"วิสิฐ" มองหุ้นไทยระยะสั้น ยังผันผวนตามแนวโน้มต่างประเทศ หลังโดนภาวะเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยทำพิษ บวกกับปัจจัยในประเทศ โดยเฉพาะการเมืองที่ยังไม่ชัดเจน เผยเดินหน้าส่งเงินลุยนอกเป็น 2,000 ล้านบาทภายในปีนี้
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยขณะนี้ กบข.เห็นว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ยังคงผันผวน เนื่องจากยังอิงกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง ตามภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่อยู่ในภาวะถดถอย ประกอบกับได้รับปัจจัยลบจากประเด็นภายในประเทศ ทั้งเรื่องการเมืองที่ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งมองว่าอาจส่งผลกระทบอีกในระยะสั้นต่อจิตวิทยาการลงทุน
อย่างไรก็ดี ในแง่ของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น เห็นว่า แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากเรื่องดอกเบี้ย และเรื่องปัญหาต้นทุนการก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน แต่มั่นใจว่าหากเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น มีการลงทุนมากขึ้น ก็จะทำให้มีการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น และในแง่ความต้องการที่อยู่อาศัยนั้น ยังคงมีต่อเนื่อง เพราะบ้านถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต
ขณะนี้กบข.มีแผนที่จะเพิ่มพอร์ตการลงทุนในต่างประเทศให้เพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันที่ลงทุนแล้ว 1,500 ล้านบาท เป็น 2,000 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ หรือ 15% ของเงินสมาชิกกบข. ที่ 320,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ มองว่าผลตอบแทนจากการลงทุนทั้งในและต่างประเทศนั้นใกล้เคียงกัน หากประเมินผลในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา แต่คงประเมินตัวเลขผลตอบแทนได้ยาก เนื่องจากขณะนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างปรับตัวลดลง จากปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะซับไพร์ม อย่างไรก็ดี แม้กบข.จะลงทุนในต่างประเทศเป็นเงินสกุลดอลลาร์ แต่ไม่รู้สึกกังวลเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยน เพราะ กบข.ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้แล้ว 100% เพื่อลดความเสี่ยงและความผันผวนได้พอสมควร
ก่อนหน้านี้ นายวิสิฐกล่าวว่า กบข.อยู่ระหว่างพิจารณาคัดเลือกผู้จัดการกองทุนในประเทศและต่างประเทศเพื่อบริหารเงินกองทุนของกบข.เพิ่ม โดยในส่วนของผู้จัดการกองทุนในประเทศนั้น อาจจะพิจารณาจากผู้จัดการกองทุนที่บริหารเงินของกบข.อยู่แล้ว ซึ่งการคัดเลือกดังกล่าวจะดูจากผลงานของผู้จัดการกองทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในช่วงที่ผ่านมา หรืออาจจะคัดเลือกผู้จัดการกองทุนรายใหม่ โดยวงเงินที่ กบข.จะจัดสรรให้ผู้จัดการกองทุนบริหารเพิ่มนั้น มีมูลค่าประมาณ 1-1.5 หมื่นล้านบาท จากจำนวนเงินเดิมที่บริหารอยู่แล้วประมาณ 5 หมื่นล้านบาทจากผู้จัดการกองทุน 7 ราย
ส่วนผู้จัดการกองทุนในต่างประเทศ ก็กำลังอยู่ระหว่างคัดเลือกเพิ่มเติมเช่นกัน โดยในส่วนนี้จะเป็นการเพิ่มผู้จัดการกองทุนเพื่อเข้ามาบริหารเงินลงทุนในตลาดหุ้น การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (REATs) และการลงทุนทางเลือก (Private Equity) ในต่างประเทศ ซึ่งวงเงินสำหรับผู้จัดการกองทุนในต่างประเทศนั้น มีจำนวนประมาณ 2 หมื่นล้านบาท จากเงินลงทุนที่ให้บริหารอยู่ประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท หรือ 800 ล้านเหรียญสหรัฐ จากผู้จัดการกองทุนทั้งหมด 13 ราย
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยขณะนี้ กบข.เห็นว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ยังคงผันผวน เนื่องจากยังอิงกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง ตามภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่อยู่ในภาวะถดถอย ประกอบกับได้รับปัจจัยลบจากประเด็นภายในประเทศ ทั้งเรื่องการเมืองที่ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งมองว่าอาจส่งผลกระทบอีกในระยะสั้นต่อจิตวิทยาการลงทุน
อย่างไรก็ดี ในแง่ของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น เห็นว่า แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากเรื่องดอกเบี้ย และเรื่องปัญหาต้นทุนการก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน แต่มั่นใจว่าหากเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น มีการลงทุนมากขึ้น ก็จะทำให้มีการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น และในแง่ความต้องการที่อยู่อาศัยนั้น ยังคงมีต่อเนื่อง เพราะบ้านถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต
ขณะนี้กบข.มีแผนที่จะเพิ่มพอร์ตการลงทุนในต่างประเทศให้เพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันที่ลงทุนแล้ว 1,500 ล้านบาท เป็น 2,000 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ หรือ 15% ของเงินสมาชิกกบข. ที่ 320,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ มองว่าผลตอบแทนจากการลงทุนทั้งในและต่างประเทศนั้นใกล้เคียงกัน หากประเมินผลในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา แต่คงประเมินตัวเลขผลตอบแทนได้ยาก เนื่องจากขณะนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างปรับตัวลดลง จากปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะซับไพร์ม อย่างไรก็ดี แม้กบข.จะลงทุนในต่างประเทศเป็นเงินสกุลดอลลาร์ แต่ไม่รู้สึกกังวลเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยน เพราะ กบข.ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้แล้ว 100% เพื่อลดความเสี่ยงและความผันผวนได้พอสมควร
ก่อนหน้านี้ นายวิสิฐกล่าวว่า กบข.อยู่ระหว่างพิจารณาคัดเลือกผู้จัดการกองทุนในประเทศและต่างประเทศเพื่อบริหารเงินกองทุนของกบข.เพิ่ม โดยในส่วนของผู้จัดการกองทุนในประเทศนั้น อาจจะพิจารณาจากผู้จัดการกองทุนที่บริหารเงินของกบข.อยู่แล้ว ซึ่งการคัดเลือกดังกล่าวจะดูจากผลงานของผู้จัดการกองทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในช่วงที่ผ่านมา หรืออาจจะคัดเลือกผู้จัดการกองทุนรายใหม่ โดยวงเงินที่ กบข.จะจัดสรรให้ผู้จัดการกองทุนบริหารเพิ่มนั้น มีมูลค่าประมาณ 1-1.5 หมื่นล้านบาท จากจำนวนเงินเดิมที่บริหารอยู่แล้วประมาณ 5 หมื่นล้านบาทจากผู้จัดการกองทุน 7 ราย
ส่วนผู้จัดการกองทุนในต่างประเทศ ก็กำลังอยู่ระหว่างคัดเลือกเพิ่มเติมเช่นกัน โดยในส่วนนี้จะเป็นการเพิ่มผู้จัดการกองทุนเพื่อเข้ามาบริหารเงินลงทุนในตลาดหุ้น การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (REATs) และการลงทุนทางเลือก (Private Equity) ในต่างประเทศ ซึ่งวงเงินสำหรับผู้จัดการกองทุนในต่างประเทศนั้น มีจำนวนประมาณ 2 หมื่นล้านบาท จากเงินลงทุนที่ให้บริหารอยู่ประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท หรือ 800 ล้านเหรียญสหรัฐ จากผู้จัดการกองทุนทั้งหมด 13 ราย