บลจ.พรีมาเวสท์ ปลื้มกองมันนี่มาร์เก็ตโตเท่าตัว 7 เดือนกวาดเงินเข้าพอร์ตรวม 3,000 ล้านบาท ลั่นสิ้นปีขยายตัวแตะ 10,000 ล้านบาทจากการขยายบริการใช้ T+1 กับลูกค้าที่มีบัญชีแบงก์อื่นนอกจากแบงก์กรุงศรีฯ ขณะเดียวกันเตรียมเสริมการอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนอีกเพียบ ทั้งระบบอินเตอร์เน็ต และสมุดบัญชีแสดงหน่วยลงทุน
นายเพิ่มพล ประเสริฐล้ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) พรีมาเวสท์ จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา “กองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ มันนี่(KPM)” ของบริษัทได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากกองทุนนี้มีความมั่นคงและสภาพคล่องสูง โดยมีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ของสถาบันการเงินระยะสั้น ทำให้นักลงทุนสามารถขายคืนได้ทุกวัน
ทั้งนี้ ล่าสุดสินทรัพย์สุทธิ หรือ เอ็นเอวี ของกองทุนดังกล่าวมีขนาดเพิ่มขึ้นถึง 7,000 ล้านบาท จากเดิมที่มีอยู่ 4,000 ล้านบาท จากในช่วงสิ้นปี 2550 ซึ่งถือว่าเอ็นเอวีเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว โดยมีจำนวนบัญชีผู้ถือหน่วยในกองทุน KPM เพิ่มขึ้น 40,000 ราย จาก 25,000 ในช่วงสิ้นปี 2550 หรือเพิ่มขึ้น ขึ้นประมาณ 60%
“ส่วนหนึ่งที่กองทุนนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีเป็นเพราะผลการดำเนินงาน ซึ่งผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึงประมาณ 2.7-2.8% นอกจากนี้ลูกค้าที่มีบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยาเมื่อสั่งขายหน่วยลงทุนของกองทุน KPM ก่อน 13.00 น. จะสามารถเบิกเงินได้ตั้งแต่ 06.00 น. ของวันทำการถัดไปเลย ซึ่งถือว่าเร็วมาก ในขณะที่ บลจ.อื่นที่ลูกค้าจะได้รับเงินในช่วงบ่าย นี่ถือเป็นจุดแข็งของเรา”นายเพิ่มพลกล่าว
นายเพิ่มพล กล่าวอีกว่า ภายในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายสินทรัพย์รวมของกองทุน KPM ให้มีขนาดเพิ่มขึ้นถึง 10,000 ล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับทางธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เพื่ออำนวยความสะดวกในการรับเงินของลูกค้าที่มีบัญชีธนาคารอื่น สามารถได้รับเงินเร็วเช่นเดียวกันกับลูกค้าที่มีบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทั้งนี้ การที่เราสามารถเร็วกว่าที่อื่นได้เพราะเราทำรายการกันในเย็นของวันที่ลูกค้าส่งคำสั่งขายเลยเรียกว่าต้องอยู่กันจนดึกทุกวัน เพื่อประโยชน์ของลูกค้า
"หลังจากที่พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝากมีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบ คาดว่ากองทุนที่จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้นจะเป็นกองทุนคุ้มครองเงินต้น และกองทุนมันนี่มาร์เก็ต โดยบริษัทได้เตรียมเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้ามากขึ้นในการซื้อหรือขายหน่วยลงทุน"
ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทยังอยู่ในระหว่างนำระบบการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตเข้ามาเป็นส่วนหนี่งในการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า และนอกจากนี้สำหรับลูกค้าที่เป็นฐานลูกค้าเงินฝาก ซึ่งรับความเสี่ยงได้ต่ำ และยังคงชื่นชอบกับการทำธุรกรรมตามเคาท์เตอร์ธนาคารมากกว่า บริษัทเองยังได้เตรียมที่จะนำเอาสมุดบัญชีผู้ถือหน่วยลงทุนมาใช้กับกองทุนภายใต้การบริหารของบริษัทด้วยเช่นกัน
“ตอนนี้เรามีการให้บริการซื้อขายผ่าน เอทีเอ็มกับของธนาคารกรุงศรีอยู่แล้ว โดยการพัฒนาระบบอินเตอร์เน็ตมา ช่วงแรกลูกค้าคงจะไม่ใช้เท่าไร เพราะเป็นลูกค้าแบงก์ซึ่งชอบเข้าไปซื้อผ่านเคาท์เตอร์มากกว่า”นายเพิ่มพลกล่าว
สำหรับกองทุนที่บริษัทจะจัดทำสมุดบัญชีให้กับลูกค้าจะมีด้วยกันทั้งหมด 9 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ มันนี่ (KPM) , กองทุนเปิดพรีมาเวสท์เฟล็กซิเบิ้ลฟันด์(PFL) , กองทุนเปิดพรีมาเวสท์-อลิอันซ์ จีไอ โอเรียลทัล อินคัม ฟันด์(POF) , กองทุนเปิดพรีมาเวสท์-อลิอันซ์ จีไอ โกลบอล ไฮ เพย์เอ้าท์ ฟันด์(PGP) , รวมทั้งกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF) 3 กองทุน และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) อีก 2 กองทุน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการมีสมุดบัญชีกองทุนด้วย โดยค่าใช้จ่ายบริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งคาดว่าในเดือนตุลาคม 2551 น่าจะนำออกมาใช้ได้
นายเพิ่มพล กล่าวอีกว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างเตรียมการเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถนำเงินเข้ามาพักในกองทุนมันนี่มาร์เก็ตของบริษัท เพื่อรอรับผลตอบแทนเพิ่มเติมมากกว่าจะนำไปไว้ในบัญชีออมทรัยพ์ธรรมดา โดยคาดว่าจะมีบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นเซลลิงก์เอเยนท์ให้ความร่วมมือในการทำโครงการดังกล่าว และกำลังอยู่ระหว่างการเจรจา
ส่วนการขยายฐานลูกค้านั้น บริษัทยังได้เตรียมการเพิ่มจำนวนที่ปรึกษาทางการลงทุน(IP)เพิ่มอีกจากปัจจุบันมีอยู่ 2 คน และยังมีนโยบายที่จะจับมือกับบริษัทอลิอันซ์ เพื่อดึงเอาพนักงานขายประกันมาช่วยขายกองทุนให้กับทางบริษัทด้วย โดยเชื่อว่าน่าจะมีความเป็นไปได้ในอนาคต แต่ยังติดที่พนักงานขายประกันไม่มีใบอนุญาตตามที่ คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัยพ์ (ก.ล.ต.) กำหนดไว้ จึงต้องรอให้มีผู้สอบผ่านก่อนจึงจะทำได้