“อ้าวพี่หนุ่ม...ทำไมทำหน้าเซ็งแบบนั้นละครับ” ต้นกล้าทักทายพี่หนุ่ม ขณะที่กำลังเดินเข้าในห้องทำงานของเขา
“เฮ้อ....” พี่หนุ่มถอนหายใจ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งแผ่หลังลงบนโซฟา “ก็ตลาดหุ้นนะซิ วันนี้แดงทั้งกระดานอีกแล้ว ไม่รู้แดงติดๆ กันมากี่วันแล้ว เฮ้อ...แบบนี้กองทุนหุ้นที่ซื้อไว้มีหวังขาดทุนบานแน่เลย”
“คงไม่ถึงขนาดนั้นมั้งครับ ผมว่าผู้จัดการกองทุนเองเขาคงไม่อยู่เฉย ยังไงน่าจะปรับพอร์ตรับมือไปตั้งแต่ช่วงที่ตกช่วงแรกๆ ไปแล้วละพี่ ดีไม่ดี อาจจะขาดทุนน้อยกว่าดัชนีก็ได้นะครับ” ต้นกล้าพูดปลอบใจ
“ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะนะ...ว่าแต่ต้นเองก็มีกองทุนหุ้นอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่เห็นกังวลอะไรเลยละ”
“การลงทุนมันมีความเสี่ยงอยู่แล้วครับพี่ ถ้าเรารับความเสี่ยงได้ก็ไม่มีปัญหา แล้วอีกอย่างผมว่าช่วงที่ตลาดหุ้นตกแบบนี้ น่าจะเป็นโอกาสดีมากกว่านะครับ” ต้นกล้าเปิดประเด็น
“โอกาสยังไงเหรอ” พี่หนุ่มยังมองไม่เห็นโอกาสอะไรเลย
“ก็โอกาสในการซื้อของถูกไงครับพี่”
“ซื้อของถูกเหรอ” พี่หนุ่มขยับตัวขึ้นมานั่งฟังอย่างตั้งใจ...ตอนนี้หมดเวลาทำการแล้ว ทั้งสองคนจึงคุยกันได้โดยไม่ต้องห่วงอะไร
“ใช่ครับ...โอกาสในการซื้อของถูก ตอนที่พี่ซื้อครั้งแรกจำได้ไหมครับว่า ดัชนีอยู่ที่เท่าไหร่”
“จำได้ซิ...พี่ซื้อตอนต้นปี ตอนนั้นดัชนีหุ้นอยู่ที่ 870 กว่าๆ”
“แล้วตอนนี้ละครับ” ต้นกล้าพยายามชี้ให้เห็นภาพ
“ตอนนี้ 750 กว่าๆ...ใช่ซินะ มันลงมาตั้ง 100 กว่าจุดเลยนี่น่า”
“ถูกแล้วครับ...นี่แหละผมถึงบอกว่าเป็นโอกาสที่เราจะซื้อของถูก ถึงแม้ส่วนที่เราซื้อไปแล้วก่อนหน้านี้ จะขาดทุนไปบ้าง แต่ถ้าเราลงทุนเพิ่มในช่วงที่ตลาดตกแบบนี้ นอกจากเราจะลงทุนได้ในราคาที่ถูกแล้ว ยังสามารถเฉลี่ยต้นทุนที่เราลงทุนไปก่อนหน้านี้ด้วยนะครับ”
“เฉลี่ยต้นทุน”
“ใช่ครับ...อย่างน้อยต้นทุนที่เราซื้อไปช่วงแรกก็จะถูกลง หากเราซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่า”
“มันก็จริงนะ แต่ว่า...ถ้าหุ้นมันลงไปมากกว่านี้อีกละ”
“นักลงทุนบ้านเราก็แบบนี้ละครับ ช่วงที่หุ้นตกๆ ก็กลัวกันว่าเดี๋ยวมันอาจจะลงไปมากกว่านี้ ก็เลยไม่ซื้อทั้งๆ ที่ได้ราคาถูกกว่า แต่กลับไปรอซื้อในช่วงที่ราคามันขึ้นไปไกลแล้ว แบบนี้โอกาสจะได้แคปปิตอลเกนก็สูญเปล่ากันพอดี”
“ที่ต้นกล้าพูดมันก็ถูกนะ เพราะพี่ก็ซื้อช่วงที่หุ้นมันขึ้นเหมือนกัน…แต่ว่า สำหรับคนที่ไม่มีเงินลงทุนละจะทำยังไง เพราะการหาเงินก้อนมาซื้อใช่ว่าจะทำได้กันทุกคนนะ” พี่หนุ่มพูดเข้าทางต้นกล้าแล้ว
“นี่แหละครับ...ผมกำลังจะบอกว่า ถ้าเราไม่มีเงินลงทุนเป็นก้อน การทยอยลงทุนทุกๆเดือน ก็เป็นคำตอบหนึ่งได้เหมือนกัน โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้น ถือว่าเหมาะสมเลยทีเดียว”
