ผู้บริหาร บลจ.ยังเชื่อมั่นพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่อง รับอานิสงส์นักลงทุนหาทางเลือกการลงทุนใหม่ๆ หนีหุ้น - บอนด์ที่ผันผวน ชี้เงินเฟ้อพุ่ง ทำให้ลูกค้าต้องการผลตอบแทนเพิ่มขึ้น กดดันกองทุนอสังหาฯ ต้องหาของดีมูลค่าถูก ปั๊มยิลด์สูงล่อใจนักลงทุนไทย-เทศ
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด กล่าวถึงอุตสาหกรรมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องมาจากภาวะความผันผวนของการลงทุนสายหลักในปัจจุบัน ทำให้นักลงทุนต้องพิจารณาทางเลือกการลงทุนใหม่ๆ ซึ่งการลงทุนผ่านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์น่าจะเป็นอีกทางเลือกการลงทุนที่ได้รับความสนใจ
"ความผันผวนที่เกิดขึ้นจากอัตราเงินเฟ้อ ส่งผลกระทบถึงตลาดทุนและตลาดตราสารหนี้ ทำให้นักลงทุนสนใจการลงทุนผ่านการลงทุนทางเลือกมากยิ่งขึ้น ซึ่งการลงทุนผ่านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีคุณภาพและมีศักยภาพที่ดีนับเป็นทางเลือกในการลงทุนที่ดีเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามคงจะต้องขึ้นทำเลของสินทรัพย์ที่กองทุนอสังหาริมทรัพย์นั้นลงทุน และผลตอบแทนของกองทุนนั้นๆต้องสอดคล้องกับภาวะของตลาดและมีความเหมาะสมกับสภาพในปัจจุบันด้วย"นายสมจินต์ กล่าว
อย่างไรก็ตามปัจจุบันจากภาวะความผันผวนของการลงทุนทั่วโลก ทำให้การจำหน่ายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ใหม่ เป็นเรื่องที่มีความท้าทาย โดยเฉพาะกองทุนขนาดใหญ่ที่จำเป็นต้องระดมทุนทั้งจากนักลงทุนภายในและภายนอกประเทศ
นอกจากนี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังส่งสัญญาณชัดเจนว่า ถ้าอัตราเงินเฟ้อยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจะมีการควบคุมดูแลต่อไป แม้ว่าจะเพิ่งมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25 บาท เมื่อการประชุมครั้งล่าสุด โดยจากปัจจัยดังกล่าวกดดันกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจัดเป็นทางเลือกการลงทุนในตราสารที่ให้ผลตอบแทนแน่นอนเช่นเดียวกันการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ให้ต้องพยายามหาผลตอบแทนในระดับที่เท่าเทียม เพื่อให้สามารถแข่งขันได้
"สำหรับบลจ.วรรณนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังยังมีแผนที่จะออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม โดยคาดว่าภายในปีนี้น่าจะมีการออกเพิ่มอีกประมาณ 1 - 2 กองทุน ในช่วงไตรมาส 4 "นายสมจินต์ กล่าว
ด้านนายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปัจจุบันหลังจากที่การลงทุนทั่วโลกประสบปัญหาจากหลายปัจจัยที่เกิดขึ้น อาจจะส่งผลทำให้นักลงทุนต่างชาติบางส่วนชะลอการลงทุนออกไปก่อน แต่มีบางส่วนที่ยังคงสนใจการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์อยู่เช่นเดียวกัน
"ตอนนี้ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเติบโตของกองทุนอสังหาฯมากที่สุด คงจะเป็นบรรยากาศการลงทุนที่แย่ลง แต่บางส่วนอาจจะเกิดมาจากบริษัทจัดการตั้งกองทุนล่าช้าเหมือนกัน และตอนนี้หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและอัตราดอกเบี้ยเกิดการปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลทำให้นักทุนต้องการผลตอบแทนในระดับที่สูงขึ้น ทำให้กองทุนจำเป็นต้องหาวิธีที่จะสร้างผลตอบแทนในระดับที่สูงขึ้น ด้วยการซื้อสินทรัพย์ที่จะลงทุนในราคาที่ต่ำลง " นายมาริษ กล่าว
สำหรับแผนการออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของบลจ.ไอเอ็นจี นายมาริษ กล่าวว่า สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่มีนโยบายลงทุนในโรงแรมนั้น ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการจัดตั้ง ซึ่งเชื่อมั่นว่าจากภาวะความผันผวนทางเศรษฐกิจทั่วโลกในปัจจุบันจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุน เนื่องมาจากมีทั้งผู้ลงทุนที่อยากลงทุนและไม่อยากลงทุน
ด้านกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มีนโยบายลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยส่วนตัวอยากจะเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนภายในปีนี้ แต่ยังไม่แน่ใจนัก ส่วนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มีนโยบายลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแกรบ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาในรายละเอียดเพิ่มเติม แต่คาดว่าไม่น่าจะสามารถออกขายหน่วยลงทุนได้ภายในปีนี้
ก่อนหน้านี้ นายพนุกร จันทรประภาพ ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การบริหารพอร์ตการลงทุนในช่วงนี้ นักลงทุนต้องวางแผนการลงทุนให้ดี เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกยังมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่กดดัน เช่น เงินเฟ้อสูง ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะปรับขึ้นไปพีคสุด 10%ในเดือนสิงหาคมนี้ จากเดือนมิถุนายนอยู่ที่ 8.9%
ทั้งนี้นักลงทุนควรกระจายพอร์ตการลงทุนให้ครบทุกสินทรัพย์ โดยเฉพาะสินทรัพย์ที่มีโอกาสจะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ เช่น อสังหาริมทรัพย์ และทองคำ พร้อมทั้งปรับลดสัดส่วนพอร์ตหุ้นลง แม้จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินเฟ้อ แต่ตลาดหุ้นทั่วโลกที่ยังผันผวนสูง อาจทำให้การลงทุนมีความเสี่ยงมากขึ้น
โดยการจัดอันดับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของ LIPPER ระบุว่า กองทุนรวมอสังหาที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2551 ใน 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา ของบลจ.นครหลวงไทย อยู่ที่ระดับ 12.73%ต่อปี อันดับ 2.กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน ของบลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) อยู่ที่ระดับ 6.92%ต่อปี(ปัจจุบันได้โอนย้ายไปอยู่บล.บัวหลวง) อันดับ 3.กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยอินตัสเตรียล1 ของบลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) อยู่ที่ระดับ 6.18%ต่อปี
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด กล่าวถึงอุตสาหกรรมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องมาจากภาวะความผันผวนของการลงทุนสายหลักในปัจจุบัน ทำให้นักลงทุนต้องพิจารณาทางเลือกการลงทุนใหม่ๆ ซึ่งการลงทุนผ่านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์น่าจะเป็นอีกทางเลือกการลงทุนที่ได้รับความสนใจ
"ความผันผวนที่เกิดขึ้นจากอัตราเงินเฟ้อ ส่งผลกระทบถึงตลาดทุนและตลาดตราสารหนี้ ทำให้นักลงทุนสนใจการลงทุนผ่านการลงทุนทางเลือกมากยิ่งขึ้น ซึ่งการลงทุนผ่านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีคุณภาพและมีศักยภาพที่ดีนับเป็นทางเลือกในการลงทุนที่ดีเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามคงจะต้องขึ้นทำเลของสินทรัพย์ที่กองทุนอสังหาริมทรัพย์นั้นลงทุน และผลตอบแทนของกองทุนนั้นๆต้องสอดคล้องกับภาวะของตลาดและมีความเหมาะสมกับสภาพในปัจจุบันด้วย"นายสมจินต์ กล่าว
อย่างไรก็ตามปัจจุบันจากภาวะความผันผวนของการลงทุนทั่วโลก ทำให้การจำหน่ายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ใหม่ เป็นเรื่องที่มีความท้าทาย โดยเฉพาะกองทุนขนาดใหญ่ที่จำเป็นต้องระดมทุนทั้งจากนักลงทุนภายในและภายนอกประเทศ
นอกจากนี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังส่งสัญญาณชัดเจนว่า ถ้าอัตราเงินเฟ้อยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจะมีการควบคุมดูแลต่อไป แม้ว่าจะเพิ่งมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25 บาท เมื่อการประชุมครั้งล่าสุด โดยจากปัจจัยดังกล่าวกดดันกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจัดเป็นทางเลือกการลงทุนในตราสารที่ให้ผลตอบแทนแน่นอนเช่นเดียวกันการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ให้ต้องพยายามหาผลตอบแทนในระดับที่เท่าเทียม เพื่อให้สามารถแข่งขันได้
