คอลัมน์คุยกับผู้จัดการกองทุน
โดย ดร.ฐนิตพงศ์ ชื่นภิบาล
ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมความเสี่ยง
บลจ.อยุธยา จำกัด
ผมเชื่อว่าท่านนักลงทุนทุกท่านคงคาดหวังไว้ว่า การลงทุนของท่านจะประสบความสำเร็จ และจะนำมาสู่ความมั่งมีในอนาคต หลายท่านตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างสบาย บางท่านตั้งเป้าหมายการลงทุนไว้ว่าจะลงทุนเพื่ออนาคตทางการศึกษาบุตร บางท่านตั้งเป้าหมายการลงทุนไว้ว่าจะนำเงินที่ได้ไปซื้อบ้าน เป็นต้น การที่ท่านมีเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจนจะเป็นแรงผลักดันให้ท่านนักลงทุนมีความมุ่งมั่นมากขึ้น วันนี้ผมขอนำเสนอแนวทางในการตั้งเป้าหมายการลงทุนของท่าน เพื่อที่ท่านนักลงทุนจะทราบว่าท่านควรจะมีแนวทางในการลงทุนอย่างไร
ทางเว็บไซต์ Mutual Fund Education Alliance (www.mfea.com) ได้ให้คำแนะนำว่า การที่ท่านนักลงทุนจะตัดสินใจว่าจะลงทุนอย่างไร ท่านนักลงทุนควรจะตอบคำถาม 6 ข้อดังนี้1. ท่านต้องการเงินเป็นจำนวนเท่าใด 2.ท่านจะต้องออมหรือลงทุนเป็นจำนวนเท่าใด 3.ระยะเวลาในการลงทุนของท่านยาวนานแค่ไหน 4.การจัดสัดส่วนการลงทุนแบบใดที่จะทำให้ท่านบรรลุวัตถุประสงค์การลงทุน 5. ท่านลงทุนเพียงพอแล้วหรือยัง 6. ขณะนี้ท่านอยู่บนเส้นทางที่จะไปถึงเป้าหมายการลงทุนของท่านหรือไม่
จำนวนเงินที่ท่านต้องการ หากท่านมีเป้าหมายการลงทุนเพื่อที่จะใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างมีความสุข ท่านควรจะคำนวณว่า ท่านต้องการใช้เงินหลังเกษียณเป็นจำนวนเท่าใด โดยท่านต้องไม่ลืมว่าค่าเงินจะถูกกัดกร่อนโดยอัตราเงินเฟ้อด้วย สมมุติว่า ปัจจุบันท่านอายุ 40 ปี และต้องการเกษียณตอนอายุ 60 ปี โดยต้องการมีเงินใช้ภายหลังเกษียณเทียบเท่ากับค่าเงินในปัจจุบัน เดือนละ 20,000 บาท สมมุติว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 5% ค่าใช้จ่ายต่อเดือนของท่าน ณ วันที่เกษียณจะอยู่ที่ 53,600 บาท และถ้าหากท่านมีอายุอยู่จนถึง 80 ปี ค่าเงินเทียบเท่ากับค่าเงิน 20,000 บาทในปัจจุบัน ณ วันที่ท่านสิ้นอายุขัยจะอยู่ที่ 134,095 บาท
ซึ่งนั่นหมายความว่าในปีที่ท่านมีอายุ 80 ปี ท่านจะต้องมีเงินสำหรับใช้จ่าย 134,095 บาทต่อเดือน จึงจะมีความสามารถในการใช้จ่ายเทียบเท่ากับ 20,000 บาทต่อเดือนในปัจจุบัน ในเวปไซต์ www.mfea.com ได้อ้างถึงบทสำรวจของ The Employee Benefit Research Institute เมื่อปี 2006 ว่า มีคนสหรัฐฯเพียง 42% เท่านั้น ที่ทำการคำนวณว่าจะต้องลงทุนเท่าไรจึงจะมีเงินพอเพื่อการเกษียณ สำหรับในประเทศไทย ผมคาดว่าคงจะมีสัดส่วนน้อยกว่านี้ เพราะบางคนคิดว่าเพียงแค่เงินที่ถูกหักเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพก็น่าจะเพียงพอสำหรับการเกษียณแล้ว ในขณะที่บางคนรู้สึกว่าเงินที่ถูกหักเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพทำให้ตนมีรายได้น้อยลง
จำนวนเงินที่ต้องออมหรือลงทุน จากตัวอย่างเรื่องจำนวนเงินที่ท่านต้องการหลังเกษียณข้างต้น สมมุติว่าท่านนักลงทุนตัดสินใจแล้วว่าต้องการมีเงินใช้เดือนละ 20,000 บาทหลังเกษียณเมื่อเทียบกับค่าเงินปัจจุบัน คำถามต่อมาก็คือท่านจะต้องออมหรือลงทุนเป็นจำนวนเท่าใดจึงจะบรรลุเป้าหมาย จำนวนเงินที่ท่านจะต้องออมขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย เช่น ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้ก่อนและหลังเกษียณ แบบแผนการออม (ออมเป็นรายเดือน หรือออมเป็นรายปี) เป็นต้น