“ยังไงเหรอ?” พี่หนุ่มเริ่มสนใจอยากรู้บ้างแล้ว...ต้นกล้าลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินมาที่โซฟา เขาหยิบเอกสารฉบับหนึ่งติดมือมาด้วย ก่อนจะยื่นให้พี่หนุ่มอ่าน
“Dollar Cost Averaging…หมายความว่าไงเหรอต้น” พี่หนุ่มยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่
“Dollar Cost Averaging หรือเรียกง่ายๆ ว่า การลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ซึ่งเป็นรูปแบบการลงทุนหนึ่งที่สามารถลดต้นทุนของเราได้ ด้วยการทยอยลงทุนสะสมทุกๆเดือน ซึ่งจะคล้ายกับการฝากเงินอย่างสม่ำเสมอนั่นเอง ซึ่งการลงทุนแบบนี้จะเป็นตัวช่วยที่ทำให้เราลงทุนได้เลยไม่จำเป็นต้องมีเงินก้อน นอกจากนั้น ยังสามารถลดความเสี่ยงเรื่องการลงทุนผิดจังหวะ เพราะต้นทุนโดยเฉลี่ยของเงินลงทุนในระยะยาวลดลง ขณะเดียวกันก็มีโอกาสได้จำนวนหน่วยลงทุนมากกว่าการลงทุนเพียงครั้งเดียวในเเต่ละปีด้วยจำนวนเงินลงทุนที่เท่ากันด้วย...ที่สำคัญนะครับ การลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ยังเป็นการสร้างวินัยให้กับผู้ลงทุนเองด้วยนะครับ”
ต้นกล้าเสริมต่อว่า “อย่างที่ผมบอกไปว่า Dollar Cost Averaging จะเหมาะกับผู้ที่ลงทุนในหุ้นมากที่สุด เพราะเราไม่รู้หรอกว่าหุ้นจะขึ้นหรือจะลงวันไหน ซึ่งนอกจากเราจะได้ต้นทุนที่ถูกกว่าแล้ว ความเสี่ยงก็ต่ำกว่าด้วยเช่นกัน เช่น ถ้าลงทุนครั้งเดียวความเสี่ยงจะมากกว่า แต่ถ้าลงแบบเฉลี่ยเท่าๆกัน ความเสี่ยงก็จะน้อยกว่า”
“เอ...มันก็เหมือนกับโปรแกรม Saving Plan ที่พี่ลงทุนในมันนี่มาร์เกตเหมือนกันนะ...มันใช่อันเดียวกันหรือเปล่า”
“โดยหลักการแล้วคล้ายกันครับ แต่การลงทุนสะสมในกองทุมันนี่มาร์เกต ผู้ลงทุนส่วนใหญ่จะใช้เป็นประโยชน์ผ่านการการลงทุน แทนการออมแบบฝากเงินมากกว่าอย่างที่ทราบว่า ดอกเบี้ยเงินฝากตอนนี้ต่ำติดดิน โดยเฉพาะเงินฝากออมทรัพย์ เก็บเงินมาทั้งปี ได้ดอกเบี้ยแค่ 0.75% เท่านั้น”
“นี่พี่ไม่รู้มาก่อนเลยนะเนี้ยะ ว่ามันอยู่ใกล้ตัวพี่นี่เอง แถมมีผู้เชี่ยวชาญอยู่ใกล้ๆ ตัวแบบนี้อีกด้วย” พี่หนุ่มชื่นชมในความรู้ของต้นกล้า
“อะไรกันพี่...ผมก็ฝังมาจากคนอื่นเขาอีกที ไม่ได้เชี่ยวชาญอะไรมากมายหรอกครับ” ต้นกล้าพูดไปพลางนึกถึงกระปุก ที่อธิบายเรื่องนี้ให้เขาฟัง “ฟังแบบนี้แล้วเริ่มสบายใจขึ้นแล้วใช่ไหมครับ”
“ก็นิดหน่อยนะ แต่ฟังแล้วก็เสียดายอยู่เหมือนกัน ที่พี่ไม่ได้ทยอยลงทุนมาตั้งแต่ต้น”
“เอาน่าพี่...อย่าลืมว่า การลงทุนมีความเสี่ยง เราต้องเรียนรู้กับความเสี่ยงแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะได้เข้าใจการลงทุนมากขึ้น” ต้นกล้าพูดปลอบใจอีกครั้ง
“เฮ้อ...” คราวนี้พี่หนุ่มถอนหายใจด้วยความโล่งใจแล้ว “อืมห์...ว่าแต่ต้นยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ...นี่จะห้าโมงเย็นแล้วนะ”
“เดี๋ยวก็กลับแล้วครับ...พี่หนุ่มละครับ”
“สบายใจแล้ว เดี๋ยวพี่ก็จะกลับแล้วละ”
“งั้นเดี๋ยวผมเก็บของก่อนนะครับ แล้วกลับพร้อมกัน”
“โอเค...จัดไป”
...อ่านต่อฉบับวันจันทร์หน้า