บลจ. ทิสโก้จับจังหวะยิลด์ตราสารหนี้เอกชนพุ่ง เตรียมออกกองทุนใหม่ ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 4 ยั่วน้ำลายนักลงทุน 2-9 มิถุนายนนี้ เผยจุดเด่นลงทุน 3 ปี จ่ายผลตอบแทนสม่ำเสมอทุก 6 เดือน ซึ่งดีกว่าการลงทุนระยะสั้นที่ผลตอบแทนไม่แน่นอน
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์ในขณะนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอายุประมาณ 3 ปี เนื่องจากผลตอบแทนมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากและน่าสนใจเมื่อเปรียบเทียบกับดอกเบี้ยเงินฝากและพันธบัตรรัฐบาล
นอกจากนี้การที่อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ปรับตัวสูงขึ้นเกินกว่าที่ควรจะเป็น เพราะเมื่อเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง ผลตอบแทนของตราสารดังกล่าวอาจมีการปรับตัวลดลง ดังนั้นบลจ.ทิสโก้จึงเชื่อว่าหากสามารถล็อกผลตอบแทนในอัตราที่ดีไว้ได้ นักลงทุนจะสามารถรักษาผลตอบแทนในอัตราที่คงที่ได้อย่างสม่ำเสมอตลอดอายุการลงทุนที่อยู่ประมาณ 3 ปี ซึ่งดีกว่าการลงทุนในระยะสั้นที่มีความไม่แน่นอนของผลตอบแทน
ทั้งนี้ หลังจากที่เปิดตัวกองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส และทยอยออกกองที่ 2 และ 3 มาอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้น ล่าสุดบริษัทจึงเตรียมเปิดขายกองทุนใหม่ ได้แก่ กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 4 ในระหว่างวันที่ 2-9 มิ.ย. อายุโครงการประมาณ 3 ปี 15 วัน มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท
โดยกองทุนี้จะมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยภาคเอกชน ระยะเวลาลงทุนประมาณ 3 ปี แต่เปิดโอกาสรับผลตอบแทนสม่ำเสมอทุกๆเวลาประมาณ 6 เดือน (Auto Redemption) เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่มองหาทางเลือกการลงทุนที่เปิดโอกาสรับผลตอบแทนมากกว่าการฝากเงินในธนาคาร
นายธีรนาถกล่าวต่ออีกว่า ผลตอบแทนที่ได้กองทุนจะจ่ายผลตอบแทนให้สม่ำเสมอทุกระยะเวลาประมาณ 6 เดือน โดยการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ กองทุนนี้จึงเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงิน มีความเสี่ยงไม่มาก และที่สำคัญคือผลตอบแทนที่ได้ไม่ต้องเสียภาษีบุคคลธรรมดาอีกด้วย
นอกจากนี้ เพื่อให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นและลดระดับความเสี่ยงในการลงทุน กองทุนจึงให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ที่นำไปลงทุน โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่หรือของบริษัทเอกชนทั่วไปที่มีอันดับความน่าเชื่ออยู่ในเกณฑ์ที่ดี และมีความมั่นคง
ส่วนการที่บริษัทเปิดขายกองทุนเปิดทิสโก้ พันธบัตร เกาหลีในระหว่างวันที่ 22-28 พฤษภาคม เนื่องจากมีความต้องการของลูกค้าเข้ามา แต่มิได้คาดหวังว่ายอดจองจะต้องล้นมูลค่าโครงการ ซึ่งก่อนบริษัทออกกองนี้มาเพื่อสนองความต้องการของลูกค้าที่เรียกร้องมาเท่านั้น โดยขณะนี้ยังไม่ทราบว่ายอดจองหน่วยลงทุนทั้งหมดเป็นเท่าไร
“เปิดกองนี้มาเพราะมีลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่อยากซื้ออยู่เรียกร้อง แต่ยอดคงไม่มาก เพราะก่อนหน้านี้มีหลายบลจ.ออกไปแล้ว แต่ไม่ได้ปิดกั้นว่าต้องเป็นลูกค้าของเราเท่านั้น เพราะหากลูกค้าใหม่เข้ามาก็ดี โดยยอดที่ได้ยังไม่ทราบ แต่คิดว่าคงไม่หวือหวาหรือเป็น พันล้าน"นายธีรนาถกล่าว
สำหรับกองทุนเปิดทิสโก้พันธบัตรเกาหลี มีอายุโครงการประมาณ 1 ปี 15 วัน ระหว่างวันที่ 22-28 พฤษภาคมนี้ และนโยบายการลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่รัฐบาล องค์กร หรือหน่วยงานของรัฐบาลประเทศเกาหลีเป็นผู้ หรือผู้ค้ำประกัน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ส่วนตราสารที่คาดว่าจะลงทุนได้แก่ พันบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ประมาณ 95% และพันธบัตรรัฐบาลไทยประมาณ 5%
โดยผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนจะอยู่ที่ประมาณ 3.5% ต่อปี ภายหลังหักค่าใช้จ่ายในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และค่าธรรมเนียมของกองทุน
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์ในขณะนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอายุประมาณ 3 ปี เนื่องจากผลตอบแทนมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากและน่าสนใจเมื่อเปรียบเทียบกับดอกเบี้ยเงินฝากและพันธบัตรรัฐบาล
นอกจากนี้การที่อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ปรับตัวสูงขึ้นเกินกว่าที่ควรจะเป็น เพราะเมื่อเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง ผลตอบแทนของตราสารดังกล่าวอาจมีการปรับตัวลดลง ดังนั้นบลจ.ทิสโก้จึงเชื่อว่าหากสามารถล็อกผลตอบแทนในอัตราที่ดีไว้ได้ นักลงทุนจะสามารถรักษาผลตอบแทนในอัตราที่คงที่ได้อย่างสม่ำเสมอตลอดอายุการลงทุนที่อยู่ประมาณ 3 ปี ซึ่งดีกว่าการลงทุนในระยะสั้นที่มีความไม่แน่นอนของผลตอบแทน
ทั้งนี้ หลังจากที่เปิดตัวกองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส และทยอยออกกองที่ 2 และ 3 มาอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานั้น ล่าสุดบริษัทจึงเตรียมเปิดขายกองทุนใหม่ ได้แก่ กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 4 ในระหว่างวันที่ 2-9 มิ.ย. อายุโครงการประมาณ 3 ปี 15 วัน มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท
โดยกองทุนี้จะมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยภาคเอกชน ระยะเวลาลงทุนประมาณ 3 ปี แต่เปิดโอกาสรับผลตอบแทนสม่ำเสมอทุกๆเวลาประมาณ 6 เดือน (Auto Redemption) เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่มองหาทางเลือกการลงทุนที่เปิดโอกาสรับผลตอบแทนมากกว่าการฝากเงินในธนาคาร
นายธีรนาถกล่าวต่ออีกว่า ผลตอบแทนที่ได้กองทุนจะจ่ายผลตอบแทนให้สม่ำเสมอทุกระยะเวลาประมาณ 6 เดือน โดยการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ กองทุนนี้จึงเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงิน มีความเสี่ยงไม่มาก และที่สำคัญคือผลตอบแทนที่ได้ไม่ต้องเสียภาษีบุคคลธรรมดาอีกด้วย
นอกจากนี้ เพื่อให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นและลดระดับความเสี่ยงในการลงทุน กองทุนจึงให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ที่นำไปลงทุน โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่หรือของบริษัทเอกชนทั่วไปที่มีอันดับความน่าเชื่ออยู่ในเกณฑ์ที่ดี และมีความมั่นคง
ส่วนการที่บริษัทเปิดขายกองทุนเปิดทิสโก้ พันธบัตร เกาหลีในระหว่างวันที่ 22-28 พฤษภาคม เนื่องจากมีความต้องการของลูกค้าเข้ามา แต่มิได้คาดหวังว่ายอดจองจะต้องล้นมูลค่าโครงการ ซึ่งก่อนบริษัทออกกองนี้มาเพื่อสนองความต้องการของลูกค้าที่เรียกร้องมาเท่านั้น โดยขณะนี้ยังไม่ทราบว่ายอดจองหน่วยลงทุนทั้งหมดเป็นเท่าไร
“เปิดกองนี้มาเพราะมีลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่อยากซื้ออยู่เรียกร้อง แต่ยอดคงไม่มาก เพราะก่อนหน้านี้มีหลายบลจ.ออกไปแล้ว แต่ไม่ได้ปิดกั้นว่าต้องเป็นลูกค้าของเราเท่านั้น เพราะหากลูกค้าใหม่เข้ามาก็ดี โดยยอดที่ได้ยังไม่ทราบ แต่คิดว่าคงไม่หวือหวาหรือเป็น พันล้าน"นายธีรนาถกล่าว
สำหรับกองทุนเปิดทิสโก้พันธบัตรเกาหลี มีอายุโครงการประมาณ 1 ปี 15 วัน ระหว่างวันที่ 22-28 พฤษภาคมนี้ และนโยบายการลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่รัฐบาล องค์กร หรือหน่วยงานของรัฐบาลประเทศเกาหลีเป็นผู้ หรือผู้ค้ำประกัน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ส่วนตราสารที่คาดว่าจะลงทุนได้แก่ พันบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ประมาณ 95% และพันธบัตรรัฐบาลไทยประมาณ 5%
โดยผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนจะอยู่ที่ประมาณ 3.5% ต่อปี ภายหลังหักค่าใช้จ่ายในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และค่าธรรมเนียมของกองทุน