โบรกเกอร์มอง 5 กองทุนอสังหาริมทรัพย์ "CPNRF-TFUND-SPF-QHOP-QHPF" น่าสนใจลงทุนเหตุมีส่วนลดจาก NAV แถมสภาพคล่องเพียงพอ บล.กิมเอ็งให้คำแนะนำ "ซื้อลงทุน" กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย หลังประเมินศักยภาพเติบโตสูง ด้าน บล.บัวหลวงแนะ "ถือ" หุ้นของ "FUTUREPF - TFUND"
รายงานข่าวจากบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ขณะนี้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำส่วนใหญ่ยังคงมีส่วนลดจากมูลค่าสินทรัพย์สุทธิอยู่มากกว่า 11% แต่มีเพียงกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF) , กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ไทคอน (TFUND) , กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ สนามบินสมุย (SPF) , กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ ฮอสพิทอลลิตี้ (QHOP) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QHPF) ที่มีสภาพคล่องสูงพอ
ขณะที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ยูโอบี อะพาร์ทเมนท์ หนึ่ง (UOBAPF) จะปิดกองทุนที่ราคา 9 บาทต่อหุ้นและออกจากตลาดในเดือนกันยายน โดยสิ่งที่นักลงทุนควรให้ความสนใจ คือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์หลายกองไม่ได้รายงานผลการดำเนินงานแบบรายไตรมาส แต่รายงานแบบครึ่งปี ดังนั้นอัตราการเปลี่ยนแปลงของผลกำไรแบบไตรมาสต่อไตรมาส จึงมักปรากฎเป็น 0%
ด้านหน่วยของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุยนั้น บทวิเคราะห์ของบล.กิมเอ็ง ระบุว่า บริษัทให้คำแนะนำ "ซื้อลงทุน" โดยกำหนดราคาเป้าหมายที่ 11.50 บาท เนื่องมาจากในไตรมาส 2/51 กองทุนมีรายได้จากการลงทุนสุทธิใกล้เคียงกับที่คาดไว้ที่ 181 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามจำนวนผู้โดยสารและจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น แต่หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าจะลดลง 18% เพราะไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยวของสมุย ในขณะที่รายได้จากสิทธิการเช่าสนามบินสมุยเท่ากับ 205 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและมีรายได้จากดอกเบี้ยรับอีก 2.17 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมนั้นลดลง 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ในระยะยาวคาดว่าสนามบินสมุยจะมีศักยภาพในการเติบโตของจำนวนเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารสูง ภายหลังเปิดให้สายการบินไทยสามารถลงจอดได้โดยมีเที่ยวบินสัปดาห์ละ 14 เที่ยวบินในปี 2551 โดยคาดหมายว่า SPF จะมีจำนวนผู้โดยสารผ่านท่าเพิ่มขึ้น 6% และปริมาณเที่ยวบินจะเพิ่มขึ้น 9% โดยประมาณการรายได้จากเงินลงทุนสุทธิที่ 791 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากปีก่อน
ขณะเดียวกันกองทุนประกาศจ่ายเงินปันผลงวดไตรมาส 2/51 ที่ 0.2075 บาทต่อหน่วย และกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 26 สิงหาคม ซึ่งกองทุนได้จ่ายปันผลงวดไตรมาส 1 ไปแล้ว 0.2506 บาทต่อหน่วย รวมเงินปันผลจ่ายงวดครึ่งปีเป็น 0.4581 บาทต่อหน่วย ซึ่งคาดว่ากองทุนจะจ่ายเงินปันผลทั้งปีที่ 0.82 บาทต่อหน่วย โดยบล.ได้ทำการประเมินมูลค่าหุ้นด้วยวิธีคิดลดเงินปันผลได้มูลค่าเหมาะสมที่ 11.50 บาทต่อหน่วย
ส่วนบทวิเคราะห์จากบล.บัวหลวง เปิดเผยว่า บริษัทให้คำแนะนำ "ถือ" หน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ฟิวเจอร์พาร์ค (FUTUREPF) โดยกองทุนมีกำไรงวดครึ่งแรกของปี 2551 จากการลงทุนที่ 238.50 ล้านบาท คิดเป็นผลกำไร 0.5039 บาทต่อหน่วยใกล้เคียงกับประมาณการของบริษัท และมีผลกำไรจากมูลค่าการลงทุนที่ 49.68 ล้านบาท ขณะที่กองทุนได้ทำการจ่ายปันผลครึ่งแรกของปีที่ 0.501 บาทคิดเป็น DPR 99.4%
