คอลัมน์คุยกับผู้จัดการกองทุน
ณัฐพัชร์ ลัคนาธรรมพิชิต
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บีที จำกัด
0-2686-950
ผู้อ่านหลายท่านคงจะเคยได้ยินสำนวนภาษาอังกฤษนี้มาบ้าง ขออนุญาตแปลเป็นภาษาไทยว่า เมื่อใดที่ชีวิตยังมีอยู่ เมื่อนั้นย่อมมีความหวังรออยู่ด้วย แม้จะพอคุ้นเคยกับสำนวน แต่คงจะมีอยู่น้อยคนที่ทราบที่มาของสำนวนดังกล่าว สมัยนี้ประโยชน์ของ Internet Access และ Search Engine ทำให้สามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็วทันใจ และผลก็คือ Marcus Tullius Cicero นักปรัชญา ชาวโรมัน เกิดเมื่อ 106 ปีก่อนคริสตกาลเป็นผู้ให้กำเนิดสำนวนดังกล่าว นานถึง 2,000 กว่าปีมาแล้ว
บ้านเมืองของเราในขณะนี้ก็อยู่ในสภาพที่มีความหวังเช่นกันว่า เหตุการณ์ต่างๆ จะลงเอยหรือจบลงด้วยดีในไม่ช้า เมื่อฉบับวันที่ 25 มีนาคม 2551 ผมได้เขียนบทความเกี่ยวกับอิทธิพลของดาวพฤหัสบดี (๕) และดาวอังคาร (๓) ไว้ ซึ่งได้เอ่ยถึงเรื่องความขัดแย้งและการตรวจสอบหรือการขึ้นโรงขึ้นศาลไปแล้ว โดยได้ส่งท้ายไว้ว่าให้ทุกท่าน “โปรดระวังเรื่องต่างๆที่ไม่คาดคิดอาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะดาวพฤหัสบดี (๕) ซึ่งเป็นประธานของดาวฝ่ายดี (ศุภเคราะห์) เมื่อเดินถอยหลังจะทำให้ไม่มีพลังหรืออำนาจพอที่จะควบคุมดาวฝ่ายร้าย (บาปเคราะห์) ได้”
เริ่มมีโหราจารย์หลายท่านออกมาพูดกันถึงวันที่ 17 กันยายน 2551 ว่าเรื่องราวต่างๆ ที่เป็นอยู่ จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ก็จากความหวังที่ว่า ดาวพฤหัสบดีกำลังจะเริ่มเดินหน้าปกติในช่วงบ่ายของวันดังกล่าว หลังจากที่ได้เดินถอยหลัง (พักร์) มาตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2551 คงจะพอทำให้ผู้ลงทุนสบายใจขึ้น เพราะถ้าปัจจัยทางการเมืองเริ่มนิ่ง ดัชนีตลาดหุ้นบ้านเราก็น่าจะขยับตัวสูงขึ้นได้ จากที่อยู่ในเขตขายมากเกินไป (Oversold) มาพักใหญ่แล้ว
แต่เนื่องจากดาวพฤหัสบดีถอยหลังมานานถึง 3 เดือนกว่า ทำให้เมื่อเริ่มเดินปกติก็อาจจะต้องใช้เวลาบ้างกว่าจะมีกำลังเต็มที่ เหมือนการขับรถยนต์ซึ่งในการปรับเปลี่ยนเกียร์ จากเกียร์ถอยหลัง จะต้องผ่านเกียร์ว่างก่อน แล้วถึงจะเริ่มเป็นเกียร์หนึ่งใหม่ ออกตัวไปได้สักพักจนมีกำลังเพียงพอถึงจะขยับเปลี่ยนไปเป็น เกียร์สอง สาม สี่ ห้า ได้ตามลำดับ (ระยะหลังมีรถยนต์บางยี่ห้อ มีถึงเกียร์เจ็ด) ยิ่งหากได้ดูตำแหน่งของดวงดาวในวันที่ 17 กันยายน ตามรูปแล้ว จะพบว่ายังมีการแบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายอยู่ ซีกหนึ่งนำหน้าด้วยดวงอาทิตย์ (๑) ในขณะที่อีกซีกมีดาวพฤหัสบดี (๕) รั้งท้ายอยู่