ระยะเวลาในการลงทุน ระยะเวลาในการลงทุนของท่านจนถึงระยะเวลาที่ท่านต้องการบรรลุเป้าหมายการลงทุน จะมีส่วนสำคัญอย่างมากในการตัดสินใจเลือกประเภททรัพย์สินที่ลงทุน หากท่านนักลงทุนมีระยะเวลายาวนานในการลงทุน ท่านนักลงทุนจะสามารถรับความผันผวนในระยะสั้นได้มากกว่าผู้ที่มีระยะเวลาการลงทุนสั้น เพราะผลกระทบจากความผันผวนของการลงทุนจะมีน้อยลงจากการลงทุนในระยะยาว
จัดสัดส่วนการลงทุน ในการจัดสัดส่วนการลงทุน สิ่งที่ท่านจะต้องคำนึงถึงคือระยะเวลาในการลงทุน ความสามารถในการรับความเสี่ยง และเป้าหมายการลงทุนของท่าน ท่านนักลงทุนอาจจะมีเป้าหมายในการลงทุนหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ดังนั้นการจัดสัดส่วนการลงทุนของท่านก็อาจจะแบ่งไปตามเป้าหมายการลงทุนแต่ละประเภท เช่น หากท่านต้องการลงทุนเพื่อการเกษียณในอีก 20 ปีข้างหน้า ท่านอาจจะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีการเติบโตสูง เพราะระยะเวลาการลงทุนของท่านยังมีอีกนาน ในขณะที่หากท่านนักลงทุนกำลังจะเกษียณในอีก 2 – 3 ปีข้างหน้า ท่านนักลงทุนอาจจะต้องลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ และให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ เพราะหากท่านนักลงทุนไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง โดยมีระยะเวลาการลงทุนสั้น หากเกิดการผิดพลาด ท่านนักลงทุนอาจจะไม่เหลือเงินพอสำหรับการเกษียณ
จำนวนเงินลงทุนที่ท่านมีอยู่ในปัจจุบัน หากท่านนักลงทุนมีเงินลงทุนอยู่บ้างแล้ว ท่านนักลงทุนอาจสำรวจดูว่าการลงทุนในปัจจุบันของท่านให้ผลตอบแทนมากน้อยเพียงใด เพราะถึงแม้ว่าผลตอบแทนในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนในอนาคต แต่ก็จะเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่จะช่วยท่านในการวิเคราะห์ว่าการลงทุนของท่านมีประสิทธิภาพดีเพียงใด และท่านควรจะลงทุนเพิ่มอีกเท่าใดจึงจะบรรลุเป้าหมายการลงทุน
เส้นทางสู่เป้าหมายการลงทุน ท่านนักลงทุนควรทำการทบทวนการลงทุนและเป้าหมายการลงทุนของท่านอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อตรวจสอบดูว่าการลงทุนของท่านยังอยู่บนเส้นทางสู่เป้าหมายการลงทุนที่ท่านตั้งไว้หรือไม่ หากท่านนักลงทุนพบว่า การลงทุนของท่านยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ท่านนักลงทุนอาจจำเป็นต้องปรับสัดส่วนการลงทุน หรือเพิ่มจำนวนเงินที่ต้องลงทุนมากขึ้น
ในปัจจุบัน ทาง บลจ. อยุธยา ได้มีการจัดงานสัมมนาเกี่ยวกับการลงทุนสำหรับผู้สนใจลงทุนทั่วไปในหลายๆหัวข้อ เช่น เกษียณเร็วเกษียณรวย ลงทุนอย่างไรให้ได้ 100 ล้าน (อย่างง่ายๆ) ออมเพื่อลูก เป็นต้น โดยไม่จำเป็นต้องเป็นลูกค้าของเราและไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ สิ่งที่ทางเราคาดหวังคือ ให้ท่านนักลงทุนมีความรู้ความเข้าใจในการลงทุน และมีการวางแผนการลงทุนที่เหมาะสม ท่านนักลงทุนสามารถติดตามข่าวสารงานสัมมนาได้ทางเวปไซต์ www.ayfunds.com หรือโทรสอบถามได้ที่ 0-2657-5757 การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
