xs
xsm
sm
md
lg

กบข.มองจีดีพีโต5.5%ชี้ศก.โลก-น้ำมันน่าห่วง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - กบข.มั่นใจจีดีพีปีนี้โต 5-5.5% หลังรัฐบาลใหม่เร่งลงทุนเมกะโปรเจกต์ ดันการบริโภค-ลงทุนฟื้นตัว "วิสิฐ" เผย ปีนี้ เดินเกมการลงทุนอย่างระวัง เหตุความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกผันผวน-ราคาน้ำมันพุ่ง ยังน่าห่วง แจงพอร์ตการลงทุน ยังให้น้ำหนักตราสารหนี้- พันธบัตรในประเทศเป็นหลัก พร้อมเดินหน้าลุยต่างประเทศตามเพดาน 25%

นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการ คณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลมีนโยบายลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) เชื่อว่าจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตได้ถึง 5 - 5.5% ตามคาดการณ์ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่ขยายตัว 4.7%

“จากสถานการณ์การเมืองที่มีความชัดเจน ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในการบริโภค การลงทุนของภาคเอกชนฟื้นกลับ ซึ่งจากตัวเลขอัตราการใช้กำลังการผลิตในหลายๆ อุตสาหกรรม พบว่ามีการใช้กำลังการผลิตใกล้เต็มที่แล้ว หากผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจ คาดว่าจะเกิดการลงทุนเพิ่ม เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่มีความกังวลในการขยายกำลังการผลิต” นายวิสิฐกล่าว

ส่วนแนวโน้มการลงทุนในปีนี้ คาดว่ายังคงมีปัจจัยเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ส่งผลให้ กบข.มีความจำเป็นต้องระมัดระวังการลงทุน และปรับกลยุทธ์การลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้นจากความผันผวนของตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้ ที่เกิดขึ้นจากเงินทุนเคลื่อนย้าย

ด้านปัจจัยเสี่ยงการลงทุนในปีนี้ มองว่าเรื่องของราคาน้ำมันยังคงเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญ ที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของโลก อีกทั้งยังมีการคาดการณ์ว่า ในการประชุมโอเปกในเดือนนี้ส่งผลไม่มีการเพิ่มกำลังการผลิต ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันทรงตัวเหนือระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และจากราคาน้ำมันที่มีความผันผวนนี้เอง ทำให้ต้นทุนราคาสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ได้ส่งผลกระทบโดยตรงกับเศรษฐกิจโลก ซึ่งทำให้หน่วยงานเศรษฐกิจหลายหน่วยงานได้ปรับประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกลง และเป็นแรงกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงถึง1.25 %ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ลดลงเหลือ 3%

สำหรับพอร์ตการลงทุน กบข. ยังคงให้น้ำหนักลงทุนในตราสารหนี้ พันธบัตร ในประเทศเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ร้อยละ 12-13 นอกจากนี้เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงการลงทุน กบข. เตรียมขยายการลงทุนในต่างประเทศผ่าน ตราสารทุน ตราสารหนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) และ นิติบุคคลเอกชน (Private Equity) โดยมีเพดานการลงทุนในต่างประเทศ ไม่เกิน 25% ของพอร์ตลงทุนทั้งหมด

ก่อนหน้านี้ นายวิสิฐ กล่าวว่า กบข. ได้ขายทำกำไรจากการลงทุนในตราสารหนี้ออกไปบางส่วน หลังจากจากอัตราดอกเบี้ยในตลาดตราสารหนี้ปรับตัวลดลง อันเป็นผลจากการคาดการณ์ว่าจะมีนักลงทุนเข้ามามาขึ้น ส่งผลให้การลงทุนในตราสารหนี้ของกบข. ได้รับผลตอบแทนค่อนข้างดี เนื่องจากพอร์ตการลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในตราสารหนี้ระยะยาว ซึ่งปัจจุบันกบข.มีพอร์ตการลงทุนประมาณ 58% โดยมีอายุการลงทุนเฉลี่ยประมาณ 4-4.5 ปี

ทั้งนี้ กำไรจากการขายตราสารหนี้ออกไปส่วนหนึ่ง กบข.จะนำไปเพิ่มพอร์ตการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า เพดานการลงทุนในต่างประเทศของกบข.จะขยับขึ้นอีก 2-3% จากปัจจุบันอยู่ที่ 14% อย่างไรก็ตาม การเพิ่มสัดส่วนการลงทุนต่างประเทศดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายการลงทุนของกบข. เอง โดยไม่เกี่ยวกับมาตรการของธนานาคารแห่งประเทศไทย ที่สนับสนุนให้มีการออกไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนดังกล่าว คงเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป โดยปัจจุบัน กบข.มีมีเพดานการลงทุนในต่างประเทศอยู่ที่ 25%

นายวิสิฐกล่าวว่า สำหรับสินทรัพย์ที่กบข.สนใจลงทุนในต่างประเทศนั้น มีทั้งการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก เอเชีย รวมถึงการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศด้วย ซึ่งปัจจุบันกองทุนตราสารหนี้ในต่างประเทศ ให้ผลตอบแทนประมาณ 8-10% สูงกว่าผลตอบแทนในประเทศประมาณ 1-2% โดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในประเทศให้ผลตอบแทนประมาณ 7-9%

ส่วนการยกเลิกมาตรการ 30% มองว่า จะส่งผลให้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในประเทศได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ ส่วนจะทำให้สถาพคล่องของกองทุนในตลาดเพิ่มขึ้นหรือไม่คงประเมินไม่ได้ เพราะต้องขึ้นอยู่กับสภาพคล่องในตลาดของกองทุนนั้นๆ ด้วย ซึ่งการลงทุนที่ดีและจะได้รับความสนใจ ต้องเป็นกองทุนที่มีขนาดใหญ่พอสมควร

ทั้งนี้ กบข.คาดว่าเม็ดเงินที่กบข.จะมีการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 3,000-5,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1-1.5% ของสินทรัพย์ของกบข. อย่างไรก็ตาม กบข.ยังมองว่าทั้งปีนี้ กบข.จะมีผลตอบแทนจากลงทุนประมาณ 5-6%
กำลังโหลดความคิดเห็น