ทั้งนี้กองทุนมีรายได้สุทธิรวมในงวดครึ่งแรกของปี 2551 คิดเป็น 47.5% ของประมาณการเต็มปี , ค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ประมาณ 43.1% ของประมาณการเต็มปี และค่าใช้จ่ายด้านการตลาดคิดเป็น 26.5% ของประมาณการปี 2551 อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ฟิวเจอร์พาร์คจะมีค่าใช้จ่ายด้านการตลาดเพิ่มขึ้นในครึ่งหลังของปี โดยบล.ยังคงแนะนำ “ถือ” และคาดว่าอัตราผลตอบแทน ณ ปัจจุบันจะอยู่ที่ 9.5% โดยประมาณการว่าปีนี้ FUTUREPF จะจ่ายปันผลที่ประมาณ 1.01 บาทต่อหน่วย
ขณะที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอนนั้น บล.บัวหลวงให้คำแนะนำ "ถือ" ที่ราคาเป้าหมาย 10.80 บาทต่อหน่วย โดยกองทุนมีรายได้สุทธิรวมในช่วงครึ่งแรกของปีคิดเป็น 50% ของประมาณการทั้งปี เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยที่สูงกว่าคาด ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ประมาณ 55% ของประมาณการทั้งปี เพราะค่าธรรมเนียมในการบริหารทรัพย์สินและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงกว่าที่ประเมิน
ดังนั้นบริษัทได้ปรับสมมุติฐานค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวมในปีนี้เป็น 9.45 ล้านบาทจากเดิมที่ 5.76 ล้านบาท แต่ยังคงสมมุติฐานค่าธรรมเนียมในการบริหารทรัพย์สินไว้ในระดับเดิม อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงแนะนำ “ถือ” โดยจากการประเมินคาดว่าอัตราผลตอบแทน ณ ปัจจุบันจะอยู่ที่ 7.5% และคาดการณ์ว่า TFUND จะจ่ายปันผลทั้งปีประมาณ 0.81 บาทต่อหน่วย
อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาสตร์ส่วนมากคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับเพิ่มขึ้นในครึ่งหลังของปี แต่เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงทั่วโลกจะส่งผลให้การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยลดลง หากมีสัญญาณชัดเจนว่าจะมีการเปลี่ยนนโยบาย บริษัทอาจมีแนวโน้มปรับเพิ่มคำแนะนำสำหรับหน่วยลงทุนของ FUTUREPF และTFUND
รายงานข่าวจากบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ขณะนี้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำส่วนใหญ่ยังคงมีส่วนลดจากมูลค่าสินทรัพย์สุทธิอยู่มากกว่า 11% แต่มีเพียงกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF) , กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ไทคอน (TFUND) , กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ สนามบินสมุย (SPF) , กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ ฮอสพิทอลลิตี้ (QHOP) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QHPF) ที่มีสภาพคล่องสูงพอ
ขณะที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ยูโอบี อะพาร์ทเมนท์ หนึ่ง (UOBAPF) จะปิดกองทุนที่ราคา 9 บาทต่อหุ้นและออกจากตลาดในเดือนกันยายน โดยสิ่งที่นักลงทุนควรให้ความสนใจ คือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์หลายกองไม่ได้รายงานผลการดำเนินงานแบบรายไตรมาส แต่รายงานแบบครึ่งปี ดังนั้นอัตราการเปลี่ยนแปลงของผลกำไรแบบไตรมาสต่อไตรมาส จึงมักปรากฎเป็น 0%
ด้านหน่วยของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุยนั้น บทวิเคราะห์ของบล.กิมเอ็ง ระบุว่า บริษัทให้คำแนะนำ "ซื้อลงทุน" โดยกำหนดราคาเป้าหมายที่ 11.50 บาท เนื่องมาจากในไตรมาส 2/51 กองทุนมีรายได้จากการลงทุนสุทธิใกล้เคียงกับที่คาดไว้ที่ 181 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามจำนวนผู้โดยสารและจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น แต่หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าจะลดลง 18% เพราะไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยวของสมุย ในขณะที่รายได้จากสิทธิการเช่าสนามบินสมุยเท่ากับ 205 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและมีรายได้จากดอกเบี้ยรับอีก 2.17 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมนั้นลดลง 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ในระยะยาวคาดว่าสนามบินสมุยจะมีศักยภาพในการเติบโตของจำนวนเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารสูง ภายหลังเปิดให้สายการบินไทยสามารถลงจอดได้โดยมีเที่ยวบินสัปดาห์ละ 14 เที่ยวบินในปี 2551 โดยคาดหมายว่า SPF จะมีจำนวนผู้โดยสารผ่านท่าเพิ่มขึ้น 6% และปริมาณเที่ยวบินจะเพิ่มขึ้น 9% โดยประมาณการรายได้จากเงินลงทุนสุทธิที่ 791 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากปีก่อน
ขณะเดียวกันกองทุนประกาศจ่ายเงินปันผลงวดไตรมาส 2/51 ที่ 0.2075 บาทต่อหน่วย และกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 26 สิงหาคม ซึ่งกองทุนได้จ่ายปันผลงวดไตรมาส 1 ไปแล้ว 0.2506 บาทต่อหน่วย รวมเงินปันผลจ่ายงวดครึ่งปีเป็น 0.4581 บาทต่อหน่วย ซึ่งคาดว่ากองทุนจะจ่ายเงินปันผลทั้งปีที่ 0.82 บาทต่อหน่วย โดยบล.ได้ทำการประเมินมูลค่าหุ้นด้วยวิธีคิดลดเงินปันผลได้มูลค่าเหมาะสมที่ 11.50 บาทต่อหน่วย
ส่วนบทวิเคราะห์จากบล.บัวหลวง เปิดเผยว่า บริษัทให้คำแนะนำ "ถือ" หน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ฟิวเจอร์พาร์ค (FUTUREPF) โดยกองทุนมีกำไรงวดครึ่งแรกของปี 2551 จากการลงทุนที่ 238.50 ล้านบาท คิดเป็นผลกำไร 0.5039 บาทต่อหน่วยใกล้เคียงกับประมาณการของบริษัท และมีผลกำไรจากมูลค่าการลงทุนที่ 49.68 ล้านบาท ขณะที่กองทุนได้ทำการจ่ายปันผลครึ่งแรกของปีที่ 0.501 บาทคิดเป็น DPR 99.4%
ทั้งนี้กองทุนมีรายได้สุทธิรวมในงวดครึ่งแรกของปี 2551 คิดเป็น 47.5% ของประมาณการเต็มปี , ค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ประมาณ 43.1% ของประมาณการเต็มปี และค่าใช้จ่ายด้านการตลาดคิดเป็น 26.5% ของประมาณการปี 2551 อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ฟิวเจอร์พาร์คจะมีค่าใช้จ่ายด้านการตลาดเพิ่มขึ้นในครึ่งหลังของปี โดยบล.ยังคงแนะนำ “ถือ” และคาดว่าอัตราผลตอบแทน ณ ปัจจุบันจะอยู่ที่ 9.5% โดยประมาณการว่าปีนี้ FUTUREPF จะจ่ายปันผลที่ประมาณ 1.01 บาทต่อหน่วย
ขณะที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอนนั้น บล.บัวหลวงให้คำแนะนำ "ถือ" ที่ราคาเป้าหมาย 10.80 บาทต่อหน่วย โดยกองทุนมีรายได้สุทธิรวมในช่วงครึ่งแรกของปีคิดเป็น 50% ของประมาณการทั้งปี เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยที่สูงกว่าคาด ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ประมาณ 55% ของประมาณการทั้งปี เพราะค่าธรรมเนียมในการบริหารทรัพย์สินและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงกว่าที่ประเมิน
ดังนั้นบริษัทได้ปรับสมมุติฐานค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวมในปีนี้เป็น 9.45 ล้านบาทจากเดิมที่ 5.76 ล้านบาท แต่ยังคงสมมุติฐานค่าธรรมเนียมในการบริหารทรัพย์สินไว้ในระดับเดิม อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงแนะนำ “ถือ” โดยจากการประเมินคาดว่าอัตราผลตอบแทน ณ ปัจจุบันจะอยู่ที่ 7.5% และคาดการณ์ว่า TFUND จะจ่ายปันผลทั้งปีประมาณ 0.81 บาทต่อหน่วย
อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาสตร์ส่วนมากคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับเพิ่มขึ้นในครึ่งหลังของปี แต่เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงทั่วโลกจะส่งผลให้การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยลดลง หากมีสัญญาณชัดเจนว่าจะมีการเปลี่ยนนโยบาย บริษัทอาจมีแนวโน้มปรับเพิ่มคำแนะนำสำหรับหน่วยลงทุนของ FUTUREPF และTFUND