เมื่อได้ตามดูการโคจรของดวงดาวต่างๆ ต่อไปก็จะพบว่า ในวันที่ 20 ตุลาคม 2551 ดวงดาวทั้งสิบจะมาอยู่ในราศีที่ต่อเนื่องกันถึง 9 ราศีตั้งแต่ราศี เมถุน กรกฎ สิงห์ กันย์ ตุลย์ พิจิก ธนู มังกร และ กุมภ์ ซึ่งมีชื่อดวงตามหลักโหราศาสตร์ว่าเป็น ดวงมาลัยโยค หรือ ดวงพระจันทร์ครึ่งซีก โดยบุคคลใดมีดวงเกิดและมีตำแหน่งลัคนาอยู่ในกลุ่มราศีดังกล่าวด้วยแล้ว จะพร้อมพรั่งด้วยวาสนา บารมี มีบริวารมากมาย จึงหวังไว้ว่า ตั้งแต่ 17 ก.ย. จนถึง 20 ต.ค. เหตุการณ์ในบ้านเมืองของเราคงจะได้เข้าสู่ความสงบเรียบร้อยอีกครั้งหนึ่ง โดยดาว ๕ มีตำแหน่งเกษตร ดาว ๔ มีตำแหน่งเกษตรและอุจจ์ ดาว ๖ มีตำแหน่งประ ดาว ๓ มีตำแหน่งประ และ ดาว ๑ มีตำแหน่งนิจ
โปรดใช้วิจารณญาณในการนำข้อมูลไปใช้ เพราะเป็นความเห็นส่วนตัว ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทฯแต่อย่างใดทั้งสิ้น
ณัฐพัชร์ ลัคนาธรรมพิชิต
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บีที จำกัด
0-2686-950
ผู้อ่านหลายท่านคงจะเคยได้ยินสำนวนภาษาอังกฤษนี้มาบ้าง ขออนุญาตแปลเป็นภาษาไทยว่า เมื่อใดที่ชีวิตยังมีอยู่ เมื่อนั้นย่อมมีความหวังรออยู่ด้วย แม้จะพอคุ้นเคยกับสำนวน แต่คงจะมีอยู่น้อยคนที่ทราบที่มาของสำนวนดังกล่าว สมัยนี้ประโยชน์ของ Internet Access และ Search Engine ทำให้สามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็วทันใจ และผลก็คือ Marcus Tullius Cicero นักปรัชญา ชาวโรมัน เกิดเมื่อ 106 ปีก่อนคริสตกาลเป็นผู้ให้กำเนิดสำนวนดังกล่าว นานถึง 2,000 กว่าปีมาแล้ว
บ้านเมืองของเราในขณะนี้ก็อยู่ในสภาพที่มีความหวังเช่นกันว่า เหตุการณ์ต่างๆ จะลงเอยหรือจบลงด้วยดีในไม่ช้า เมื่อฉบับวันที่ 25 มีนาคม 2551 ผมได้เขียนบทความเกี่ยวกับอิทธิพลของดาวพฤหัสบดี (๕) และดาวอังคาร (๓) ไว้ ซึ่งได้เอ่ยถึงเรื่องความขัดแย้งและการตรวจสอบหรือการขึ้นโรงขึ้นศาลไปแล้ว โดยได้ส่งท้ายไว้ว่าให้ทุกท่าน “โปรดระวังเรื่องต่างๆที่ไม่คาดคิดอาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะดาวพฤหัสบดี (๕) ซึ่งเป็นประธานของดาวฝ่ายดี (ศุภเคราะห์) เมื่อเดินถอยหลังจะทำให้ไม่มีพลังหรืออำนาจพอที่จะควบคุมดาวฝ่ายร้าย (บาปเคราะห์) ได้”
