บลจ.นครหลวงไทย เลื่อนการเสนอขายกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา สาทร ไม่มีกำหนด ระบุห่วงความไม่แน่นอนทางการเมือง ฉุดการตัดสินใจนักลงทุน ย้ำสถานการณ์คลี่คลายเมื่อไหร่ พร้อมเสนอขายหน่วยลงทุนทันที ด้านบลจ.กสิกรไทย เดินหน้าขายกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ตามกำหนด 8-18 กันยายนนี้
นายนที ดำรงค์กิจการ ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย เปิดเผยว่า จากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนพอสมควร ดังนั้น บริษัทจึงได้เลื่อนการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก ของกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา สาทร มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาทออกไปก่อน ซึ่งบริษัทเองได้ชี้แจงให้กับนักลงทุนที่แสดงความสนใจร่วมลงทุนก่อนหน้านี้ไปแล้ว ซึ่งเขาเองก็เข้าใจดี ในขณะที่เจ้าของทรัพย์สินเอง ก็เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ บริษัทยังไม่ได้กำหนดระยะเวลาว่ากองทุนจะเสนอขายหน่วยลงทุนอีกครั้งเมื่อไหร่ อย่างไรก็ตาม หลังจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันคลี่คลายไปแล้ว บริษัทก็พร้อมที่จะเปิดขายหน่วยลงทุนอีกครั้งทันที
สำหรับกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา สาทร ซึ่งเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประเภท 1 ลงทุนในสิทธิการเช่าในส่วนของเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ของโครงการเออร์บานา สาทร ซึ่งกองทุนจะจัดหาผลประโยชน์จากการลงทุนในสัญญาเช่าห้องชุด ซึ่งประกอบไปด้วยห้องชุดพร้อมเฟอร์นิเจอร์ รวม 154 ห้อง คิดเป็นพื้นที่ให้เช่าทั้งสิ้น 15,464.60 ตร.ม. เป็นระยะเวลา 30 ปี และให้บริษัท เออร์บานา เอสเตท จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการเช่ากลับและบริหารโครงการต่อโดยให้ Fraser Serviced Residences บริษัทบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของโลก เป็นผู้ดำเนินการ
ทั้งนี้ บริษัทฯได้ออกแบบโครงสร้างรายได้ที่ทำให้สามารถรับประกันรายได้ของกองทุนขั้นต่ำเท่ากับ 8% ในปีแรก 9% ในปีที่สอง และ 10% ในปีที่สามของขนาดของกองทุน และตั้งแต่ปีที่ 4 ไม่ต่ำกว่า 6% ของขนาดของกองทุน บวกด้วยส่วนแบ่งรายได้จากการบริหารอสังหาริมทรัพย์ของผู้เช่าช่วง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจัดให้มีหลักประกันให้รายได้ของกองทุน เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ลงทุนโดยการจำนองกรรมสิทธิ์ห้องชุดที่เช่าทั้งหมดมูลหนี้จำนองเท่ากับ 1,400 ล้านบาท รวมถึงหลักทรัพย์ ที่มีสภาพคล่อง ได้แก่ ค่าเช่าล่วงหน้า 3 เดือนจำนวน 30 ล้านบาท และประกันวินาศภัยซึ่งครอบคลุมความเสี่ยงทั้งหมด (All Risk Insurance)
สำหรับโครงการเออร์บานา สาทร เป็นเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์หรู เกรด A ตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสม ริมถนนสาทรย่านธุรกิจที่สำคัญ ใกล้สถานทูต และอาคารสำนักงานชั้นนำ รวมทั้งใกล้กับโครงการขนส่งมวลชน รถไฟฟ้า-มหานคร รถไฟฟ้า BTS และทางด่วนพิเศษ โดยโครงการฯ ได้เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อกลางปี 2550 ในปัจจุบันมีอัตราเข้าพัก ประมาณ 75% และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นใกล้เคียงกับอัตราการเข้าพักของเซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์ในย่านเดียวกัน ที่ไม่ต่ำกว่า 80% ขึ้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา สาทร ที่เปิดขายหน่วยลงทุนในช่วงนี้แล้ว ยังมีกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา (CENTARA) ภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.กสิกรไทย ที่เตรียมจะเปิดขายหน่วยลงทุนด้วยเช่นกัน โดยบลจ.กสิกรไทยเองยืนยันว่า บริษัทยังคงเปิดขายหน่วยลงทุนตามกำหนดเดิมในระหว่างวันที่ 8-18 กันยายนนี้
สำหรับกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา จะลงทุนในสิทธิการเช่าระยะเวลา 30 ปี ของโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ทสมุย ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวที่ตั้งอยู่บนหาดเฉวง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื้อที่ประมาณ 25 ไร่และนับเป็นหาดที่สวยที่สุดบนเกาะสมุย โดยได้เปิดให้บริการมาแล้วกว่า 13 ปี และมีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กองทุนจะมีโครงสร้างการลงทุนจากผู้ลงทุนทั่วไปจำนวน 67-75% และอีก 25-33% เป็นผู้ลงทุนทั่วไปรวมถึงสถาบัน โดยผลตอบแทนที่ได้จะมาจาก ค่าเช่าคงที่ และค่าเช่าแปรผัน ซึ่งจะมีการจ่ายเงินปันผล 4 ครั้งต่อปี และรับประกันรายได้ค่าเช่าสะสมของกองทุนรวมไม่ต่ำกว่า 9% ต่อปี เป็นระยะเวลา 4 ปีเต็ม โดนการลงทุนในโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีช จะมีจุดเด่นจากทำเลที่ตั้ง ซึ่งมี ชายหาดยาวที่สุดบนหากเฉวงกว้างถึง 300 เมตร และยังมีผลประกอบการกว่า 13 ปีเป็นเครื่องพิสูจน์ โดยเฉพาะอัตราการเข้าพักของโรงแรมสูงถึง 75-84% ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ทั้งยังสูงกว่า 80% ในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยมีอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยในปี 2550 ประมาณ 5,818 บาทต่อห้องต่อคืน
นอกจากนี้ การท่องเที่ยวของเกาะสมุยยังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2550 เกาะสมุยทำรายได้จากท่องเที่ยวได้กว่า 14,000 ล้านบาท
นายนที ดำรงค์กิจการ ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย เปิดเผยว่า จากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนพอสมควร ดังนั้น บริษัทจึงได้เลื่อนการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก ของกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา สาทร มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาทออกไปก่อน ซึ่งบริษัทเองได้ชี้แจงให้กับนักลงทุนที่แสดงความสนใจร่วมลงทุนก่อนหน้านี้ไปแล้ว ซึ่งเขาเองก็เข้าใจดี ในขณะที่เจ้าของทรัพย์สินเอง ก็เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ บริษัทยังไม่ได้กำหนดระยะเวลาว่ากองทุนจะเสนอขายหน่วยลงทุนอีกครั้งเมื่อไหร่ อย่างไรก็ตาม หลังจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันคลี่คลายไปแล้ว บริษัทก็พร้อมที่จะเปิดขายหน่วยลงทุนอีกครั้งทันที
สำหรับกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา สาทร ซึ่งเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประเภท 1 ลงทุนในสิทธิการเช่าในส่วนของเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ของโครงการเออร์บานา สาทร ซึ่งกองทุนจะจัดหาผลประโยชน์จากการลงทุนในสัญญาเช่าห้องชุด ซึ่งประกอบไปด้วยห้องชุดพร้อมเฟอร์นิเจอร์ รวม 154 ห้อง คิดเป็นพื้นที่ให้เช่าทั้งสิ้น 15,464.60 ตร.ม. เป็นระยะเวลา 30 ปี และให้บริษัท เออร์บานา เอสเตท จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการเช่ากลับและบริหารโครงการต่อโดยให้ Fraser Serviced Residences บริษัทบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของโลก เป็นผู้ดำเนินการ
