ชัดมากถ้าพิจารณาจากบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งถ้าเรานำคนที่มีหนี้สินประเภท สินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต มาทำงบกำไรขาดทุน และงบกระแสเงินสด ก็จะพบว่าคนๆ นี้ซึ่งแทบไม่มีเงินเก็บเลยแต่ถึงแม้ว่าทุกเดือนจะมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ หรือพูดง่ายๆ ว่าขาดทุนทุกเดือน แต่ถ้าดูงบกระแสเงินสดแล้วกลับมีเงินมาชดเชยส่วนที่ขาดทุนตลอดเวลา ดังนั้นคนๆ นี้จะรู้สึกว่ามีเงินเพื่อจับจ่ายใช้สอยอย่างสบายตามที่ต้องการโดยไม่จำเป็นต้องรอเงินเก็บ ความรู้สึกนี้ก็คือภาพลวงตาของความร่ำรวยได้เกิดขึ้น เพราะถ้าเราเข้าไปวิเคราะห์งบการเงินของคนคนนี้ก็จะพบว่าแหล่งที่มาของเงินเค้ามาจากการกู้เงินนั่นเอง
แรงจูงใจของโปรโมชั่น การผ่อน 0% การได้เครดิตในช่วงเวลาหนึ่ง และความสะดวก ทำให้บัตรเครดิตเป็นที่นิยม ซึ่งถ้าคนที่รูดบัตรเครดิตตลอดเวลาและชำระแต่จำนวนขั้นต่ำ หนี้บัตรเครดิตก็สะสมเพิ่มขึ้นจนเต็มวงเงินในบัตร กระบวนการโยกหนี้จากบัตรเครดิตไปสู่สินเชื่อส่วนบุคคลจึงเกิดขึ้น โดยสามารถเลือกการผ่อนชำระคืนเงินต้นได้ถึง 60 เดือนเพื่อที่ชำระค่างวดจำนวนไม่มาก การทำเช่นนี้ทำให้ได้รับวงเงินบัตรเครดิตคืนมาซึ่งถ้าไม่มีการเปลี่ยนพฤติกรรมก็จะนำบัตรเครดิตไปใช้ซื้อสินค้าอีก ซึ่งจุดสิ้นสุดจะไปจบเมื่อ ความสามารถในการกู้เงินหมดลง ทีนี้จะทำอย่างไรครับ เหตุผลเหล่านี้ก็คือการก่อตัวของการสะสมโรคจนกลายเป็นโรคร้ายที่อันตรายอย่างยิ่ง เพราะแก้ยากมากไหนจะต้นเงินที่ต้องคืน แถมด้วยภาระดอกเบี้ยที่สูงมาก การแก้หนี้จึงทำไม่ได้ซักที
การที่จะหลุดพ้นวงจรนี้ได้นั้นๆ มีทางเดียวเท่านั้นก็คือ “การมีวินัยทางการเงินอย่างเคร่งครัด” วิธีนี้จะทำให้ผู้ที่มีหนี้สินจำนวนมากนี้รู้จักจัดสรรเงินสำหรับเพื่อการดำรงชีวิต เพื่อซื้อของที่จำเป็น เพื่อการออม และเพื่อคืนหนี้โดยเริ่มจากหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงให้หมดก่อนและตามด้วยหนี้ที่มีดอกเบี้ยต่ำลงมา และถ้ามีจังหวะที่ดีก็ทำการกู้หนี้ที่มีดอกเบี้ยต่ำกว่าในจำนวนที่จะต้องคืนหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงเพื่อลดภาระดอกเบี้ยลง ถ้าท่านติดตามข่าวสารก็จะเห็นว่าบางคนที่มาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง กว่าจะล้างหนี้ให้หมดนั้นใช้เวลามากกว่า 5 ปี
ดังนั้นจึงการมีวินัยทางการเงินจึงเป็นสิ่งสำคัญ และถ้าท่านต้องการสร้างมั่งคั่งควบคู่ด้วย การรักการออมและการเลือกลงทุนในระดับความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจอย่างปัจจุบันประกอบค่าครองชีพที่สูงเพิ่มขึ้นด้วยแล้ว ต้องยิ่งระวังการใช้เงินไปกับการบริโภคในสิ่งที่ไม่จำเป็นให้มาก ช่วยกันสร้างสังคมที่มีวินัยทางการเงินควบคู่กับการสร้างสังคมให้รักการออม เท่ากับว่าท่านกำลังสร้างสังคมที่ดีแก่บุตรหลานท่านในอนาคต ซึ่งต่างจากปัจจุบันที่มีปัญหาสังคมค่อนข้างมาก การสร้างหนี้สินโดยเฉพาะสินเชื่อส่วนบุคคลและหนี้บัตรเครดิตกำลังเป็นที่เรื้อรังและสร้างปัญหาสังคมขึ้น