โดย ดร.ฐนิตพงศ์ ชื่นภิบาล
ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมความเสี่ยง
บลจ.อยุธยา จำกัด
ผมเชื่อว่าท่านนักลงทุนทุกท่านคงคาดหวังไว้ว่า การลงทุนของท่านจะประสบความสำเร็จ และจะนำมาสู่ความมั่งมีในอนาคต หลายท่านตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างสบาย บางท่านตั้งเป้าหมายการลงทุนไว้ว่าจะลงทุนเพื่ออนาคตทางการศึกษาบุตร บางท่านตั้งเป้าหมายการลงทุนไว้ว่าจะนำเงินที่ได้ไปซื้อบ้าน เป็นต้น การที่ท่านมีเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจนจะเป็นแรงผลักดันให้ท่านนักลงทุนมีความมุ่งมั่นมากขึ้น วันนี้ผมขอนำเสนอแนวทางในการตั้งเป้าหมายการลงทุนของท่าน เพื่อที่ท่านนักลงทุนจะทราบว่าท่านควรจะมีแนวทางในการลงทุนอย่างไร
ทางเว็บไซต์ Mutual Fund Education Alliance (www.mfea.com) ได้ให้คำแนะนำว่า การที่ท่านนักลงทุนจะตัดสินใจว่าจะลงทุนอย่างไร ท่านนักลงทุนควรจะตอบคำถาม 6 ข้อดังนี้1. ท่านต้องการเงินเป็นจำนวนเท่าใด 2.ท่านจะต้องออมหรือลงทุนเป็นจำนวนเท่าใด 3.ระยะเวลาในการลงทุนของท่านยาวนานแค่ไหน 4.การจัดสัดส่วนการลงทุนแบบใดที่จะทำให้ท่านบรรลุวัตถุประสงค์การลงทุน 5. ท่านลงทุนเพียงพอแล้วหรือยัง 6. ขณะนี้ท่านอยู่บนเส้นทางที่จะไปถึงเป้าหมายการลงทุนของท่านหรือไม่
จำนวนเงินที่ท่านต้องการ หากท่านมีเป้าหมายการลงทุนเพื่อที่จะใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างมีความสุข ท่านควรจะคำนวณว่า ท่านต้องการใช้เงินหลังเกษียณเป็นจำนวนเท่าใด โดยท่านต้องไม่ลืมว่าค่าเงินจะถูกกัดกร่อนโดยอัตราเงินเฟ้อด้วย สมมุติว่า ปัจจุบันท่านอายุ 40 ปี และต้องการเกษียณตอนอายุ 60 ปี โดยต้องการมีเงินใช้ภายหลังเกษียณเทียบเท่ากับค่าเงินในปัจจุบัน เดือนละ 20,000 บาท สมมุติว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 5% ค่าใช้จ่ายต่อเดือนของท่าน ณ วันที่เกษียณจะอยู่ที่ 53,600 บาท และถ้าหากท่านมีอายุอยู่จนถึง 80 ปี ค่าเงินเทียบเท่ากับค่าเงิน 20,000 บาทในปัจจุบัน ณ วันที่ท่านสิ้นอายุขัยจะอยู่ที่ 134,095 บาท
ซึ่งนั่นหมายความว่าในปีที่ท่านมีอายุ 80 ปี ท่านจะต้องมีเงินสำหรับใช้จ่าย 134,095 บาทต่อเดือน จึงจะมีความสามารถในการใช้จ่ายเทียบเท่ากับ 20,000 บาทต่อเดือนในปัจจุบัน ในเวปไซต์ www.mfea.com ได้อ้างถึงบทสำรวจของ The Employee Benefit Research Institute เมื่อปี 2006 ว่า มีคนสหรัฐฯเพียง 42% เท่านั้น ที่ทำการคำนวณว่าจะต้องลงทุนเท่าไรจึงจะมีเงินพอเพื่อการเกษียณ สำหรับในประเทศไทย ผมคาดว่าคงจะมีสัดส่วนน้อยกว่านี้ เพราะบางคนคิดว่าเพียงแค่เงินที่ถูกหักเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพก็น่าจะเพียงพอสำหรับการเกษียณแล้ว ในขณะที่บางคนรู้สึกว่าเงินที่ถูกหักเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพทำให้ตนมีรายได้น้อยลง
จำนวนเงินที่ต้องออมหรือลงทุน จากตัวอย่างเรื่องจำนวนเงินที่ท่านต้องการหลังเกษียณข้างต้น สมมุติว่าท่านนักลงทุนตัดสินใจแล้วว่าต้องการมีเงินใช้เดือนละ 20,000 บาทหลังเกษียณเมื่อเทียบกับค่าเงินปัจจุบัน คำถามต่อมาก็คือท่านจะต้องออมหรือลงทุนเป็นจำนวนเท่าใดจึงจะบรรลุเป้าหมาย จำนวนเงินที่ท่านจะต้องออมขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย เช่น ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้ก่อนและหลังเกษียณ แบบแผนการออม (ออมเป็นรายเดือน หรือออมเป็นรายปี) เป็นต้น
