กบข.คาดสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทบต้นทุนสินค้า - ค่าครองชีพ ส่งผลต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เร่งปรับกลยุทธ์ลงทุนรับมือตลาดทุน-ตลาดเงินผันผวน
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องว่า ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยให้ชะลอตัว เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงได้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าและค่าครองชีพทั่วโลก รวมทั้งจากการเกิดการไหลเวียนของกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายในระยะสั้น ทั้งในส่วนของการเข้ามาเก็งกำไรตลาดเงินและตลาดทุนที่มีการไหลเข้าออกอย่างรวดเร็ว ซึ่งที่ผ่านมา กบข. ได้มีการติดตามสถานการณ์การลงทุนทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันความเสี่ยง
ทั้งนี้ กบข. ได้มีการประเมินสถานการณ์การลงทุนเป็นระยะ เพื่อป้องกันความเสี่ยง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาการลงทุนของ กบข. มีนโยบายกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความหลากหลาย ทั้งในและต่างประเทศ โดยมองหาลู่ทางการลงทุนใหม่ๆ ยกตัวอย่างเช่น การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หรือการร่วมลงทุนในลักษณะ Private Equity อีกทั้งมีนโยบายทำการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อป้องกันการขาดทุนจากความผันผวนของค่าเงิน ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันการลงทุน และสร้างผลตอบแทนระยะยาวในระดับที่เหมาะสมให้กับสมาชิกได้เป็นอย่างดี
“ราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา กดดันให้ต้นทุนการผลิตสินค้าปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องขยับราคาสินค้าตาม ทำให้ผู้บริโภคต้องแบกรับภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาหน่วยงานต่างๆของภาครัฐเร่งหามาตรการรองรับและหาแนวทางแก้ไขปัญหา เพื่อป้องกันไม่ให้ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ประชาชนทุกคนจำเป็นต้องร่วมมือกันประหยัดการใช้พลังงานอย่างจริงจัง เพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นอีก ซึ่งจะเป็นปัญหาที่ท้าทายสำหรับเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในอนาคต ที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศ”นายวิสิฐ กล่าว
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องว่า ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยให้ชะลอตัว เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงได้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าและค่าครองชีพทั่วโลก รวมทั้งจากการเกิดการไหลเวียนของกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายในระยะสั้น ทั้งในส่วนของการเข้ามาเก็งกำไรตลาดเงินและตลาดทุนที่มีการไหลเข้าออกอย่างรวดเร็ว ซึ่งที่ผ่านมา กบข. ได้มีการติดตามสถานการณ์การลงทุนทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันความเสี่ยง
ทั้งนี้ กบข. ได้มีการประเมินสถานการณ์การลงทุนเป็นระยะ เพื่อป้องกันความเสี่ยง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาการลงทุนของ กบข. มีนโยบายกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความหลากหลาย ทั้งในและต่างประเทศ โดยมองหาลู่ทางการลงทุนใหม่ๆ ยกตัวอย่างเช่น การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หรือการร่วมลงทุนในลักษณะ Private Equity อีกทั้งมีนโยบายทำการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อป้องกันการขาดทุนจากความผันผวนของค่าเงิน ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันการลงทุน และสร้างผลตอบแทนระยะยาวในระดับที่เหมาะสมให้กับสมาชิกได้เป็นอย่างดี
“ราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา กดดันให้ต้นทุนการผลิตสินค้าปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องขยับราคาสินค้าตาม ทำให้ผู้บริโภคต้องแบกรับภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาหน่วยงานต่างๆของภาครัฐเร่งหามาตรการรองรับและหาแนวทางแก้ไขปัญหา เพื่อป้องกันไม่ให้ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ประชาชนทุกคนจำเป็นต้องร่วมมือกันประหยัดการใช้พลังงานอย่างจริงจัง เพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นอีก ซึ่งจะเป็นปัญหาที่ท้าทายสำหรับเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในอนาคต ที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศ”นายวิสิฐ กล่าว