บลจ.เอ็มเอฟซี ชูนโยบายบริหารกองทุนเชิงรุก เน้นสร้างผลตอบแทนให้ลูกค้าเอาชนะความผันผวน พร้อมตั้งเป้า ปี 55 เป็นบริษัทชั้นนำด้านการบริหารความมั่งคั่งและการให้บริการที่เป็นเลิศในระดับภูมิภาค ดันสินทรัพย์โต 4.5 แสนล้านบาท ด้วยการเติบโตของเอ็นเอวีปีละ 15% จากการขยายธุรกิจใหม่ทั้งในและต่างประเทศ เผยแผนปีนี้ ส่งกองทุนใหม่ลุยตลาด 20 กองทุน พร้อมทุ่มงบสร้างแบนด์ "MFC" ติดตลาด
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC เปิดเผยว่า ในปีนี้ บริษัทจะเน้นกลยุทธ์ด้านการบริหารกองทุนในเชิงรุกมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองต่อภาวะความผันผวนของตลาดในปัจจุบัน ผ่านคณะกรรมการกองทุน (Investment Committee) ประกอบกับใช้ข้อมูลที่ทันต่อเหตุการณ์มากขึ้น เพื่อทำให้การตัดสินใจลงทุนในแต่ละกองทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ ขณะเดียวกัน จะเพิ่มความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลก เพื่อสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีและมีความสม่ำเสมอแก่ผู้ถือหน่วยลงทุน นอกจากนี้ ยังมีแผนเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมการลงทุน (Innovation) ด้วยการออกกองทุนใหม่ๆ ตอบสนองความต้องการลูกค้าให้ครอบคลุมมากที่สุด
"เราต้องการเป็นบลจ.ที่มีความก้าวหน้าที่สุดในเชิงนวัตกรรมการลงทุนใหม่ๆ และความเชี่ยวชาญในสาขาเฉพาะด้าน ซึ่งในส่วนของการลงทุนนั้น เราก็จะเน้นเชิงรุกมากขึ้น ด้วยการไม่ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งแล้วถือไว้เฉยๆ แต่จะเน้นสร้างผลตอบแทนให้ลูกค้าด้วยการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตามสถานการณ์ โดยไม่อิงกับเบนช์มาร์ก"นายพิชิตกล่าว
ทั้งนี้ บลจ.เอ็มเอฟซี ตั้งเป้าเป็นบริษัทชั้นนำ ด้านการบริหารความมั่งคั่งและการให้บริการที่เป็นเลิศในระดับภูมิภาคภายในปี 2555 และเป็นบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำ ที่มีอัตราการเติบโตเป็น 2 เท่าภายใน 5 ปี โดยภายในปี 2555 บริษัทจะมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การจัดการ (NAV) โดยรวมกว่า 4.5 แสนล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 15% หรือมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ การเติบโตดังกล่าว จะเป็นอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นมาจากการขยายธุรกิจใหม่ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งบริษัทตั้งเป้าที่จะทำรายได้จากการขยายตลาดไปลงทุนในต่างประเทศในสัดส่วน 1 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมด และประมาณการเติบโตของรายได้ 35% จาก 463 ล้านบาทในปี 2550 เป็น 625 ล้านบาทในปี 2551
สำหรับแผนการออกกองทุนในปีนี้ เอ็มเอฟซีมีแผนออกกองทุนใหม่ประมาณ 20 กองทุน แบ่งเป็น Smart Wealth Solution Family 4 กองทุน กองทุนรวมตราสารหนี้ประมาณ 2-3 กองทุน กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศประมาณ 9-10 กองทุน กองทุน Private Equity 1 กองทุน และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (กอง 1) ประมาณ 2-3 กองทุน
“เป้าหมายหลักในการขับเคลื่อน บลจ.เอ็มเอฟซี สู่การเป็นบริษัทชั้นนำด้านการบริหารความมั่งคั่งและการให้บริการที่เป็นเลิศในระดับภูมิภาคภายในปี 2555 นั้น กลยุทธ์หลักที่จะนำมาใช้คือ การผลักดันธุรกิจภายในอย่างเข้มแข็ง การสร้างทางเลือกการลงทุนที่หลากหลายให้กับนักลงทุนอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการมุ่งขยายการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศที่ผ่านคัดสรรแล้ว ซึ่งทั้งหมดนี้จะดำเนินการภายใต้ทีมงานมืออาชีพ”นายพิชิตกล่าว
สำหรับการขยายธุรกิจไปยังธุรกิจใหม่ทั้งในและต่างประเทศ จะมุ่งเน้นไปยังธุรกิจที่สนับสนุนธุรกิจหลักที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน โดยรูปแบบการทำธุรกิจมีทั้งการเข้าไปร่วมทุนกับและสร้างพันธมิตรกับธุรกิจระดับโลก (Global Partership) ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในแต่ละสาขาอยู่แล้ว รวมทั้งขยายธุรกิจทางด้าน Private Equity ซึ่งบริษัทเป็นบลจ. แรกที่เริ่มดำเนินการ และมีประสบการณ์มากว่า 5 ปี รวมทั้งเพิ่มทางเลือกในการลงทุนผ่าน Alternative Investment ที่น่าสนใจทั่วโลก
