xs
xsm
sm
md
lg

กบข.รอ2เดือนขยับพอร์ตหุ้นตปท. เน้นสร้างผลตอบแทนระยะยาวชนะเงินเฟ้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กบข.ปรับกลยุทธ์การลงทุนรับเฟดส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ยที่ระดับ 2% เล็งลดน้ำหนักลงทุนตราสารหนี้ เพิ่มพอร์ตหุ้นต่างประเทศ หวังขยับสัดส่วนเป็น 12% จากเดิม 9% พร้อมกระจายการลงทุนไปสู่พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์-Private Equity เน้นผลักดันผลตอบแทนระยะยาวสูงกว่าเงินเฟ้อ ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้

นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กลยุทธ์การลงทุนของ กบข. ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า จะเตรียมเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ พร้อมลดน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ลง และมองหาลู่ทางการลงทุนใหม่ๆ อย่างเช่น กองทุนที่ลงทุนในนิติบุคคลเอกชนต่างประเทศ (Private Equity Fund) หรือลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ เพื่อกระจายการลงทุนให้หลากหลาย และที่สำคัญเพื่อเป็นการผลักดันผลตอบแทนให้ได้ตามเป้าหมายที่คณะกรรมการลงทุนได้กำหนดไว้ โดยพยายามสร้างผลตอบแทนการลงทุนในระยะยาวให้สูงกว่าเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ การปรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ สืบเนื่องมาจากช่วงที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2% เพื่อรอดูผลของมาตรการทางการเงินและการคลังต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม และผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากราคาน้ำมันในตลาดโลก และมีความเป็นไปได้ว่าเฟดอาจตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาสที่ 4 หากเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน และเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น

โดยแนวโน้มดังกล่าว สอดคล้องกับนโยบายอัตราดอกเบี้ยในประเทศของไทย โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์พี) 1 วันที่ระดับ 3.25% เนื่องจากมีความกังวลปัญหาเงินเฟ้อ และมีความเป็นไปได้ว่าดอกเบี้ยอาจปรับขึ้นในช่วงปลายปี หรืออย่างช้าต้นปีหน้า

“เงินเฟ้อกำลังกลายเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก และเป็นแรงกดดันให้ เราต้องแสวงหาลู่ทางการลงทุนใหม่ๆ เพื่อที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนในระดับใกล้เคียง หรือสูงกว่าเงินเฟ้อในระยะยาว ในระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้” นายวิสิฐกล่าว

นายวิสิฐกล่าวว่า พอร์ตการลงทุนในตลาดหุ้นของ กบข. ในปีนี้ จะเพิ่มขึ้นเป็น 23-24% โดยเป็นการลงทุนในตลาดหุ้นในประเทศเฉลี่ย 11-12% และตลาดหุ้นต่างประเทศอีก 12% จากเดิม 9% ทั้งนี้ ปัจจุบัน กบข.มีเงินกองทุนภายใต้การบริหารประมาณ 3.8 แสนล้านบาท

ก่อนหน้านี้ นายวิสิฐ กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องว่า ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยให้ชะลอตัว เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงได้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าและค่าครองชีพทั่วโลก รวมทั้งจากการเกิดการไหลเวียนของกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายในระยะสั้น ทั้งในส่วนของการเข้ามาเก็งกำไรตลาดเงินและตลาดทุนที่มีการไหลเข้าออกอย่างรวดเร็ว ซึ่งที่ผ่านมา กบข. ได้มีการติดตามสถานการณ์การลงทุนทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันความเสี่ยง

ทั้งนี้ กบข. ได้มีการประเมินสถานการณ์การลงทุนเป็นระยะเพื่อป้องกันความเสี่ยง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาการลงทุนของ กบข. มีนโยบายกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความหลากหลาย ทั้งในและต่างประเทศ โดยมองหาลู่ทางการลงทุนใหม่ๆ ยกตัวอย่างเช่น การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หรือการร่วมลงทุนในลักษณะ Private Equity อีกทั้งมีนโยบายทำการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อป้องกันการขาดทุนจากความผันผวนของค่าเงิน ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันการลงทุน และสร้างผลตอบแทนระยะยาวในระดับที่เหมาะสมให้กับสมาชิกได้เป็นอย่างดี

“ราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา กดดันให้ต้นทุนการผลิตสินค้าปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องขยับราคาสินค้าตาม ทำให้ผู้บริโภคต้องแบกรับภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาหน่วยงานต่างๆของภาครัฐเร่งหามาตรการรองรับและหาแนวทางแก้ไขปัญหา เพื่อป้องกันไม่ให้ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ประชาชนทุกคนจำเป็นต้องร่วมมือกันประหยัดการใช้พลังงานอย่างจริงจัง เพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นอีก ซึ่งจะเป็นปัญหาที่ท้าทายสำหรับเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในอนาคต ที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศ”นายวิสิฐ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น