เอเจนซี่ฯ คาดมูลค่ากองทุนรวมอสังหาฯทะลุแสนล้านบาทแน่ หลังธปท.ยกเลิก 30% ระบุอัตราผลตอบแทนจากกองทุนฯยังไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เหตุผู้บริหารกองทุนฯจะกันบางส่วนไว้ลงทุนต่อ ด้านผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจโรงแรม หวั่นซัปพลายห้องพักสูงเกินกว่านักท่องเที่ยว อาจส่งผลให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั่วประเทศลดลง
นายวสันต์ คงจันทร์ รองกรรมการผู้จัดการบริษัท เอเจนซี่ ฟอร์เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) เปิดเผยว่าแนวโน้มการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จะเพิ่มสูงขึ้น หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้ยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ซึ่งจะเห็นได้ว่ากองทุนรวมอสังหาฯที่เข้าไปลงทุนในสินทรัพย์อสังหาฯประเภทต่างๆ ก็ยังให้อัตราผลตอบแทนที่แตกต่างกัน เช่น กองทุนรวมอสังหาฯประเภทศูนย์การค้าอาจจะได้ประมาณ 8-10% ,เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ประมาณ 6-8% หรือแม้แต่กองทุนรวมอสังหาฯประเภทโกดัง-โรงงานให้เช่าจะมีประมาณ 7-10% แต่อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้จากกองทุนฯยังไม่เต็มทั้งหมด เนื่องจากนโยบายของกองทุนฯจะปันผลประมาณ 80-90% ที่เหลือทางกองทุนฯจะกันไว้สำหรับลงทุนต่อ
" เรามองว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กองทุนรวมอสังหาฯถูกมาตรการ 30% กดไว้ แต่หลังจากนี้ ก็เชื่อว่ามูลค่ากองทุนรวมอสังหาฯ จะมีมูลค่ากว่าแสนล้านบาท จากที่มูลค่าของกองทุนฯในตลาดมีประมาณ 52,000 ล้านบาท "นายวสันต์กล่าวและตั้งข้อสังเกตว่า ปัจจุบัน กองทุนรวมอสังหาฯประเภทโรงแรมไม่ค่อยมีสินค้าในตลาด สาเหตุอาจจะเกิดจากสภาพตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย ประกอบกับไม่มีการลงทุนสร้างโรงแรมแห่งใหม่
ด้านดร.วงษ์มิ วนาสิน ประธานและกรรมการผู้จัดการเครือโรงแรม Pinnacle กล่าวว่าธุรกิจท่องเที่ยวยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องเพราะประเทศไทยมีทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมาก แต่ถึงกระนั้น หลักในการลงทุนโรงแรม ควรจะให้ความสำคัญในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย ปริมาณห้องพัก(ซัปพลาย)ในตลาดและปัญหาการเมือง ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อธุรกิจโรงแรม
นายเจริญ นัดพบสุข ผู้จัดการทั่วไป SC Parkกล่าวว่า ปัจจุบันโรงแรมทั่วประเทศมีประมาณ 5 แสนกว่าห้อง ซึ่งยังไม่นับรวมการให้บริการของเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์และอพาร์ตเมนต์ ซึ่งในปัจจุบันอัตรการเข้าพักในโรงแรมเฉลี่ย 70% แต่แนวโน้มอาจจะปรับลดลงก็เป็นไปได้ เนื่องจากปริมาณห้องพักที่ออกสู่ตลาดมีจำนวนมากเมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในไทย ขณะเดียวกันคู่แข่งจากธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ และอพาร์ตเมนต์จะเข้ามามีส่วนแบ่งตลาด(แชร์)ในธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้น ถึงแม้จะมีข้อบังคับของผู้ให้บริการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ต้องอยู่อาศัยอย่างน้อย1 เดือน
นายวสันต์ คงจันทร์ รองกรรมการผู้จัดการบริษัท เอเจนซี่ ฟอร์เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) เปิดเผยว่าแนวโน้มการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จะเพิ่มสูงขึ้น หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้ยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ซึ่งจะเห็นได้ว่ากองทุนรวมอสังหาฯที่เข้าไปลงทุนในสินทรัพย์อสังหาฯประเภทต่างๆ ก็ยังให้อัตราผลตอบแทนที่แตกต่างกัน เช่น กองทุนรวมอสังหาฯประเภทศูนย์การค้าอาจจะได้ประมาณ 8-10% ,เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ประมาณ 6-8% หรือแม้แต่กองทุนรวมอสังหาฯประเภทโกดัง-โรงงานให้เช่าจะมีประมาณ 7-10% แต่อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้จากกองทุนฯยังไม่เต็มทั้งหมด เนื่องจากนโยบายของกองทุนฯจะปันผลประมาณ 80-90% ที่เหลือทางกองทุนฯจะกันไว้สำหรับลงทุนต่อ
" เรามองว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กองทุนรวมอสังหาฯถูกมาตรการ 30% กดไว้ แต่หลังจากนี้ ก็เชื่อว่ามูลค่ากองทุนรวมอสังหาฯ จะมีมูลค่ากว่าแสนล้านบาท จากที่มูลค่าของกองทุนฯในตลาดมีประมาณ 52,000 ล้านบาท "นายวสันต์กล่าวและตั้งข้อสังเกตว่า ปัจจุบัน กองทุนรวมอสังหาฯประเภทโรงแรมไม่ค่อยมีสินค้าในตลาด สาเหตุอาจจะเกิดจากสภาพตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย ประกอบกับไม่มีการลงทุนสร้างโรงแรมแห่งใหม่
ด้านดร.วงษ์มิ วนาสิน ประธานและกรรมการผู้จัดการเครือโรงแรม Pinnacle กล่าวว่าธุรกิจท่องเที่ยวยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องเพราะประเทศไทยมีทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมาก แต่ถึงกระนั้น หลักในการลงทุนโรงแรม ควรจะให้ความสำคัญในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย ปริมาณห้องพัก(ซัปพลาย)ในตลาดและปัญหาการเมือง ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อธุรกิจโรงแรม
นายเจริญ นัดพบสุข ผู้จัดการทั่วไป SC Parkกล่าวว่า ปัจจุบันโรงแรมทั่วประเทศมีประมาณ 5 แสนกว่าห้อง ซึ่งยังไม่นับรวมการให้บริการของเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์และอพาร์ตเมนต์ ซึ่งในปัจจุบันอัตรการเข้าพักในโรงแรมเฉลี่ย 70% แต่แนวโน้มอาจจะปรับลดลงก็เป็นไปได้ เนื่องจากปริมาณห้องพักที่ออกสู่ตลาดมีจำนวนมากเมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในไทย ขณะเดียวกันคู่แข่งจากธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ และอพาร์ตเมนต์จะเข้ามามีส่วนแบ่งตลาด(แชร์)ในธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้น ถึงแม้จะมีข้อบังคับของผู้ให้บริการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ต้องอยู่อาศัยอย่างน้อย1 เดือน