นายพิชิตกล่าวว่า กลยุทธ์ด้านการตลาดในปีนี้ บริษัทจะเน้นการสร้างแบรนด์องค์กรให้เป็นที่รู้จักอย่างทั่วถึง โดยการสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ในการเป็น “มันสมองทางการลงทุนที่คุณวางใจ” การให้ความสำคัญ กับช่องทางการขายที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น Corporate Wealth, Private Wealth , Private Banking ฯลฯ พัฒนาช่องทางการขายให้มีความสะดวกสบาย และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เน้นพัฒนาทีมงานด้านการขาย และการตลาดที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการลงทุน รวมทั้งการสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด และจัดกิจกรรมต่างๆ ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ลูกค้าทุกกลุ่ม
นอกจากการบริหารจัดการกองทุนเพื่อมุ่งให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดกับนักลงทุนแล้ว บริษัทยังคงสานต่อนโยบายจัดทำกิจกรรมคืนกำไรให้สังคมอย่างต่อเนื่อง และจากทีมงานที่มี เราพร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการดำเนินโครงการเมกะโปรเจ็กต์และโครงการอื่นๆได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
สำหรับผลการดำเนินงานของเอ็มเอฟซีในปี 2550 นายพิชิตกล่าวว่า บริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การจัดการ ณ 28 ธันวาคม 2550 เท่ากับ 221,222 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% หรือเท่ากับ 17,901 ล้านบาท จากปี 2549 ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 203,320 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นกองทุนรวมจำนวน 146,186.59 ล้านบาทคิดเป็นการขยายตัว 10% กองทุนสำรองเลี้ยงชีพมูลค่า 51,742.13 ล้านบาท และกองทุนส่วนบุคคลมูลค่า 20,928.48 ล้านบาท
ในส่วนของรายได้ ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2550 บริษัทมีรายได้สุทธิ 463 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากรายได้ปี 2549 ซึ่งเท่ากับ 373 ล้านบาท โดยบริษัทมีกำไร 108 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากรายได้ปี 2549 ซึ่งเท่ากับ 88 ล้านบาท
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC เปิดเผยว่า ในปีนี้ บริษัทจะเน้นกลยุทธ์ด้านการบริหารกองทุนในเชิงรุกมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองต่อภาวะความผันผวนของตลาดในปัจจุบัน ผ่านคณะกรรมการกองทุน (Investment Committee) ประกอบกับใช้ข้อมูลที่ทันต่อเหตุการณ์มากขึ้น เพื่อทำให้การตัดสินใจลงทุนในแต่ละกองทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ ขณะเดียวกัน จะเพิ่มความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลก เพื่อสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีและมีความสม่ำเสมอแก่ผู้ถือหน่วยลงทุน นอกจากนี้ ยังมีแผนเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมการลงทุน (Innovation) ด้วยการออกกองทุนใหม่ๆ ตอบสนองความต้องการลูกค้าให้ครอบคลุมมากที่สุด
"เราต้องการเป็นบลจ.ที่มีความก้าวหน้าที่สุดในเชิงนวัตกรรมการลงทุนใหม่ๆ และความเชี่ยวชาญในสาขาเฉพาะด้าน ซึ่งในส่วนของการลงทุนนั้น เราก็จะเน้นเชิงรุกมากขึ้น ด้วยการไม่ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งแล้วถือไว้เฉยๆ แต่จะเน้นสร้างผลตอบแทนให้ลูกค้าด้วยการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตามสถานการณ์ โดยไม่อิงกับเบนช์มาร์ก"นายพิชิตกล่าว
ทั้งนี้ บลจ.เอ็มเอฟซี ตั้งเป้าเป็นบริษัทชั้นนำ ด้านการบริหารความมั่งคั่งและการให้บริการที่เป็นเลิศในระดับภูมิภาคภายในปี 2555 และเป็นบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำ ที่มีอัตราการเติบโตเป็น 2 เท่าภายใน 5 ปี โดยภายในปี 2555 บริษัทจะมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การจัดการ (NAV) โดยรวมกว่า 4.5 แสนล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 15% หรือมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ การเติบโตดังกล่าว จะเป็นอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นมาจากการขยายธุรกิจใหม่ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งบริษัทตั้งเป้าที่จะทำรายได้จากการขยายตลาดไปลงทุนในต่างประเทศในสัดส่วน 1 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมด และประมาณการเติบโตของรายได้ 35% จาก 463 ล้านบาทในปี 2550 เป็น 625 ล้านบาทในปี 2551
