xs
xsm
sm
md
lg

การกลับมาของหุ้นจีน! สัญญาณสำหรับการช้อนซื้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธีรินทร์ สุวรรณเตมีย์ หัวหน้าการตลาดธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บลจ. ทิสโก้


หลังจากการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จนขาช้อนแทบจะช้อนหักไปตามๆกัน หุ้นจีนก็ส่งสัญญาณบวกออกมาให้เห็นอีกครั้ง นักลงทุนหลายท่านที่กำลังจะถอดใจในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ก็ใจชื้นขึ้นที่ได้เห็นนักวิเคราะห์จากหลายสำนัก เรียงแถวกันออกมาแนะนำให้ ”ซื้อกลับ” หุ้นจีนอีกครั้ง เหตุผลที่ทำให้นักวิเคราะห์เหล่านั้นมองว่าจีนจึงมีความน่าสนใจ น่าจะมาจากปัจจัยหลักๆ ดังนี้

1. ปัจจัยพื้นฐานที่ดี แม้ตลาดโลกจะดูซึมๆไปบ้าง จากผลกระทบเรื่อง Sub-prime แต่ GDP Growth ของจีนก็ยังสามารถยืนอยู่ที่ระดับ 10% ได้อย่างไม่ยากเย็น อย่างที่เคยเรียนไปแล้วว่าจำนวนประชากรมากมายของจีนที่ต่างมีฐานรายได้เพิ่มสูงขึ้นกว่าแต่ก่อนนั้นเป็นแรงขันเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ความต้องการบริโภคภายในประเทศ (Domestic Demand) ของจีนยืนอยู่ในระดับสูง แค่กินใช้กันเองก็อยู่ได้ ไม่ต้องพึ่งการส่งออกเสียทั้งหมด การส่งออกของจีนนั้นต่ำกว่า10% ของ GDP ดังนั้นแม้ตัวเลขการส่งออกไปยังประเทศยักษ์ใหญ่ที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจจะลดลงบ้าง แต่ก็ไม่กระทบต่อ GDP Growth ของจีนสักเท่าไหร่ นอกจากนั้นที่ผ่านมาแม้เงินระดับเงินเฟ้อที่สูงขึ้นทำให้หุ้นจีนถูกฝรั่งเทขายเหมือนกับหุ้นอื่นๆในภูมิภาคเอเชีย แต่วันร้ายๆก็น่าจะจบลงเสียที เพราะภาวะเงินเฟ้อในจีนได้แตะจุดสูงสุดไปแล้ว ตัวเลขเงินเฟ้อในไตรมาสที่ 3 และคาดการณ์เงินเฟ้อในอีก 2-3 ไตรมาสข้างหน้าได้ปรับตัวลดลง ในขณะที่ราคาน้ำมันที่เริ่มลดลงก็จะเป็นอีกหนึ่งแรงเสริมให้ภาวะเงินเฟ้อผ่อนคลายได้รวดเร็วขึ้นด้วย

2.การประเมินมูลค่า (Valuation) หากดูเพียงผิวเผินเราอาจเห็นว่าดัชนีหุ้นจีนที่ปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้วทำให้ความน่าสนใจของหุ้นจีนลดลง แต่หากจะมองลึกลงไปมันกลับทำให้หุ้นจีนน่าสนใจขึ้นอีก เพราะยิ่งทำให้เราสามารถเป็นเจ้าของดัชนีที่มีปัจจัยพื้นฐานดีเป็นอันดับต้นๆของโลกที่ P/E เพียง 11 เท่า เมื่อเทียบกับค่า P/E ปกติที่เรามักจะซื้อขายกันที่ 10-20 เท่า ก็เรียกได้ว่า P/E 11 เท่าของตลาดจีนวันนี้ถูกเป็นประวัติการณ์ทีเดียว แถมยังพ่วงมากับคาดการณ์ EPS Growth ในปี 2552 ที่ 20% ก็หมายความว่าโอกาสการทำกำไรที่ระดับ 20 เปอร์เซ็นต์ นั้นมีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ถูกขนาดนี้คงหาคู่แข่งยาก!

3. การไหลเข้าออกของเงินหรือที่เราเรียกกันติดปากว่า Fund Flow เป็นปัจจัยสุดท้ายที่เป็นผลต่อเนื่องมาจากสองปัจจัยข้างต้น เหตุที่ดัชนีหุ้นจีนลดต่ำลงมากใน 2 ไตรมาสแรกของปีนี้ก็เพราะนักลงทุนมองว่าภาวะเงินเฟ้อในจีนเป็นปัจจัยลบ ประกอบกับหุ้นกลุ่มการเงิน และอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกาก็ถูกจนเกินห้ามใจ ทำให้เงินไหลออกจากจีนและเอเชียไปที่สหรัฐอเมริกา แต่วันนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไป ปัญหาในสหรัฐอเมริกาดูจะยืดเยื้อออกไปอีกในขณะที่ปัจจัยพื้นฐานของจีนและเอเชียก็ยังดีอยู่เหมือนเดิม ราคาก็ถูกแสนถูก แถมปัญหาเงินเฟ้อก็กำลังคลี่คลายไปในทางที่ดี - เชื่อกันว่าเรื่องเงินเฟ้อของเอเชียน่าจะจบในไตรมาสที่ 3 นี้ ส่วนของจีนนั้นจบแล้ว ดังนั้นเงินก็ต้องไหลกลับเข้ามาที่จีนและเอเชียอีกครั้ง

แม้ตลาดหุ้นจีนจะมีความน่าสนใจสูงจากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นตลาดที่มีความผันผวนสูง ดังนั้นผู้ลงทุนที่ใจไม่แข็ง เห็นดัชนีย่อลงมาแล้วเกิดอาการกินไม่ได้นอนไม่หลับ ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่ายังไม่ได้จะใช้เงินตอนนี้และการลงทุนระยะยาวย่อมให้โอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่า ก็อาจหันมาเลือกลงทุนในตราสารประเภทอื่นที่ปิดความเสี่ยงในด้านขาลง เช่น ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ให้ผลตอบแทนอ้างอิงกับดัชนีหุ้นจีน โดยจ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์ตามตัวเลขดัชนีที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่ไม่นำผลขาดทุนยามดัชนีติดลบมารวมคำนวณ แบบนี้ดัชนีขึ้นเมื่อใดก็ได้กำไรไปกับเขาด้วย แต่พอดัชนีปรับลงกลับไม่ต้องมีส่วนร่วมในการขาดทุน เรียกว่าขอร่วมแต่สุขยามทุกข์ตัวใครตัวมัน ก็น่าจะแก้ปัญหานอนไม่หลับได้ค่ะ
กำลังโหลดความคิดเห็น