เริ่มมีโหราจารย์หลายท่านออกมาพูดกันถึงวันที่ 17 กันยายน 2551 ว่าเรื่องราวต่างๆ ที่เป็นอยู่ จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ก็จากความหวังที่ว่า ดาวพฤหัสบดีกำลังจะเริ่มเดินหน้าปกติในช่วงบ่ายของวันดังกล่าว หลังจากที่ได้เดินถอยหลัง (พักร์) มาตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2551 คงจะพอทำให้ผู้ลงทุนสบายใจขึ้น เพราะถ้าปัจจัยทางการเมืองเริ่มนิ่ง ดัชนีตลาดหุ้นบ้านเราก็น่าจะขยับตัวสูงขึ้นได้ จากที่อยู่ในเขตขายมากเกินไป (Oversold) มาพักใหญ่แล้ว
แต่เนื่องจากดาวพฤหัสบดีถอยหลังมานานถึง 3 เดือนกว่า ทำให้เมื่อเริ่มเดินปกติก็อาจจะต้องใช้เวลาบ้างกว่าจะมีกำลังเต็มที่ เหมือนการขับรถยนต์ซึ่งในการปรับเปลี่ยนเกียร์ จากเกียร์ถอยหลัง จะต้องผ่านเกียร์ว่างก่อน แล้วถึงจะเริ่มเป็นเกียร์หนึ่งใหม่ ออกตัวไปได้สักพักจนมีกำลังเพียงพอถึงจะขยับเปลี่ยนไปเป็น เกียร์สอง สาม สี่ ห้า ได้ตามลำดับ (ระยะหลังมีรถยนต์บางยี่ห้อ มีถึงเกียร์เจ็ด) ยิ่งหากได้ดูตำแหน่งของดวงดาวในวันที่ 17 กันยายน ตามรูปแล้ว จะพบว่ายังมีการแบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายอยู่ ซีกหนึ่งนำหน้าด้วยดวงอาทิตย์ (๑) ในขณะที่อีกซีกมีดาวพฤหัสบดี (๕) รั้งท้ายอยู่
เมื่อได้ตามดูการโคจรของดวงดาวต่างๆ ต่อไปก็จะพบว่า ในวันที่ 20 ตุลาคม 2551 ดวงดาวทั้งสิบจะมาอยู่ในราศีที่ต่อเนื่องกันถึง 9 ราศีตั้งแต่ราศี เมถุน กรกฎ สิงห์ กันย์ ตุลย์ พิจิก ธนู มังกร และ กุมภ์ ซึ่งมีชื่อดวงตามหลักโหราศาสตร์ว่าเป็น ดวงมาลัยโยค หรือ ดวงพระจันทร์ครึ่งซีก โดยบุคคลใดมีดวงเกิดและมีตำแหน่งลัคนาอยู่ในกลุ่มราศีดังกล่าวด้วยแล้ว จะพร้อมพรั่งด้วยวาสนา บารมี มีบริวารมากมาย จึงหวังไว้ว่า ตั้งแต่ 17 ก.ย. จนถึง 20 ต.ค. เหตุการณ์ในบ้านเมืองของเราคงจะได้เข้าสู่ความสงบเรียบร้อยอีกครั้งหนึ่ง โดยดาว ๕ มีตำแหน่งเกษตร ดาว ๔ มีตำแหน่งเกษตรและอุจจ์ ดาว ๖ มีตำแหน่งประ ดาว ๓ มีตำแหน่งประ และ ดาว ๑ มีตำแหน่งนิจ
โปรดใช้วิจารณญาณในการนำข้อมูลไปใช้ เพราะเป็นความเห็นส่วนตัว ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทฯแต่อย่างใดทั้งสิ้น