xs
xsm
sm
md
lg

ส.อาคารชุดชี้ลงทุนอพาร์ตเมนท์เสี่ยงแนะซื้อคอนโดฯหลายทำเลปล่อยเช่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – สมาคมอาคารชุดไทย ชี้ลงทุนสร้างอพาร์ตเมนต์ยุคเศรษฐกิจชะลอตัวเสี่ยงสูง อาจมีความเช่าไม่เต็ม ระบุธุรกิจซื้อห้องชุดในคอนโดฯ ครั้งละหลายยูนิต หลายทำเลปล่อยเช่าเริ่มเฟื่องฟู ชี้ความเสี่ยงน้อยเหตุปล่อยขายได้ง่าย ผลตอบแทน 7-7.5%

                นายอธิป พีชานนท์  นายกสมาคม อาคารชุดไทย   กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มนักลงทุนรายย่อยที่ลงทุนพัฒนาโครงการอพาร์ตเม้นท์ให้เช่า ที่ลงทุนก่อสร้างโครงการเองโดยเฉพาะโครงการที่เน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-ล่าง จะมีความเสี่ยงอย่างมากจากการที่ผู้เช่าไม่เต็ม เนื่องจากมีจำนวนยูนิตมาก  ขณะที่บางทำเล ผู้เช่าไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ต่อไปเนื่องจากมีการปิดตัวของสถานประกอบการลง

ทั้งนี้วิธีการลงทุนการทำอพาร์ตเมนต์ให้เช่าที่เริ่มเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นคือ การซื้อห้องชุดคอนโดมิเนียมโครงการละ 2-5 ห้อง กระจายอยู่ในหลายทำเล แล้วนำมาปล่อยเช่า เนื่องจากใช้เงินลงทุนต่ำกว่าการสร้างอพาร์ตเมนต์ทั้งอาคารและมีความเสี่ยงน้อยกว่าเพราะกระจายหลายทำเล นอกจากนี้คอนโดฯที่ซื้อมานั้นจะได้ประโยชน์จากอัตราค่าเช่าที่ สูงกว่าอพาร์ตเม้นต์  ผลตอบแทนอยู่ที่  7-7.5%  แถมยังสามารถปล่อยขายต่อได้ง่าย  ขณะที่อพาร์ตเม้นต์ขายต่อได้ยากเพราะโครงการขนาดใหญ่” นายอธิปกล่าว

                อย่างไรก็ดีนักลงทุนที่ต้องการซื้อคอนโดฯ เพื่อไว้ปล่อยเช่านั้นจะต้องพิจารณาถึงพื้นที่ในทำเลรอบข้าง รวมถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น หากต้องการจับลูกค้าญี่ปุ่น จะเป็นคอนโดฯในย่านทองหล่อ สุขุมวิท ต้องมีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ เพราะพื้นที่ในประเทศเขาจำกัด  ต่างจากพฤติกรรมของกลุ่มชาวจีนและไต้หวัน นั้นต้องการยูนิตห้องที่มีขนาดเล็ก     

                ทั้งนี้กลุ่มนักลงทุนที่ซื้อคอนโดไว้เพื่อเก็งกำไร และปล่อยขายในช่วงเศรษฐกิจซบเซานั้น อาจจะทำให้กำไรที่ได้ไม่มาก เท่าที่ต้องการจะได้   แต่เชื่อว่า ราคาขายต่อจะไม่ต่ำจากเดิมแน่ โดยเฉพาะโครงการคอนโด ที่เจ้าของโครงการมีการดูแลที่ดี   รวมถึง คอนโดในบางทำเลที่โครงการใหม่ไม่สามารถก่อสร้างได้อีก เนื่องจากติดปัญหาเรื่องกฎหมาย จึงทำให้โครงการเก่ายังสามารถปล่อยขายได้ในราคาที่ดี  ซึ่งจะเห็นได้ในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมาตลาดคอนโดยังคงเติบโตมาโดยตลอด    

นายอธิปกล่าวต่อว่า ผู้ที่จะลงทุนเพื่อรับกับวัยเกษียณ ควรจะต้องมีการวางแผน โดยอาจจะเริ่มจากเงินสำรองของรายได้ต่อเดือนประมาณ 30%  ขณะเดียวกันก็กระจายพอร์ตลงทุนไปยังการลงทุนประเภทอื่นไม่ว่าจะเป็น การลงทุนในตลาดหุ้น  ซึ่งในช่วงที่ตลาดหุ้นตกก็ยังมีโอกาสที่จะถือไว้ได้กำไร พันธบัตรรัฐบาล รวมถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่กับจังหวะเวลา บางครั้ง ผู้ที่ครองไว้จะสามารถปล่อยขายได้ไวและกำไรดี แต่บางครั้งอาจจะต้องถือนาน แต่ทั้งนี้ก่อนจะลงทุนด้านใดนั้น ควรจะต้องมีความรู้ในแต่ละด้านอย่างถ่องแท้
กำลังโหลดความคิดเห็น