xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหุ้นเมืองลุงแซม กำไรหรือเจ๊ง..อยู่ที่ฝีมือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ถ้าคุณเป็นนักลงทุนตัวจริง แน่นอนว่าหนึ่งในสัดส่วนการลงทุนของคุณต้องมีการลงทุนในตลาดหุ้นอยู่ด้วย แต่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของคำถามที่อาจจะเป็นคำถามที่ตอบยากที่สุดของทุกคนก็ว่าได้....นั่นตือ "ลงทุนตลาดหุ้นของประเทศใดจึงจะดีที่สุด?"
 
ถ้าเป็นช่วงปีที่ผ่านมาหรือในช่วงต้นปี2551 คงจะไม่มีใครปฏิเสธว่า ตลาดหุ้นที่ทุกคนขยาดมากที่สุด คือ ตลาดหุ้นของประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้เป็นเพราะปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ที่ลุกลามมาจากปัญหาในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ ที่ขยายวงกว้างมายังสถาบันการเงิน จนกลายเป็นปัญหาหลักที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจนี้ต้องประสบปัญหาถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี

ดังนั้นจากสถานการณ์ดังกล่าว จึงไม่น่าแปลกใจที่ปี 2550 จะเห็นปรากฎการณ์ครั้งสำคัญที่เกิดขึ้น นั้นคือ เม็ดเงินลงทุนจำนวนมหาศาลที่เคยเข้าไปลงทุนในตลาดดาวน์โจนส์ไหลออกมาเข้าตลาดหุ้นอื่นแทน โดยเฉพาะตลาดหุ้นของภูมิภาคเอเชีย ซึ่งได้รับอานิสงส์จากเรื่องดังวกล่าวไปเต็มๆ เห็นได้จากดัชนีในหลายประเทศพุ่งพรวดชนิดช้างมาฉุดก็หยุดไม่อยู่

แต่ ...เป็นจริงอย่างคำโบราณที่ว่าไว้ .. "ไม่มีสิ่งใดที่จีรัง ยั่งยืน" ... เพราะขณะนี้ตลาดหุ้นของภูมิภาคเอเชียเริ่มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องมาจากความวิตกกังวลของนักลงทุนในเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มว่าจะชะลอตัวจากปัญหาเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นตามราคาน้ำมันที่ถีบตัวทำลายสถิติชนิดวันต่อวันและราคาสินค้าเกษตรโดยเฉพาะราคาข้าวที่สูงขึ้นอย่างไม่ยอมน้อยหน้า ประกอบกับความสนใจด้านการลงทุนที่ลดลงหลังดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว

เมื่อความหวังใหม่เริ่มลดความน่าสนใจลง ทำให้หลายคนเริ่มย้อนกลับไปมองยังตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง โดย นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ยังเป็นที่น่าสนใจเข้าไปลงทุนอยู่ ขณะที่วิกฤตซับไพร์มที่เกิดขึ้นนั้น เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวถึงจุดตํ่าสุดแล้ว และเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาจะกลับมาฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2551 ได้ เพราะจากมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและผลจากการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางของสหรัฐ (เฟด) ทำให้แนวโน้มที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาจะกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง หลังจากในช่วงครึ่งปีแรกที่อ่อนตัวลงไปมากพร้อมๆกับเศรษฐกิจของประเทศ

ดังนั้น"ภาพของเม็ดเงินที่ไหลออกเริ่มในช่วงที่ผ่านมา เริ่มย้อนกลับไปสู่ที่เดิมแล้ว" โดยนักลงทุนรวมสถาบันการเงินต่างๆ เริ่มทยอยนำเงินกลับไปลงทุนในตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกาบ้างแล้ว เพราะมองว่าเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวซึ่งจะส่งผลให้ตลาดหุ้นจะกลับมาเติบโตเช่นกัน แต่แนวโน้มดังกล่าวนั้นยังมีปัจจัยเสี่ยงอยู่บ้าง จึงทำให้มีบางรายออกอาการสองจิตสองใจอยู่

