xs
xsm
sm
md
lg

บัวหลวง Money Tips : FIT & FIRM สุขภาพทางการเงิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

FIT and FIRM หลายๆคน ที่ได้ยินสองคำนี้แล้วก็จะนึกถึงเรื่องของการออกกำลังกาย การทำให้ร่างกายแข็งแรง มีสุขภาพและรูปร่างที่ดี ซึ่งทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องมีการดูแลเอาใจใส่ในสุขภาพ มีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งบางคนอาจจะเข้ายิม วิ่งในสวนสาธารณะหรือบางคนก็จะมีวิธีต่างๆมากมายที่จะต้องปฎิบัติเป็นกิจวัตรเพื่อให้ FIT and FIRM

ในเรื่องทางการเงินก็เหมือนกัน เราก็สามารถทำให้สุขภาพทางการเงิน FIT and FIRM ได้เสมือนกับร่างกายคนโดยใช้หลักสำคัญคือ การดูแล การเอาใจใส่ เสมือนกับเงินเป็นร่างกายของเราที่ต้องการการดูแลอย่างสม่ำเสมอ

เรื่องการทำให้เงินแข็งแรงนั้นเราจะต้องทำอย่างไร ซึ่งขั้นแรกก็คงต้องแบ่งเงินตามวัตถุประสงค์การใช้เงินก่อนว่าเราจะใช้เงินเพื่อวัตถุประสงค์ใดบ้าง โดยหลักทั่วๆ ไปเราจะแบ่งเงินเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนที่1 เป็นการใช้เงินเพื่อการบริโภคอุปโภค ส่วนที่2 เราจะแบ่งเงินเพื่อสำรองในยามฉุกเฉิน ส่วนที่3 เราจะใช้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อการลงทุนหรือเก็งกำไร เมื่อเราสามารถแบ่งการใช้เงินได้ตามวัตถุประสงค์แล้ว เราก็ต้องมาวางแผนแล้วสิครับว่าจะนำเงินที่แบ่งไว้ในแต่ละประเภทไปใช้อะไรบ้าง แล้วทำอย่างไรการใช้เงินนั้นจึงจะเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด ดังนั้นเราลองนำเงินมาเข้าโปรแกรม FIT and FIRM นะครับ

1. เงินที่ใช้อุปโภค บริโภค เงินก้อนนี้จะเป็นเงินที่ใช้ประจำวัน ซึ่งจะแบ่งมาจากเงินเดือนที่เราจะได้รับอยู่เป็นประจำเพื่อที่จะใช้จ่าย ผ่อนชำระหนี้ ในเรื่องต่างๆมากมาย ซึ่งในแต่ละท่านก็มีค่าใช้จ่ายไม่เท่ากัน มีกำหนดการใช้ก็ไม่เหมือนกัน แต่ที่เหมือนๆกันก็คือไม่มีใครใช้จ่ายเงินก้อนนี้เลยครั้งเดียวทั้งหมด ดังนั้นเราจะต้องวางแผนว่าจะบริหารเงินก้อนนี้อย่างไรให้เกิดประโยชน์ก่อนการจ่าย โดยปกติคนส่วนใหญ่จะเก็บเงินก้อนนี้ไว้ในบัญชีเงินเดือนซึ่งเป็นบัญชีออมทรัพย์ ที่ให้ดอกเบี้ย 0.75% ซึ่งหลายๆท่านอาจจะไม่สนใจดอกผลจำนวนนี้ แต่เราลองคิดดูสิครับถ้าเราได้ผลตอบแทนที่มากกว่านี้แล้วก็สะสมไปเรื่อยๆจากเงินจำนวนน้อยก็จะกลายเป็นจำนวนมากๆได้ครับ แล้วเราจะสร้างโอกาสนั้นได้อย่างไร ดังนั้นจึงขอแนะนำกองทุนรวมประเภทหนึ่งที่จะใช้เป็นที่พักเงินกลุ่มนี้ ซึ่งกองทุนที่ว่าเป็นกองทุนรวมตลาดเงินหรือกองทุนตราสารหนี้ที่มีอายุตราสารสั้นๆ มีความผันผวนและความเสี่ยงต่ำ ซึ่งขณะนี้กำลังเป็นที่นิยมอยู่เพราะผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นทุกวันและไม่ต้องเสียภาษีเหมือนดอกเบี้ยเงินฝาก