ระยะเวลาในการลงทุน ระยะเวลาในการลงทุนของท่านจนถึงระยะเวลาที่ท่านต้องการบรรลุเป้าหมายการลงทุน จะมีส่วนสำคัญอย่างมากในการตัดสินใจเลือกประเภททรัพย์สินที่ลงทุน หากท่านนักลงทุนมีระยะเวลายาวนานในการลงทุน ท่านนักลงทุนจะสามารถรับความผันผวนในระยะสั้นได้มากกว่าผู้ที่มีระยะเวลาการลงทุนสั้น เพราะผลกระทบจากความผันผวนของการลงทุนจะมีน้อยลงจากการลงทุนในระยะยาว
จัดสัดส่วนการลงทุน ในการจัดสัดส่วนการลงทุน สิ่งที่ท่านจะต้องคำนึงถึงคือระยะเวลาในการลงทุน ความสามารถในการรับความเสี่ยง และเป้าหมายการลงทุนของท่าน ท่านนักลงทุนอาจจะมีเป้าหมายในการลงทุนหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ดังนั้นการจัดสัดส่วนการลงทุนของท่านก็อาจจะแบ่งไปตามเป้าหมายการลงทุนแต่ละประเภท เช่น หากท่านต้องการลงทุนเพื่อการเกษียณในอีก 20 ปีข้างหน้า ท่านอาจจะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีการเติบโตสูง เพราะระยะเวลาการลงทุนของท่านยังมีอีกนาน ในขณะที่หากท่านนักลงทุนกำลังจะเกษียณในอีก 2 – 3 ปีข้างหน้า ท่านนักลงทุนอาจจะต้องลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ และให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ เพราะหากท่านนักลงทุนไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง โดยมีระยะเวลาการลงทุนสั้น หากเกิดการผิดพลาด ท่านนักลงทุนอาจจะไม่เหลือเงินพอสำหรับการเกษียณ
จำนวนเงินลงทุนที่ท่านมีอยู่ในปัจจุบัน หากท่านนักลงทุนมีเงินลงทุนอยู่บ้างแล้ว ท่านนักลงทุนอาจสำรวจดูว่าการลงทุนในปัจจุบันของท่านให้ผลตอบแทนมากน้อยเพียงใด เพราะถึงแม้ว่าผลตอบแทนในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนในอนาคต แต่ก็จะเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่จะช่วยท่านในการวิเคราะห์ว่าการลงทุนของท่านมีประสิทธิภาพดีเพียงใด และท่านควรจะลงทุนเพิ่มอีกเท่าใดจึงจะบรรลุเป้าหมายการลงทุน
เส้นทางสู่เป้าหมายการลงทุน ท่านนักลงทุนควรทำการทบทวนการลงทุนและเป้าหมายการลงทุนของท่านอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อตรวจสอบดูว่าการลงทุนของท่านยังอยู่บนเส้นทางสู่เป้าหมายการลงทุนที่ท่านตั้งไว้หรือไม่ หากท่านนักลงทุนพบว่า การลงทุนของท่านยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ท่านนักลงทุนอาจจำเป็นต้องปรับสัดส่วนการลงทุน หรือเพิ่มจำนวนเงินที่ต้องลงทุนมากขึ้น
ในปัจจุบัน ทาง บลจ. อยุธยา ได้มีการจัดงานสัมมนาเกี่ยวกับการลงทุนสำหรับผู้สนใจลงทุนทั่วไปในหลายๆหัวข้อ เช่น เกษียณเร็วเกษียณรวย ลงทุนอย่างไรให้ได้ 100 ล้าน (อย่างง่ายๆ) ออมเพื่อลูก เป็นต้น โดยไม่จำเป็นต้องเป็นลูกค้าของเราและไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ สิ่งที่ทางเราคาดหวังคือ ให้ท่านนักลงทุนมีความรู้ความเข้าใจในการลงทุน และมีการวางแผนการลงทุนที่เหมาะสม ท่านนักลงทุนสามารถติดตามข่าวสารงานสัมมนาได้ทางเวปไซต์ www.ayfunds.com หรือโทรสอบถามได้ที่ 0-2657-5757 การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน