xs
xsm
sm
md
lg

‘วรรณ’เปิดขายกอง1MM4รอบ12 รองรับแนวโน้มดบ.ขาขึ้นดันยิลด์โต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“บลจ.วรรณ”เปิดซื้อขาย “กองทุนเปิดวรรณ เอ็มเอ็ม4”รอบที่ 12 ชูจุดเด่นความมั่นคงจากตราสารหนี้ภาครัฐ และแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นช่วยกระตุ้นลงทุนรอรับยิลด์ขยายตัว ล่าสุดมูลค่าเม็ดเงินลงทุนมีมากกว่า 200 ล้านบาท แถมผลตอบแทนย้อนหลังชนะเกณฑ์เบนช์มาร์ก

รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม(บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษํทได้เปิดเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดวรรณ เอ็มเอ็ม4 (1 A.M. MM FUND 4 : 1MM4) ซึ่งเป็นการเสนอขายครั้งที่ 12 ตั้งแต่วันนี้ถึง 11 กรกฎาคม 2551 โดยจุดเด่นของกองทุนดังกล่าวอยู่ที่ ผู้ลงทุนสามารถมั่นใจได้ในความมั่นคง เพราะกองทุน1MM4 จะลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเงินฝาก ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ และสามารถคาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก โดยเปิดรับซื้อขายหน่วยลงทุนทุกๆ 3 เดือน ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท

สำหรับ นโยบายการลงทุน กองทุนเปิด 1MM4 จะเน้นลงทุนในตั๋วเงินคลังพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน และเงินฝากตลอดจนเครื่องมือทางการเงินต่าง ๆ ที่ได้กำหนดไว้ในโครงการ ซึ่งมีกำหนดชำระคืนเมื่อทวงถามหรือจะครบกำหนดชำระคืนไม่เกิน 1 ปีนับแต่วันที่ลงทุน

โดยกองทุนจะไม่ลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทหุ้นทุน หน่วยลงทุนของกองทุนตราสารทุนหรือกองทุนรวมผสม ตลอดจนใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น หรือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารทุนหรือกองทุรวมผสม รวมถึงตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร(Structured Note) และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า(Derivative)โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการระดมเงินออมจากสถาบันและประชาชนทั่วไป เพื่อไปลงทุนในตราสารแห่งหนี้ที่มีความมั่นคงเป็นหลัก เพื่อที่จะให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่มั่นคงในรูปของมูลค่าเพิ่มจากการลงทุน
นายสมจินต์ ศรไพศาล
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บลจ.วรรณ กล่าวว่า การเปิดซื้อขายหน่วยลงทุนครั้งเป็นการเปิดซื้อขายตามปกติที่จะเปิดซื้อขายเมื่อครบรอบในทุก 3 เดือน โดยขณะนี้กองทุนรวม1MM4 มีมูลทรัพย์สินประมาณ 200 กว่าล้านบาท ซึ่งหากรวมมูลค่าทรัพย์สินกองทุนซีรีส์ 1MM 1-4 จะอยู่ที่ประมาณกว่า 500 ล้านบาท

ล่าสุด ข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ค. 2551 กองทุน 1MM4 ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนที่ 2.82% ย้อนหลัง 6 เดือน 2.83% ย้อนหลัง1ปี 2.89% นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน 3.67% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานเบนซ์มาร์ก (อัตราดอกเบี้ยงเงินฝากประจำ 3 เดือน เฉลี่ยจาก 3 ธนาคาร ได้แก่ ธ.กรุงเทพ ธ.กสิกรไทย และ ธ.ไทยพาณิชย์) 3เดือนที่ 2.08% 6เดือน 2.08% และ 1ปี ในอัตรา 2.11%

อย่างไรก็ตาม ในส่วนภาพรวมธุรกิจ บริษัทจะเน้นไปทางภาพรวมใหญ่มากกว่า ซึ่งหมายถึงการออกโปรดักต์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในช่วงนั้นๆ เพราะบางขณะที่ลูกค้าต้องการลงทุนในระยะสั้น และต้องการถือเงินสดไว้ โดยการลงทุนผ่านกองทุนเปิดวรรณเดลี่ (1AM-DAILY) ถือว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนประเภทนี้

ขณะเดียวกัน สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนแบบล็อกเวลา กองทุนเปิดวรรณเอ็มเอ็ม 1-4 ก็จะเหมาะกับการลงทุนในแบบช่วงเวลาดังกล่าว ส่วนการโฆษณาประชาสัมพันธ์กองทุนดังกล่าวนั้น บริษัทได้ดำเนินการผ่านเว็บไซต์ของบริษัท รวมทั้งการลงโฆษณาผ่านสื่อหนังสือ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี อีกทั้งการโฆษณาแบบปากต่อปาก ก็ช่วยสร้างความสนใจให้แก่กองทุนเช่นกัน รวมถึงลูกค้าเก่าของบริษัท ซึ่งปกติจะมีลูกค้ากลุ่มนี้จำนวนหนึ่งที่ให้ความสนใจลงทุนผ่านกองทุนต่างๆของบริษัทเป็นประจำ

กรรมการผู้จัดการ บลจ.วรรณ กล่าวถึงแนวโน้มการเติบโตของผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรตราสารหนี้ภาครัฐบาลว่า กองทุนของบริษัทซีรีส์ 1MM นี้ เหมาะกับการลงทุนในช่วงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยในระยะสั้น เพราะจะสามารถให้ผลตอบแทนได้ในระดับดี

ขณะเดียวกัน ข้อมูลจาก บลจ.วรรณ ได้ระบุถึงภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย (30มิ.ย. –4ก.ค. 2551) ว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีปริมาณซื้อขายตราสารหนี้เฉลี่ยต่อวันเท่ากับ 240,020.02 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 32.26%โดยปริมาณซื้อขายสามารถแบ่งออกเป็นสัดส่วนการทำธุรกรรม Outright 41.38%ส่วนธุรกรรม Financing และธุรกรรมอื่นๆคิดเป็น 58.62%ซึ่ง ณ วันที่ 4 ก.ค. 2551 Total Return Index (All Government Bond Index)ปิดที่ 162.44 เพิ่มขึ้น 0.93% ส่วน Corporate Bond Index (Investment Grade) ปิดที่ 142.68 เพิ่มขึ้น 0.15%

ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ (7-11ก.ค.) บลจ.วรรณ คาดว่าผลตอบแทนของพันธบัตรระยะสั้น มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่อัตราผลตอบแทนระยะกลางถึงระยะยาว คาดว่ามีการเคลื่อนไหวค่อนข้างผันผวน โดยอาจมีการปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามมีปัจจัยที่มีผลต่ออัตราผลตอบแทนระยะกลาง – ระยะยาว คือการคาดการณ์ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันที่ 16 ก.ค.นี้ ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในอัตรา 0.25% หรือ 0.50% ขณะที่มีบางความเห็นไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อในครั้งนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น