บลจ.แอสเซท พลัส จ่อคิวกองทุนพันธบัตรเกาหลีอายุ 6 เดือนกองที่ 2 เตรียมเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 20 -27 พฤษภาคมนี้ คาดการณ์ให้ผลตอบแทน 3.10-3.50% ต่อปี หลังกองทุนแรกประสบความสำเร็จ ระดมทุนได้กว่า 1,054 ล้านบาท ผู้บริหารระบุ ส่วนต่างดอกเบี้ยเกาหลีและไทยยังน่าจูงใจ พร้อมจับตาแนวโน้มการลงทุนอย่างใกล้ชิด หากตลาดเอื้อกองอายุสั้น 3 เดือน ส่งลุยตลาดทันที ด้าน บลจ.บีที พอใจยอดกองทุนนิวซีแลนด์ เล็งออกกองทุนต่อเนื่องเช่นกัน
นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเสนอขายกองทุนพันธบัตรรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการลงทุนระยะสั้น 6 เดือน เพื่อตอบสนองผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารระยะสั้น ๆ ไม่เกิน 1 ปี ได้แก่ กองทุนเปิดเอฟไอเอฟตราสารหนี้ 6M2 อายุ 6 เดือน โดยจะเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 20 -27 พฤษภาคม นี้ นอกจากนี้ ทางบริษัทเตรียมออกกองทุนระยะสั้นอายุ 3 เดือน ซึ่งลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้เช่นกัน
สำหรับผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ระยะสั้น อายุ 6 เดือน ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 3.50-3.90% ต่อปี ซึ่งคาดว่าผลตอบแทนจากตราสารที่คาดว่าจะลงทุนในพอร์ต เช่น Korea Treasury Bond, Korea Stabilization Bond, Korean Development Bank และ Export-Import Bank of Korea ในสัดส่วน 100% หลังจากทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนและค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 0.40% จะสามารถให้ผลตอบแทนสำหรับการลงทุน 6 เดือน 3.10-3.50% ต่อปี
ก่อนหน้านี้ กองทุนเปิดเอฟไอเอฟตราสารหนี้ 6M ที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้อายุประมาณ 6 เดือนซึ่งปิดการเสนอขายครั้งแรก เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทาง บลจ. สามารถระดมทุนได้ 1,054 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุนอยู่ที่ 3.50% ต่อปี
นางลดาวรรณ กล่าวต่อว่า แนวโน้มการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ คาดว่าจะยังสามารถให้ผลตอบแทนจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยนในระดับที่จูงใจ ซึ่งบริษัทฯ ได้ติดตามแนวโน้มการลงทุนเพื่อหาจังหวะการลงทุนอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้หากพบจังหวะการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ ทาง บลจ.จะออกกองทุนเพื่อลงทุนในตราสารดังกล่าวต่อ เช่น กองทุนที่มีอายุสั้น ๆ ประมาณ 3 เดือน เป็นต้น
ด้านนายเจิดพันธุ์ นิธยายน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการด้านจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อวันที่ 29 เมษายน – 7 พฤษภาคม 2551 บริษัทได้ทำการเปิดขายกองทุนบีที FIF ตราสารหนี้ 6/2 (BT-FIF-FIX 6/2) ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากสามารถทำการปิดยอดขายไปได้กว่า 646 ล้านบาท ซึ่งถือว่ายอดดังกล่าวเกินคาดจากที่ได้ตั้งเป้าไว้เพียง 500 – 600 ล้านบาทเท่านั้น
ทั้งนี้ สาเหตุที่กองทุนเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ของสถาบันการเงิน ณ ประเทศนิวซีแลนด์นั้นเนื่องจากสกุลเงินดังกล่าวมีอัตราการอิงกับเงินบาทที่ไปในทิศทางเดียวกันประมาณ 85% โดยไม่ปิดความเสี่ยง เนื่องจากมองว่าช่วงระยะเวลาของโครงการ 6 เดือนนั้น อัตราดอกเบี้ยและเงินต้นยังคงมีความผันผวนไม่มากนัก โดยกองทุนคาดว่าจะให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วประมาณ 6.5 – 7.00%
“สำหรับกองทุน BT-FIF-FIX 6/2 ที่เข้าไปลงทุนในสกุลเงินนิวซีแลนด์ ถือว่ายังสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีอยู่ในขณะนี้ ซึ่งคาดว่าบริษัทจะทำการเปิดกองทุนได้อีก แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องรดดูจังหวะหรือสถานการณ์ที่เหมาะสมในการเปิดขายด้วย เพราะกองทุนประเภทดังกล่าวยังคงมีความเสี่ยงอยู่บ้าง” นายเจิดพันธุ์กล่าว
สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุน จะเข้าไปลงทุนในต่างประเทศ และต้องการสร้างโอกาสในการรับผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นที่บริษัทจัดการพิจารณาแล้วว่าเป็นตราสารที่มีคุณภาพ ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ โดยสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงาน และกองทุนจะทำการถือครองตราสารหนี้ดังกล่าวจนครบกำหนดอายุโครงการด้วย
นอกจากนี้ กองทุนมีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ โดยสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงาน เพื่อเป็นทรัพย์สินของกองทุนรวมมีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวม ส่วนที่เหลือกองทุนอาจจะพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก , เงินฝาก , ตราสารหนี้ในประเทศที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรองเงินไว้สำหรับการดำเนินงาน ,รอการลงทุนหรือรักษาสภาพคล่องของกองทุน
นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเสนอขายกองทุนพันธบัตรรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการลงทุนระยะสั้น 6 เดือน เพื่อตอบสนองผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารระยะสั้น ๆ ไม่เกิน 1 ปี ได้แก่ กองทุนเปิดเอฟไอเอฟตราสารหนี้ 6M2 อายุ 6 เดือน โดยจะเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 20 -27 พฤษภาคม นี้ นอกจากนี้ ทางบริษัทเตรียมออกกองทุนระยะสั้นอายุ 3 เดือน ซึ่งลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้เช่นกัน
สำหรับผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ระยะสั้น อายุ 6 เดือน ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 3.50-3.90% ต่อปี ซึ่งคาดว่าผลตอบแทนจากตราสารที่คาดว่าจะลงทุนในพอร์ต เช่น Korea Treasury Bond, Korea Stabilization Bond, Korean Development Bank และ Export-Import Bank of Korea ในสัดส่วน 100% หลังจากทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนและค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 0.40% จะสามารถให้ผลตอบแทนสำหรับการลงทุน 6 เดือน 3.10-3.50% ต่อปี
ก่อนหน้านี้ กองทุนเปิดเอฟไอเอฟตราสารหนี้ 6M ที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้อายุประมาณ 6 เดือนซึ่งปิดการเสนอขายครั้งแรก เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทาง บลจ. สามารถระดมทุนได้ 1,054 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุนอยู่ที่ 3.50% ต่อปี
นางลดาวรรณ กล่าวต่อว่า แนวโน้มการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ คาดว่าจะยังสามารถให้ผลตอบแทนจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยนในระดับที่จูงใจ ซึ่งบริษัทฯ ได้ติดตามแนวโน้มการลงทุนเพื่อหาจังหวะการลงทุนอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้หากพบจังหวะการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ ทาง บลจ.จะออกกองทุนเพื่อลงทุนในตราสารดังกล่าวต่อ เช่น กองทุนที่มีอายุสั้น ๆ ประมาณ 3 เดือน เป็นต้น
ด้านนายเจิดพันธุ์ นิธยายน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการด้านจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อวันที่ 29 เมษายน – 7 พฤษภาคม 2551 บริษัทได้ทำการเปิดขายกองทุนบีที FIF ตราสารหนี้ 6/2 (BT-FIF-FIX 6/2) ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากสามารถทำการปิดยอดขายไปได้กว่า 646 ล้านบาท ซึ่งถือว่ายอดดังกล่าวเกินคาดจากที่ได้ตั้งเป้าไว้เพียง 500 – 600 ล้านบาทเท่านั้น
ทั้งนี้ สาเหตุที่กองทุนเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ของสถาบันการเงิน ณ ประเทศนิวซีแลนด์นั้นเนื่องจากสกุลเงินดังกล่าวมีอัตราการอิงกับเงินบาทที่ไปในทิศทางเดียวกันประมาณ 85% โดยไม่ปิดความเสี่ยง เนื่องจากมองว่าช่วงระยะเวลาของโครงการ 6 เดือนนั้น อัตราดอกเบี้ยและเงินต้นยังคงมีความผันผวนไม่มากนัก โดยกองทุนคาดว่าจะให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วประมาณ 6.5 – 7.00%
“สำหรับกองทุน BT-FIF-FIX 6/2 ที่เข้าไปลงทุนในสกุลเงินนิวซีแลนด์ ถือว่ายังสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีอยู่ในขณะนี้ ซึ่งคาดว่าบริษัทจะทำการเปิดกองทุนได้อีก แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องรดดูจังหวะหรือสถานการณ์ที่เหมาะสมในการเปิดขายด้วย เพราะกองทุนประเภทดังกล่าวยังคงมีความเสี่ยงอยู่บ้าง” นายเจิดพันธุ์กล่าว
สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุน จะเข้าไปลงทุนในต่างประเทศ และต้องการสร้างโอกาสในการรับผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นที่บริษัทจัดการพิจารณาแล้วว่าเป็นตราสารที่มีคุณภาพ ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ โดยสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงาน และกองทุนจะทำการถือครองตราสารหนี้ดังกล่าวจนครบกำหนดอายุโครงการด้วย
นอกจากนี้ กองทุนมีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ โดยสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงาน เพื่อเป็นทรัพย์สินของกองทุนรวมมีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวม ส่วนที่เหลือกองทุนอาจจะพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ที่มีลักษณะคล้ายเงินฝาก , เงินฝาก , ตราสารหนี้ในประเทศที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรองเงินไว้สำหรับการดำเนินงาน ,รอการลงทุนหรือรักษาสภาพคล่องของกองทุน