สำหรับแผนการออกกองทุนในปีนี้ เอ็มเอฟซีมีแผนออกกองทุนใหม่ประมาณ 20 กองทุน แบ่งเป็น Smart Wealth Solution Family 4 กองทุน กองทุนรวมตราสารหนี้ประมาณ 2-3 กองทุน กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศประมาณ 9-10 กองทุน กองทุน Private Equity 1 กองทุน และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (กอง 1) ประมาณ 2-3 กองทุน
“เป้าหมายหลักในการขับเคลื่อน บลจ.เอ็มเอฟซี สู่การเป็นบริษัทชั้นนำด้านการบริหารความมั่งคั่งและการให้บริการที่เป็นเลิศในระดับภูมิภาคภายในปี 2555 นั้น กลยุทธ์หลักที่จะนำมาใช้คือ การผลักดันธุรกิจภายในอย่างเข้มแข็ง การสร้างทางเลือกการลงทุนที่หลากหลายให้กับนักลงทุนอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการมุ่งขยายการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศที่ผ่านคัดสรรแล้ว ซึ่งทั้งหมดนี้จะดำเนินการภายใต้ทีมงานมืออาชีพ”นายพิชิตกล่าว
สำหรับการขยายธุรกิจไปยังธุรกิจใหม่ทั้งในและต่างประเทศ จะมุ่งเน้นไปยังธุรกิจที่สนับสนุนธุรกิจหลักที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน โดยรูปแบบการทำธุรกิจมีทั้งการเข้าไปร่วมทุนกับและสร้างพันธมิตรกับธุรกิจระดับโลก (Global Partership) ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในแต่ละสาขาอยู่แล้ว รวมทั้งขยายธุรกิจทางด้าน Private Equity ซึ่งบริษัทเป็นบลจ. แรกที่เริ่มดำเนินการ และมีประสบการณ์มากว่า 5 ปี รวมทั้งเพิ่มทางเลือกในการลงทุนผ่าน Alternative Investment ที่น่าสนใจทั่วโลก
นายพิชิตกล่าวว่า กลยุทธ์ด้านการตลาดในปีนี้ บริษัทจะเน้นการสร้างแบรนด์องค์กรให้เป็นที่รู้จักอย่างทั่วถึง โดยการสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ในการเป็น “มันสมองทางการลงทุนที่คุณวางใจ” การให้ความสำคัญ กับช่องทางการขายที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น Corporate Wealth, Private Wealth , Private Banking ฯลฯ พัฒนาช่องทางการขายให้มีความสะดวกสบาย และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เน้นพัฒนาทีมงานด้านการขาย และการตลาดที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการลงทุน รวมทั้งการสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด และจัดกิจกรรมต่างๆ ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ลูกค้าทุกกลุ่ม
นอกจากการบริหารจัดการกองทุนเพื่อมุ่งให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดกับนักลงทุนแล้ว บริษัทยังคงสานต่อนโยบายจัดทำกิจกรรมคืนกำไรให้สังคมอย่างต่อเนื่อง และจากทีมงานที่มี เราพร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการดำเนินโครงการเมกะโปรเจ็กต์และโครงการอื่นๆได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
สำหรับผลการดำเนินงานของเอ็มเอฟซีในปี 2550 นายพิชิตกล่าวว่า บริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การจัดการ ณ 28 ธันวาคม 2550 เท่ากับ 221,222 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% หรือเท่ากับ 17,901 ล้านบาท จากปี 2549 ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 203,320 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นกองทุนรวมจำนวน 146,186.59 ล้านบาทคิดเป็นการขยายตัว 10% กองทุนสำรองเลี้ยงชีพมูลค่า 51,742.13 ล้านบาท และกองทุนส่วนบุคคลมูลค่า 20,928.48 ล้านบาท
ในส่วนของรายได้ ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2550 บริษัทมีรายได้สุทธิ 463 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากรายได้ปี 2549 ซึ่งเท่ากับ 373 ล้านบาท โดยบริษัทมีกำไร 108 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากรายได้ปี 2549 ซึ่งเท่ากับ 88 ล้านบาท