บลจ.ทิสโก้ระบุแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศที่จะปรับขึ้น อาจส่งผลดีต่อการลงทุนในพันธบัตรไม่มาก เหตุยิลด์บอนด์ในประเทศมักปรับตัวแซงหน้าไปแล้วระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันเชื่อกองบอนด์โสมยังน่าสน เหตุปัจจัยหนุนเพียบทั้งเรื่องเรตติ้ง และยิลดที่ได้จากการลงทุนเมื่อเทียบกับพันธบัตรไทยอายุเดียวกัน ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนจะเป็นตัวแปรให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้มีผลตอบแทนเพิ่มขึ้น
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส รองกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศที่คาดการณ์ว่าจะมีการปรับตัวสูงขึ้นในช่วงปลายปีนี้ และทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่หันกลับมาลงทุนภายในประเทศมากขึ้นนั้น คงจะต้องดูตามสถาการณ์อีกครั้ง เนื่องจากปัจจุบันอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลมีการปรับตัวขึ้นตามคาดการณ์ไปแล้ว ซึ่งหากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นจริง ผลตอบแทนของพันธบัตรอาจไม่ปรับตามก็เป็นได้
“สมมุติว่าคนขึ้นว่าดอกเบี้ยมันจะขึ้น ยิลด์ของพันธบัตรมันปรับตัวแซงหน้าไปก่อนตามคาดการณ์แล้ว ซึ่งถึงแม้จะมีการปรับขึ้นอัตราดอเบี้ยไม่แน่บอนด์ยิลด์อาจไม่ขยับด้วยซ้ำ ซึ่งตอนนี้หากบอนด์ยิลด์มันปรับไปถึง 4% ในอนาคตมันจะปรับลดลงเหลือ 3.75% ก็ได้ เพราะมันปรับไปแล้วรอบหนึ่ง ถึงเวลาจริงไม่ก็ไม่ขยับแล้ว”นายธีรนาถกล่าว
นอกจากนี้ นายธีรนาถ ยังกล่าวถึงการลงทุนในพันธบัตรเกาหลีด้วยว่า ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงที่น่าสนใจอยู่เนื่องจากผลตอบแทนที่ได้รับยังสูงกว่า การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทยที่มีอายุใกล้เคียงกัน ถึงแม้ที่ผ่านมาผลตอบแทนของพันธบัตรเกาหลีจะลดลงไปบ้าง ซึ่งหากมองในแง่การลงทุนแล้วผลตอบแทนของตัวพันธบัตร กับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศเกาหลีที่สูงกว่าประเทศไทย การลงทุนในลักษณะนี้ยังมีส่วนต่างในการหาผลตอบแทนอยู่เช่นกัน
“ยิลด์ที่ได้ในการลงทุนยังดีกว่า พันธบัตรรัฐบาลไทยระยะเวลาเดียวกัน ยิลด์มันจะประมาณ 3% แต่ที่ลงในพันธบัตรเกาหลีหักค่าใช้จ่ายแล้วมันยังได้มากกว่าที่ 3.5% มันก็คุ้ม”นายธีรนาถกล่าว
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในต่างประเทศนอกเหนือจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่นักลงทุนคำนึงถึงแล้ว ยังมีส่วนของอัตราแลกเปลี่ยนในกรณีที่นักลงทุนสามารถรับความเสี่ยงได้เป็นตัวแปรในการลงทุนด้วย โดยหากอัตรแลกเปลี่ยนของค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลงอีก เป็นได้ว่าผลตอแทนที่ได้รับจะสูงขึ้นกว่าเท่าตัวได้เช่นกัน
ส่วนการที่บริษัทเปิดขายกองทุนเปิดทิสโก้ พันธบัตร เกาหลีในระหว่างวันที่ 22-28 พฤษภาคม เนื่องจากมีความต้องการของลูกค้าเข้ามา แต่มิได้คาดหวังว่ายอดจองจะต้องล้นมูลค่าโครงการ ซึ่งก่อนบริษัทออกกองนี้มาเพื่อสนองความต้องการของลูกค้าที่เรียกร้องมาเท่านั้น โดยขณะนี้ยังไม่ทราบว่ายอดจองหน่วยลงทุนทั้งหมดเป็นเท่าไร
"เราเปิดกองนี้มาเพราะมีลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่อยากซื้ออยู่เรียกร้อง แต่ยอดคงไม่มาก เพราะก่อนหน้านี้มีหลายบลจ.ออกไปแล้ว แต่ไม่ได้ปิดกั้นว่าต้องเป็นลูกค้าของเราเท่านั้น เพราะหากลูกค้าใหม่เข้ามาก็ดี โดยยอดที่ได้ยังไม่ทราบ แต่คิดว่าคงไม่หวือหวาหรือเป็น พันล้านไม่ได้คิดถึงขนาดนั้น"นายธีรนาถกล่าว
สำหรับกองทุนเปิดทิสโก้พันธบัตรเกาหลี มีอายุโครงการประมาณ 1 ปี 15 วัน ระหว่างวันที่ 22-28 พฤษภาคมนี้ และนโยบายการลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่รัฐบาล องค์กร หรือหน่วยงานของรัฐบาลประเทศเกาหลีเป็นผู้ หรือผู้ค้ำประกัน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ส่วนตราสารที่คาดว่าจะลงทุนได้แก่ พันบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ประมาณ 95% และพันธบัตรรัฐบาลไทยประมาณ 5%
โดยผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนจะอยู่ที่ประมาณ 3.5% ต่อปี ภายหลังหักค่าใช้จ่ายในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และค่าธรรมเนียมของกองทุน
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส รองกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศที่คาดการณ์ว่าจะมีการปรับตัวสูงขึ้นในช่วงปลายปีนี้ และทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่หันกลับมาลงทุนภายในประเทศมากขึ้นนั้น คงจะต้องดูตามสถาการณ์อีกครั้ง เนื่องจากปัจจุบันอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลมีการปรับตัวขึ้นตามคาดการณ์ไปแล้ว ซึ่งหากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นจริง ผลตอบแทนของพันธบัตรอาจไม่ปรับตามก็เป็นได้
“สมมุติว่าคนขึ้นว่าดอกเบี้ยมันจะขึ้น ยิลด์ของพันธบัตรมันปรับตัวแซงหน้าไปก่อนตามคาดการณ์แล้ว ซึ่งถึงแม้จะมีการปรับขึ้นอัตราดอเบี้ยไม่แน่บอนด์ยิลด์อาจไม่ขยับด้วยซ้ำ ซึ่งตอนนี้หากบอนด์ยิลด์มันปรับไปถึง 4% ในอนาคตมันจะปรับลดลงเหลือ 3.75% ก็ได้ เพราะมันปรับไปแล้วรอบหนึ่ง ถึงเวลาจริงไม่ก็ไม่ขยับแล้ว”นายธีรนาถกล่าว
นอกจากนี้ นายธีรนาถ ยังกล่าวถึงการลงทุนในพันธบัตรเกาหลีด้วยว่า ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงที่น่าสนใจอยู่เนื่องจากผลตอบแทนที่ได้รับยังสูงกว่า การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทยที่มีอายุใกล้เคียงกัน ถึงแม้ที่ผ่านมาผลตอบแทนของพันธบัตรเกาหลีจะลดลงไปบ้าง ซึ่งหากมองในแง่การลงทุนแล้วผลตอบแทนของตัวพันธบัตร กับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศเกาหลีที่สูงกว่าประเทศไทย การลงทุนในลักษณะนี้ยังมีส่วนต่างในการหาผลตอบแทนอยู่เช่นกัน
“ยิลด์ที่ได้ในการลงทุนยังดีกว่า พันธบัตรรัฐบาลไทยระยะเวลาเดียวกัน ยิลด์มันจะประมาณ 3% แต่ที่ลงในพันธบัตรเกาหลีหักค่าใช้จ่ายแล้วมันยังได้มากกว่าที่ 3.5% มันก็คุ้ม”นายธีรนาถกล่าว
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในต่างประเทศนอกเหนือจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่นักลงทุนคำนึงถึงแล้ว ยังมีส่วนของอัตราแลกเปลี่ยนในกรณีที่นักลงทุนสามารถรับความเสี่ยงได้เป็นตัวแปรในการลงทุนด้วย โดยหากอัตรแลกเปลี่ยนของค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลงอีก เป็นได้ว่าผลตอแทนที่ได้รับจะสูงขึ้นกว่าเท่าตัวได้เช่นกัน
ส่วนการที่บริษัทเปิดขายกองทุนเปิดทิสโก้ พันธบัตร เกาหลีในระหว่างวันที่ 22-28 พฤษภาคม เนื่องจากมีความต้องการของลูกค้าเข้ามา แต่มิได้คาดหวังว่ายอดจองจะต้องล้นมูลค่าโครงการ ซึ่งก่อนบริษัทออกกองนี้มาเพื่อสนองความต้องการของลูกค้าที่เรียกร้องมาเท่านั้น โดยขณะนี้ยังไม่ทราบว่ายอดจองหน่วยลงทุนทั้งหมดเป็นเท่าไร
"เราเปิดกองนี้มาเพราะมีลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่อยากซื้ออยู่เรียกร้อง แต่ยอดคงไม่มาก เพราะก่อนหน้านี้มีหลายบลจ.ออกไปแล้ว แต่ไม่ได้ปิดกั้นว่าต้องเป็นลูกค้าของเราเท่านั้น เพราะหากลูกค้าใหม่เข้ามาก็ดี โดยยอดที่ได้ยังไม่ทราบ แต่คิดว่าคงไม่หวือหวาหรือเป็น พันล้านไม่ได้คิดถึงขนาดนั้น"นายธีรนาถกล่าว
สำหรับกองทุนเปิดทิสโก้พันธบัตรเกาหลี มีอายุโครงการประมาณ 1 ปี 15 วัน ระหว่างวันที่ 22-28 พฤษภาคมนี้ และนโยบายการลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่รัฐบาล องค์กร หรือหน่วยงานของรัฐบาลประเทศเกาหลีเป็นผู้ หรือผู้ค้ำประกัน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ส่วนตราสารที่คาดว่าจะลงทุนได้แก่ พันบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ประมาณ 95% และพันธบัตรรัฐบาลไทยประมาณ 5%
โดยผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนจะอยู่ที่ประมาณ 3.5% ต่อปี ภายหลังหักค่าใช้จ่ายในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และค่าธรรมเนียมของกองทุน