xs
xsm
sm
md
lg

เอ็มเอฟซีไม่กังวลตลาดผันผวน มั่นใจทั้งปีโกยเงินเข้าพอร์ตตามเป้า10%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.เอ็มเอฟซีแจงผลงาน 5 เดือน เอยูเอ็มขยายตัว 4.41% ด้วยสินทรัพย์กว่า 2.28 แสนล้านบาท โดยกองทุนรวมขยายตัวสูงสุด 8 กองทุนโกยเงินเข้าพอร์ต 12,187 ล้าน มั้นใจทั้งปีนี้ระดมทุนตามเป้า 2.4 แสนล้านแม้ภาวะตลาดไม่เอื้อ โดยเฉพาะความผันผวน และความไม่แน่นอนทางการเมือง จ่อคิวส่ง 12 กองทุนลุยต่อ ล่าสุด เปิดขาย "เอ็มเอฟซีโพรฟิต10 พรีเมี่ยม" เน้นลงทุนหุ้นพร้อมทำกำไรทั้งช่วงขาขึ้น-ขาลง โดยใช้อนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยง ไอพีโอถึง 25 มิถุนายนนี้
นายพิชิต อัคราทิตย์
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนทุกประเภทภายใต้การจัดการรวมทั้งสิ้น 228,512.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 12.61% เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2550 ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 202,918.11 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 4.41% เมื่อเทียบกับธันวาคมที่แล้ว ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 218,857.20 ล้านบาท

โดยในส่วนของกองทุนรวม บริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 152,457.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.28% เมื่อเทียบกับธันวาคม 2550 ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 146,186.59 ล้านบาท กองทุนสำรองเลี้ยงชีพภายใต้การจัดการมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 54,730.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.77% เมื่อเทียบกับธันวาคม 2550 ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 51,742.13 ล้านบาท และกองทุนส่วนบุคคลมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 21,324.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเทียบกับธันวาคม 2550 ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 20,928.48 ล้านบาท

ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าในช่วงต้นปีที่ผ่านถึงปัจจุบัน รวมถึงอนาคต แนวโน้มการลงทุนและภาวะตลาดจะไม่เอื้อต่อการระดมทุนมากนัก แต่บริษัทก็มั่นใจว่า หลังจากนี้ไปจนถึงสิ้นปี จะสามารถระดมทุนได้ตามเป้าหมาย 2.4 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตทั้งปี 10% ที่ได้ตั้งเป้าไว้ ซึ่งในระยะยาว บลจ.เอ็มเอฟซีเอง ตั้งเป้าหมายเป็นบริษัทชั้นนำด้านการบริหารความมั่งคั่งและการให้บริการที่เป็นเลิศในระดับภูมิภาคภายในปี 2555 และเป็นบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำที่มีอัตราการเติบโตเป็น 2 เท่าภายใน 5 ปี หรือมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การจัดการกว่า 450,000 ล้านบาทในปี 2555

นายพิชิตกล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดขายกองทุนใหม่ไปแล้วรวม 8 กองทุน และสามารถระดมเงินลงทุนได้รวม 12,187 ล้านบาท โดยนำเสนอกองทุนรวมหลากหลายประเภทเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ได้แก่ กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ 2 กองทุน กองทุนรวมที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์นักลงทุน 4 กองทุน กองทุนรวมตราสารหนี้ 1 กองทุน และกองทุนรวมผสมแบบไม่กำหนดสัดส่วนการลงทุน 1 กองทุน

ส่วนกองทุนที่จะเปิดขายในเดือนมิถุนายนนี้ มีจำนวน 2 กองทุนคือ กองทุนเปิด PRO10 Premium ซึ่งเป็นกองทุน Target Fund ที่จะสร้างโอกาสทำกำไรทั้งในช่วงตลาดหุ้นขาขึ้นและขาลง โดยลงทุนใน SET50 Index Futures และตั้งเป้าผลตอบแทนร้อยละ 10 และกองทุนรวม M-GOV 7S1 ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่เน้นลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล และพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทมีแผนออกกองทุนอีกประมาณ 12 กองทุน เฉลี่ยเดือนละ 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนตราสารหนี้ 3-6 กองทุน กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ 3-6 กองทุน กองทุนตราสารทุน 3-6 กองทุน และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 2-3 กองทุน

