เทรนด์กองบอนด์โสมยังแรง 2 บลจ.เร่งออกส่งท้ายช่วงผลตอบแทนทรงตัว แอทเซทพลัสส่งกองทุนลุยพันธบัตรเกาหลีระยะเวลา 3 เดือน-6 เดือน ชูผลตอบแทน 3.35% และ3.10% ต่อปี มั่นใจยิลด์บอนด์เกาหลีไม่ทรุด หลังรัฐบาลโสมคงอัตราผลตอบแทนที่ 5% ต่อปี ด้าน บลจ.ทิสโก้ ออกกองพันธบัตรเกาหลี อายุโครงการ 1 ปี คาดผลตอบแทน 3.5% ล่อใจนักลงทุน 22-28 พ.ค.นี้ "ลดาวรรณ"ระบุเตรียมปรับอายุการลงทุนตราสารในประเทศใหม่ หลังคาดอัตราดอกเบี้ยไทยทะยานขึ้นช่วงปลายปี
นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะทำการเสนอขาย กองทุนเปิดเอฟไอเอฟตราสารหนี้ 6M2 (FIF-FIXED6M2) ที่ลงทุนในพันธบัตรประเทศเกาหลีใต้อายุประมาณ 6 เดือน และกองทุนเปิดเอฟไอเอฟตราสารหนี้ 3M1 (FIF-FIXED3M1) รอบการลงทุนทุกประมาณ 3 เดือน ระหว่างวันที่ 23 พฤษภาคม- 2 มิถุนายน
สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศในช่วงนี้เชื่อว่า ยังสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า แม้หักต้นทุนจากการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว เนื่องจากอัตราผลตอบแทนในประเทศขณะนี้ยังอยู่ในระดับต่ำ แต่สำหรับพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้อายุ 3 เดือน ปัจจุบันมีผลตอบแทนอยู่ที่ระดับประมาณ 3.40-3.50% เมื่อหักค่าใช้จ่ายการทำสัญญาสวอป เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินแล้วยังสามารถให้ผลตอบแทนที่ระดับประมาณ 3.10-3.20% โดยไม่เสียภาษี ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนพันธบัตรในประเทศอายุเดียวกันที่ระดับ 2.60%
ส่วนผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากตราสารที่ลงทุนในพอร์ตหลังจากทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนและค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 0.30% จะสามารถให้ผลตอบแทนสำหรับการลงทุน 6 เดือน ประมาณ 3.35% ต่อปี และ 3.10% ต่อปี สำหรับการลงทุนอายุประมาณ 3 เดือน
ทั้งนี้ ตราสารที่คาดว่าจะลงทุนได้แก่ Korea Treasury Bond, Korea Stabilization Bond, Korean Development Bank และ Export-Import Bank of Korea ในสัดส่วน 100% ของมูลค่าสินทรัพย์ของกองทุน
นางลดาวรรณ กล่าวอีกว่า ในช่วงกลางปีคาดว่าอัตราดอกเบี้ยยังคงทรงตัวอยู่ แต่มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นบ้างเล็กน้อยในช่วงปลายปีนี้จากภาวะอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน ในด้านการบริหารกองทุนตราสารหนี้ ผู้จัดการกองทุนได้มีการติดตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยอยู่ตลอดเวลา โดยมีการปรับ Duration ของกองทุนให้สั้นลงเพื่อให้สอดรับกับสภาวะอัตราดอกเบี้ย
สำหรับคำแนะนำด้านการลงทุน ผู้ลงทุนอาจลงทุนในตราสารระยะสั้น ๆ เพื่อให้สามารถรับกับจังหวะการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยในอนาคต โดยเลือกลงทุนจากการเปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่างการลงทุนในประเทศ และต่างประเทศหลังจากทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนแล้วว่าส่วนใดสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าในระดับความเสี่ยงและอายุการลงทุนที่เท่ากัน
ด้านนายวสุ สุทธิพงษ์ชัย ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนแอสเซท พลัส กล่าวว่า จากการที่ธนาคารชาติเกาหลีใต้ คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5% ทำให้ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐของเกาหลีใต้ในรูปเงินวอนทรงตัวอยู่ในระดับเดิม ในขณะที่ค่าประกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินวอนเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นตามค่าเงินวอนที่อ่อนตัวลง ทำให้ผลตอบแทนของกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ปรับตัวลดลงบ้างเล็กน้อยในช่วงนี้ แต่ยังให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าพันธบัตรรัฐบาลไทยในช่วงอายุเดียวกัน
“สำหรับแนวโน้มของตราสารหนี้ไทยนั้นโอกาสที่ผลตอบแทนจะปรับลดลงอีกภายในสิ้นปี 2551 มีค่อนข้างน้อย เนื่องจาก ภาวะเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยล่าสุดเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนเมษายน พุ่งสูงขึ้นถึง 6.2% ทำให้กองทุนต้องปรับลดอายุตราสารในพอร์ตการลงทุนลง และหันมาถือครองตราสารหนี้อายุสั้นๆ ประมาณ 3 เดือน 6 เดือน เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะการณ์ของตลาดและอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้” นายวสุกล่าว
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะทำการเปิดขายกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรเกาหลี อายุโครงการประมาณ 1 ปี 15 วัน ระหว่างวันที่ 22-28 พฤษภาคมนี้
ทั้งนี้ กองทุนจะมีนโยบายการลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่รัฐบาล องค์กร หรือหน่วยงานของรัฐบาลประเทศเกาหลีเป็นผู้ หรือผู้ค้ำประกัน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ส่วนตราสารที่คาดว่าจะลงทุนได้แก่ พันบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ประมาณ 95% และพันธบัตรรัฐบาลไทยประมาณ 5%
สำหรับผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนจะอยู่ที่ประมาณ 3.5% ต่อปี ภายหลังหักค่าใช้จ่ายในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และค่าธรรมเนียมของกองทุน
นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะทำการเสนอขาย กองทุนเปิดเอฟไอเอฟตราสารหนี้ 6M2 (FIF-FIXED6M2) ที่ลงทุนในพันธบัตรประเทศเกาหลีใต้อายุประมาณ 6 เดือน และกองทุนเปิดเอฟไอเอฟตราสารหนี้ 3M1 (FIF-FIXED3M1) รอบการลงทุนทุกประมาณ 3 เดือน ระหว่างวันที่ 23 พฤษภาคม- 2 มิถุนายน
สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศในช่วงนี้เชื่อว่า ยังสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า แม้หักต้นทุนจากการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว เนื่องจากอัตราผลตอบแทนในประเทศขณะนี้ยังอยู่ในระดับต่ำ แต่สำหรับพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้อายุ 3 เดือน ปัจจุบันมีผลตอบแทนอยู่ที่ระดับประมาณ 3.40-3.50% เมื่อหักค่าใช้จ่ายการทำสัญญาสวอป เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินแล้วยังสามารถให้ผลตอบแทนที่ระดับประมาณ 3.10-3.20% โดยไม่เสียภาษี ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนพันธบัตรในประเทศอายุเดียวกันที่ระดับ 2.60%
ส่วนผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากตราสารที่ลงทุนในพอร์ตหลังจากทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนและค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 0.30% จะสามารถให้ผลตอบแทนสำหรับการลงทุน 6 เดือน ประมาณ 3.35% ต่อปี และ 3.10% ต่อปี สำหรับการลงทุนอายุประมาณ 3 เดือน
ทั้งนี้ ตราสารที่คาดว่าจะลงทุนได้แก่ Korea Treasury Bond, Korea Stabilization Bond, Korean Development Bank และ Export-Import Bank of Korea ในสัดส่วน 100% ของมูลค่าสินทรัพย์ของกองทุน
นางลดาวรรณ กล่าวอีกว่า ในช่วงกลางปีคาดว่าอัตราดอกเบี้ยยังคงทรงตัวอยู่ แต่มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นบ้างเล็กน้อยในช่วงปลายปีนี้จากภาวะอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน ในด้านการบริหารกองทุนตราสารหนี้ ผู้จัดการกองทุนได้มีการติดตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยอยู่ตลอดเวลา โดยมีการปรับ Duration ของกองทุนให้สั้นลงเพื่อให้สอดรับกับสภาวะอัตราดอกเบี้ย
สำหรับคำแนะนำด้านการลงทุน ผู้ลงทุนอาจลงทุนในตราสารระยะสั้น ๆ เพื่อให้สามารถรับกับจังหวะการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยในอนาคต โดยเลือกลงทุนจากการเปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่างการลงทุนในประเทศ และต่างประเทศหลังจากทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนแล้วว่าส่วนใดสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าในระดับความเสี่ยงและอายุการลงทุนที่เท่ากัน
ด้านนายวสุ สุทธิพงษ์ชัย ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนแอสเซท พลัส กล่าวว่า จากการที่ธนาคารชาติเกาหลีใต้ คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5% ทำให้ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐของเกาหลีใต้ในรูปเงินวอนทรงตัวอยู่ในระดับเดิม ในขณะที่ค่าประกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินวอนเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นตามค่าเงินวอนที่อ่อนตัวลง ทำให้ผลตอบแทนของกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ปรับตัวลดลงบ้างเล็กน้อยในช่วงนี้ แต่ยังให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าพันธบัตรรัฐบาลไทยในช่วงอายุเดียวกัน
“สำหรับแนวโน้มของตราสารหนี้ไทยนั้นโอกาสที่ผลตอบแทนจะปรับลดลงอีกภายในสิ้นปี 2551 มีค่อนข้างน้อย เนื่องจาก ภาวะเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยล่าสุดเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนเมษายน พุ่งสูงขึ้นถึง 6.2% ทำให้กองทุนต้องปรับลดอายุตราสารในพอร์ตการลงทุนลง และหันมาถือครองตราสารหนี้อายุสั้นๆ ประมาณ 3 เดือน 6 เดือน เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะการณ์ของตลาดและอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้” นายวสุกล่าว
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะทำการเปิดขายกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรเกาหลี อายุโครงการประมาณ 1 ปี 15 วัน ระหว่างวันที่ 22-28 พฤษภาคมนี้
ทั้งนี้ กองทุนจะมีนโยบายการลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่รัฐบาล องค์กร หรือหน่วยงานของรัฐบาลประเทศเกาหลีเป็นผู้ หรือผู้ค้ำประกัน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ส่วนตราสารที่คาดว่าจะลงทุนได้แก่ พันบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ประมาณ 95% และพันธบัตรรัฐบาลไทยประมาณ 5%
สำหรับผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนจะอยู่ที่ประมาณ 3.5% ต่อปี ภายหลังหักค่าใช้จ่ายในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และค่าธรรมเนียมของกองทุน