"ช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นของสหรัฐได้รับผลกระทบจากปัญหาซับไพรม์ค่อนข้างมาก ทำให้ดัชนีหุ้นตกลงเยอะ ดังนั้นเมื่อหุ้นตกลงมามากและอัตราแลกเปลี่ยนได้ปรับตัวลงมา ทำให้หุ้นหลายตัวกลับมาเป็นที่น่าสนใจอีกครั้ง โดยมองว่าบริษัทของสหรัฐฯจำนวนมากไม่ได้ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจของทั้งโลก และเศรษฐกิจทั้งโลกยังมีการเจริญเติบโตที่ยังพอไปได้ ทำให้ความสามารถในการทำกำไรกลับมาได้เช่นเดิม ซึ่งบริษัทที่ดีที่อยู่กับโลกมานานนับ 100 ปี อาทิ เช่น ธนาคารซิตี้แบงก์ โกลด์แมน แซกส์ และบริษัท แอปเปิล มีระดับราคาหุ้นที่ต่ำ และเป็นที่น่าสนใจ"นี่คือความคิดเห็นของ สมจินต์ ศรไพศาล ผู้จัดการกองทุนผู้มากประสบการณ์ และผู้บริหารของบลจ.วรรณ ซึ่งผู้จัดการกองทุนของไทยคนแรกๆ ที่หาญกล้าจัดตั้งกองทุนเพื่อนำเงินเงินไปลงทุนในหุ้นสหรัฐ ท่ามกลางความกังวลเรื่องความเสี่ยงที่ยังน่าวิตกอยู่

นอกจากนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังมีประสิทธิภาพพอสมควร หรือก็คือยังมี บริษัทที่ดีแต่มีราคาหุ้นอยู่ในระดับที่ต่ำ อย่างไรก็ตามแต่ราคานี้มักจะไม่ได้มีอยู่นานจนเกินไป ดังนั้นการที่ราคาหุ้นจะกลับมาสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของตัวเองในอนาคตอันใกล้จึงไม่ใช่เร่องแปลก โดยตลาดสหรัฐฯเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดประเทศเกิดใหม่ (Emerging Markets) แล้วยังมีราคาพื้นฐานที่ต่ำกว่ามูลค่าความเป็นจริงประมาณ 27%

"ในวิกฤติการณ์ย่อมมีโอกาส และนักลงทุนส่วนใหญ่ เวลาที่จะลงทุนให้ได้ราคาที่ดี ก็จะต้องลงทุนในช่วงที่มีวิกฤติการณ์เกิดขึ้น และตอนนี้ราคาหุ้นได้ปรับตัวลงมาอยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อการลงทุนแล้ว"

ทีนี้ ลองมาฟังความคิดเห็นตรงกันข้ามกับแง่บวก อย่าง กูรูทางเศรษฐกิจชื่อดังของประเทศไทย อย่าง ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ก็ยังไม่อยากฟันธงว่าตอนนี้วิกฤตซับไพร์มในประเทศสหรัฐจะซาลงไป เพราะผลกระทบจากวิกฤตดังกล่าวยังคงมีอยู่ รวมถึงเรื่องของราคานํ้ามันที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกายังคงส่งสัญญาณถึงการชะลอตัวเช่นเดิม

ส่วนปัญหาในวงการอสังหาฯนั้น ตอนนี้บ้านที่สร้างเสร็จแต่ยังไม่ได้ขายยังคงมีอยู่จำนวนมาก และปัญหาการว่างงานก็ไม่ได้ลดลงไปทำให้ประชาชนมีรายได้ไม่มากพอที่จะผ่อนส่งบ้าน จึงส่งผลให้ตัวเลขการคืนบ้านยังมีอยู่ ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นยังคงมีความผันผวนอยู่ในระดับสูง แม้ว่าตลาดหุ้นจะไม่ทรุดตัวลงไปมากแต่ก็ไม่สามารถที่จะปรับตัวสูงขึ้นมามากเช่นกัน

"ผู้ลงทุนที่สนใจจะลงทุนในตลาดหุ้นของประเทศสหรัฐอเมริกาขณะนี้ว่า ควรลงทุนเพื่อหวังผลในระยะยาว และไม่ควรที่จะลงทุนเพื่อเก็งกำไรในระยะสั้นเพราะยังมีความผันผวนอยู่มาก โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทยอยการลงทุนคือช่วงปลายปีนี้จนถึงช่วงปีหน้า"ธนวรรธน์ ให้คำแนะนำทิ้งท้าย

ปิดท้ายฉบับนี้ ขอหยิบยกคำเตือนเดิมๆมานำเสนอ นั่นคือ การลงทุนทุกประเภทนั้น "ความเสี่ยงย่อมมาพร้อมผลตอบแทนที่สูงขึ้น" ดังนั้นก่อนที่คุณจะเข้าลงทุน ควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ ซึ่งจะเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะช่วยหลุดพ้นจากความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้นก่อนตัดสินใจใด อย่างลืมว่าศึกษาข้อมูลก่อนทุกครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น