ในขณะที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บริษัทมีแผนงานที่จะขยายไปสู่ภาคเอกชนมากขึ้น และกองทุนส่วนบุคคลจะขยายไปสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ โดยขณะนี้ได้มีการขยายทีมงานในส่วนของ Private Wealth และ Private Banking เพิ่มมากขึ้น

ส่วนกองทุน MFC Energy Fund ก็มีแผนงานที่จะลงทุนในโครงการด้านพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นอีก 2 โครงการในไตรมาสสาม และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่าจะจัดตั้ง 2-3 กองทุนในปีนี้ ประกอบด้วย อสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรม คลังสินค้า หรืออาคารสำนักงาน ตั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด มูลค่าประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท

ส่งกองทุนทาร์เกตฟันด์ลุยหุ้นถูก
สำหรับกองทุนรวมเอ็มเอฟซีโพรฟิต10 พรีเมี่ยม (PRO10 Premium) บริษัทจะเปิดขายหน่วยลงทุนระหว่างวันที่ 18-25 มิถุนายนนี้ โดยกองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนรวมผสมแบบไม่กำหนดสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุน ลงทุนได้ทั้งตราสารทุนและตราสารหนี้ ประเภทไม่รับซื้อคืนหน่วยลงทุน อายุ 1 ปี มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท กองทุนรวม PRO10 Premium จะเป็นกองทุน Target Fund กองทุนแรกที่จะสร้างโอกาสทำกำไรทั้งในช่วงตลาดหุ้นขาขึ้นและขาลงด้วยการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ (Derivatives) โดยลงทุนใน SET50 Index Futures ซึ่งเป็นจุดเด่นสำคัญของกองทุนที่แตกต่างไปจากกองทุนเดิมที่กำหนดเป้าหมายผลตอบแทนของบริษัท

"จุดเด่นของกองทุนรวม PRO10 Premium คือ เน้นลงทุนในหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง เพื่อสามารถปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนตามสภาวการณ์ตลาดได้ทันท่วงที นอกจากนี้กองทุนยังมีความยืดหยุ่นสูง โดยสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนได้เมื่อคาดว่าราคาหลักทรัพย์มีแนวโน้มจะลดลง และกองทุนยังมีโอกาสรับผลตอบแทนมากขึ้นจากการทำกำไรได้ทั้งในกรณีดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้น โดยเข้าไปทำฐานะซื้อ (Long Position) และทำฐานะขาย (Short Position) ในกรณีที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง"นายพิชิตกล่าว

นอกจากนี้ กองทุนรวม PRO10 Premium สามารถเลิกกองทุนทันทีไม่ต้องรอครบอายุกองทุน เมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 11.20 บาท เป็นเวลา 5 วันทำการติดต่อกัน หรือทรัพย์สินของกองทุนเป็นเงินสดทั้งหมดในสกุลเงินบาท ณ วันทำการใดๆ และมูลค่าหน่วยลงทุนที่คืนผู้ถือหน่วยลงทุนต้องไม่ต่ำกว่า 11 บาท หรืออีกนัยหนึ่งเลิกกองทุนเมื่อผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของเงินทุน และผู้ถือหน่วยลงทุนรายย่อยจะได้รับการยกเว้นภาษีของกำไรส่วนเกินมูลค่าหน่วยลงทุน

สำหรับกองทุนรวม PRO10 Premium เหมาะสำหรับผู้ที่คาดหวังโอกาสได้รับผลตอบแทนจากมูลค่าเพิ่มของการลงทุน (Capital Gain) ผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนโดยกองทุนจะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง สามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ในระดับปานกลางถึงสูง และต้องการโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงจากการลงทุนในตลาดหุ้น

ทั้งนี้ จากการบริหารกองทุนประเภท Target Fund ที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จจากการบริหารกองทุนดังกล่าวโดยสามารถถึงเป้าหมายผลตอบแทนที่กำหนด และปิดกองทุนได้ก่อนครบอายุกองทุนดังนี้ กองทุนรวมเอ็มเอฟซี สปอท ให้ผลตอบแทน 27% กองทุนรวมเอ็มเอฟซี สปอท สอง ให้ผลตอบแทน 25.5% กองทุนรวมเอ็มเอฟซี สปอท สาม ให้ผลตอบแทน 25.8% กองทุนรวมเอ็มเอฟซีโพรฟิต 10 ให้ผลตอบแทน 11% และกองทุนรวมเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล สปอท ให้ผลตอบแทน 25%
กำลังโหลดความคิดเห็น