ทั้งนี้ บริษัทฯได้ออกแบบโครงสร้างรายได้ที่ทำให้สามารถรับประกันรายได้ของกองทุนขั้นต่ำเท่ากับ 8% ในปีแรก 9% ในปีที่สอง และ 10% ในปีที่สามของขนาดของกองทุน และตั้งแต่ปีที่ 4 ไม่ต่ำกว่า 6% ของขนาดของกองทุน บวกด้วยส่วนแบ่งรายได้จากการบริหารอสังหาริมทรัพย์ของผู้เช่าช่วง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจัดให้มีหลักประกันให้รายได้ของกองทุน เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ลงทุนโดยการจำนองกรรมสิทธิ์ห้องชุดที่เช่าทั้งหมดมูลหนี้จำนองเท่ากับ 1,400 ล้านบาท รวมถึงหลักทรัพย์ ที่มีสภาพคล่อง ได้แก่ ค่าเช่าล่วงหน้า 3 เดือนจำนวน 30 ล้านบาท และประกันวินาศภัยซึ่งครอบคลุมความเสี่ยงทั้งหมด (All Risk Insurance)
สำหรับโครงการเออร์บานา สาทร เป็นเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์หรู เกรด A ตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสม ริมถนนสาทรย่านธุรกิจที่สำคัญ ใกล้สถานทูต และอาคารสำนักงานชั้นนำ รวมทั้งใกล้กับโครงการขนส่งมวลชน รถไฟฟ้า-มหานคร รถไฟฟ้า BTS และทางด่วนพิเศษ โดยโครงการฯ ได้เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อกลางปี 2550 ในปัจจุบันมีอัตราเข้าพัก ประมาณ 75% และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นใกล้เคียงกับอัตราการเข้าพักของเซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์ในย่านเดียวกัน ที่ไม่ต่ำกว่า 80% ขึ้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา สาทร ที่เปิดขายหน่วยลงทุนในช่วงนี้แล้ว ยังมีกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา (CENTARA) ภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.กสิกรไทย ที่เตรียมจะเปิดขายหน่วยลงทุนด้วยเช่นกัน โดยบลจ.กสิกรไทยเองยืนยันว่า บริษัทยังคงเปิดขายหน่วยลงทุนตามกำหนดเดิมในระหว่างวันที่ 8-18 กันยายนนี้
สำหรับกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา จะลงทุนในสิทธิการเช่าระยะเวลา 30 ปี ของโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ทสมุย ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวที่ตั้งอยู่บนหาดเฉวง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื้อที่ประมาณ 25 ไร่และนับเป็นหาดที่สวยที่สุดบนเกาะสมุย โดยได้เปิดให้บริการมาแล้วกว่า 13 ปี และมีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กองทุนจะมีโครงสร้างการลงทุนจากผู้ลงทุนทั่วไปจำนวน 67-75% และอีก 25-33% เป็นผู้ลงทุนทั่วไปรวมถึงสถาบัน โดยผลตอบแทนที่ได้จะมาจาก ค่าเช่าคงที่ และค่าเช่าแปรผัน ซึ่งจะมีการจ่ายเงินปันผล 4 ครั้งต่อปี และรับประกันรายได้ค่าเช่าสะสมของกองทุนรวมไม่ต่ำกว่า 9% ต่อปี เป็นระยะเวลา 4 ปีเต็ม โดนการลงทุนในโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีช จะมีจุดเด่นจากทำเลที่ตั้ง ซึ่งมี ชายหาดยาวที่สุดบนหากเฉวงกว้างถึง 300 เมตร และยังมีผลประกอบการกว่า 13 ปีเป็นเครื่องพิสูจน์ โดยเฉพาะอัตราการเข้าพักของโรงแรมสูงถึง 75-84% ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ทั้งยังสูงกว่า 80% ในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยมีอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยในปี 2550 ประมาณ 5,818 บาทต่อห้องต่อคืน
นอกจากนี้ การท่องเที่ยวของเกาะสมุยยังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2550 เกาะสมุยทำรายได้จากท่องเที่ยวได้กว่า 14,000 ล้านบาท