กองทุนนี้มีสภาพคล่องสูงใกล้เคียงเงินฝากโดยส่วนใหญ่ก็จะเป็น T+1 คือวันทำการถัดไปหลังการขายคืนเราก็จะได้รับเงินมาใช้จ่ายได้ โดยธรรมชาติของกองทุนนี้จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทีละนิดตามดอกเบี้ยของตราสารหนี้ที่ได้รับตามสิทธิของกองทุนที่ลงทุน อาจจะวันละนิดละหน่อยแต่ถ้าเทียบแล้วก็ยังมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากและยังไม่ต้องเสียภาษีดอกเบี้ยด้วย ซึ่งปัจจุบันกองทุนกลุ่มนี้ให้ผลตอบแทนประมาณ 2.40 – 2.80%ต่อปี จึงเหมาะสมเป็นอย่างมากที่จะใช้กองทุนนี้เป็นที่พักเงินสำหรับใช้จ่ายในการอุปโภค บริโภค

2. เงินสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน เงินก้อนนี้เป็นเงินที่สำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ซึ่งก็อาจจะเป็นในยามเงินขาดมือ กรณีประสบอุบัติเหตุ หรือตกงาน ซึ่งจากการประมาณการเงินสำรองฉุกเฉินนี้ควรมีมูลค่าประมาณ 6 เท่าของเงินเดือน เพื่อมีสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉินจริงๆ แล้วเมื่อเราสำรองเงินจำนวนนี้ไว้แล้วเราจะวางแผนให้เงินจำนวนนี้งอกเงยในช่วงเวลาที่ยังไม่ได้ใช้ได้อย่างไร เงินที่ใช้ยามฉุกเฉินจะมีสภาพคล่องหรือความต้องการใช้เงินน้อยกว่าเงินที่ใช้ประจำวันดังนั้นเราก็สามารถนำเงินก้อนนี้ไปลงทุนในกองทุนประเภทที่มีระยะเวลายาวขึ้นและได้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินก้อนแรกได้

3. เงินสำหรับลงทุนหรือเก็งกำไร สำหรับเงินก้อนนี้เป็นเงินที่มีอิสระในการลงทุน มีอิสระจากข้อจำกัดต่างๆ สามารถลงทุนได้หลากหลายขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการเก็บออม ความจำเป็นของการใช้ และความเสี่ยงที่แต่ละคนยอมรับได้ หากผู้ลงทุนยังมีอายุน้อย มีระยะเวลาในการเก็บออมอีกนานก็สามารถลงทุนในกองทุนหุ้น หรือกองทุนประเภทที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูง แต่ถ้ามีอายุมาก เหลือช่วงเวลาทำงานอีกไม่นานก็เกษียณ ก็ควรลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นลง เพื่อลดความเสี่ยงแต่ไม่ควรลดจนหมด เพราะถ้าเลือกลงทุนในกองทุนตราสารหนี้จะได้ผลตอบแทนที่น้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อได้

สำหรับผู้เสียภาษีเงินได้ก็มีทางเลือกที่จะลงทุนได้อีก แล้วเงินลงทุนยังได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย คือการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF) ซึ่งจะมีนโยบายการลงทุนหลายแบบทั้งแบบลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ และแบบผสมทั้งสองอย่าง ซึ่งผู้ลงทุนสามารถคัดสรรตามความชอบและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่เป็นกองทุนหุ้น การลงทุนในกองทุน 2 ประเภทนี้นอกจากจะเป็นการเก็บเงินเพื่อสร้างผลตอบแทนแล้ว ยังสามารถนำเงินที่ลงทุนในแต่ละปีไปใช้สิทธิลดหย่อนทางภาษีได้ จะเห็นได้ว่าถ้าเราดูแล เอาใจใส่เงินของเรา อย่างที่เราดูแลและใส่ใจในสุขภาพของตัวเองเงินของเราที่มี เงินของเราที่เก็บไว้ก็สามารถมีสุขภาพทางการเงินที่แข็งแรงได้ครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น