"สำหรับบลจ.วรรณนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังยังมีแผนที่จะออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม โดยคาดว่าภายในปีนี้น่าจะมีการออกเพิ่มอีกประมาณ 1 - 2 กองทุน ในช่วงไตรมาส 4 "นายสมจินต์ กล่าว
ด้านนายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปัจจุบันหลังจากที่การลงทุนทั่วโลกประสบปัญหาจากหลายปัจจัยที่เกิดขึ้น อาจจะส่งผลทำให้นักลงทุนต่างชาติบางส่วนชะลอการลงทุนออกไปก่อน แต่มีบางส่วนที่ยังคงสนใจการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์อยู่เช่นเดียวกัน
"ตอนนี้ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเติบโตของกองทุนอสังหาฯมากที่สุด คงจะเป็นบรรยากาศการลงทุนที่แย่ลง แต่บางส่วนอาจจะเกิดมาจากบริษัทจัดการตั้งกองทุนล่าช้าเหมือนกัน และตอนนี้หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและอัตราดอกเบี้ยเกิดการปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลทำให้นักทุนต้องการผลตอบแทนในระดับที่สูงขึ้น ทำให้กองทุนจำเป็นต้องหาวิธีที่จะสร้างผลตอบแทนในระดับที่สูงขึ้น ด้วยการซื้อสินทรัพย์ที่จะลงทุนในราคาที่ต่ำลง " นายมาริษ กล่าว
สำหรับแผนการออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของบลจ.ไอเอ็นจี นายมาริษ กล่าวว่า สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่มีนโยบายลงทุนในโรงแรมนั้น ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการจัดตั้ง ซึ่งเชื่อมั่นว่าจากภาวะความผันผวนทางเศรษฐกิจทั่วโลกในปัจจุบันจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุน เนื่องมาจากมีทั้งผู้ลงทุนที่อยากลงทุนและไม่อยากลงทุน
ด้านกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มีนโยบายลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยส่วนตัวอยากจะเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนภายในปีนี้ แต่ยังไม่แน่ใจนัก ส่วนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มีนโยบายลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแกรบ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาในรายละเอียดเพิ่มเติม แต่คาดว่าไม่น่าจะสามารถออกขายหน่วยลงทุนได้ภายในปีนี้
ก่อนหน้านี้ นายพนุกร จันทรประภาพ ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การบริหารพอร์ตการลงทุนในช่วงนี้ นักลงทุนต้องวางแผนการลงทุนให้ดี เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกยังมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่กดดัน เช่น เงินเฟ้อสูง ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะปรับขึ้นไปพีคสุด 10%ในเดือนสิงหาคมนี้ จากเดือนมิถุนายนอยู่ที่ 8.9%
ทั้งนี้นักลงทุนควรกระจายพอร์ตการลงทุนให้ครบทุกสินทรัพย์ โดยเฉพาะสินทรัพย์ที่มีโอกาสจะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ เช่น อสังหาริมทรัพย์ และทองคำ พร้อมทั้งปรับลดสัดส่วนพอร์ตหุ้นลง แม้จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินเฟ้อ แต่ตลาดหุ้นทั่วโลกที่ยังผันผวนสูง อาจทำให้การลงทุนมีความเสี่ยงมากขึ้น
โดยการจัดอันดับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของ LIPPER ระบุว่า กองทุนรวมอสังหาที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2551 ใน 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา ของบลจ.นครหลวงไทย อยู่ที่ระดับ 12.73%ต่อปี อันดับ 2.กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน ของบลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) อยู่ที่ระดับ 6.92%ต่อปี(ปัจจุบันได้โอนย้ายไปอยู่บล.บัวหลวง) อันดับ 3.กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยอินตัสเตรียล1 ของบลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) อยู่ที่ระดับ 6.18%ต่อปี