คณะกรรมการสมาคมบริษัทจัดการลงทุน อนุมัติแนวการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น สนับสนุนบรรษัทภิบาลบริษัทจดทะเบียน และตั้งคณะทำงานศึกษาแนวทางการพัฒนาสมาคมไปสู่การเป็นองค์กรกำกับดูแลสมาชิกตนเอง
นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคมบลจ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสมาคมได้พิจารณาเห็นชอบร่างแนวทางการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น (Voting Guideline) ซึ่งจะใช้เป็นแนวทางสำหรับผู้จัดการกองทุนทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ อันประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ในการออกใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่กองทุนนั้นๆ ถือหุ้นอยู่
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียน ครอบคลุมวาระสำคัญๆ ที่นำเสนอในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีและการประชุมวิสามัญ อาทิ การรับรองงบการเงิน การแต่งตั้งกรรมการบริษัท การจ่ายค่าตอบแทนพิเศษให้แก่กรรมการบริษัท การออกหลักทรัพย์ให้แก่กรรมการหรือพนักงาน การแต่งตั้งและถอดถอนผู้สอบบัญชีของบริษัท การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเงินทุนของบริษัท การได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ที่สำคัญของบริษัท การทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน เป็นต้น
โดยแนวทางการใช้สิทธิออกเสียงนี้จัดว่าเป็นกลไกในการรักษาสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้นรายย่อยที่นำเงินมาลงทุนผ่านกองทุนรวมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สำหรับกองทุนส่วนบุคคลจะใช้ในกรณีที่ลูกค้ามอบหมายให้บริษัทจัดการเป็นผู้ออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมผู้ถือหุ้นแทนตนแต่ไม่ได้กำหนดแนวทางในการใช้สิทธิออกเสียงมาให้ ซึ่งสมาคมจะนำเสนอแนวทางการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น (Voting Guideline)นี้ไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และเปิดเผยไว้ในเว็บไซต์ของสมาคม www.aimc.or.th ต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีมติแต่งตั้งคณะทำงาน ศึกษาแนวทางการพัฒนาสมาคมไปสู่การเป็นองค์กรกำกับดูแลสมาชิกตนเอง (Self-Regulatory Organization หรือ SRO) โดยแต่งตั้งนายจักรกฤษณ์ เหมบัณดิษฐ์ กรรมการด้านการกำกับดูแลการปฏิบัติงานและจรรยาบรรณเป็นประธาน ทั้งนี้ คณะทำงานมีหน้าที่ศึกษาความเป็นไปได้ของการยกระดับการทำงานของสมาคมบริษัทจัดการลงทุนไปสู่การเป็นองค์กรกำกับดูแลสมาชิกของตนเอง ซึ่งมีหน้าที่ในการกำกับดูแลสมาชิกที่เป็นบริษัทจัดการให้มีมาตรฐานการปฏิบัติงานที่ดี มีการประกอบธุรกิจที่โปร่งใสและเป็นธรรม ภายใต้กฎเกณฑ์ต่าง ๆ โดยจะมีการศึกษาถึงความเหมาะสม ตลอดจนข้อดี ข้อเสีย ความพร้อม ทรัพยากรที่มีความจำเป็น แนวทางและระยะเวลาในการพัฒนาไปสู่การเป็น SRO ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาความเข้มแข็งและบทบาทของสมาคมไปสู่ความเป็นสากลต่อไปในอนาคต
นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคมบลจ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสมาคมได้พิจารณาเห็นชอบร่างแนวทางการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น (Voting Guideline) ซึ่งจะใช้เป็นแนวทางสำหรับผู้จัดการกองทุนทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ อันประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ในการออกใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่กองทุนนั้นๆ ถือหุ้นอยู่
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียน ครอบคลุมวาระสำคัญๆ ที่นำเสนอในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีและการประชุมวิสามัญ อาทิ การรับรองงบการเงิน การแต่งตั้งกรรมการบริษัท การจ่ายค่าตอบแทนพิเศษให้แก่กรรมการบริษัท การออกหลักทรัพย์ให้แก่กรรมการหรือพนักงาน การแต่งตั้งและถอดถอนผู้สอบบัญชีของบริษัท การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเงินทุนของบริษัท การได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ที่สำคัญของบริษัท การทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน เป็นต้น
โดยแนวทางการใช้สิทธิออกเสียงนี้จัดว่าเป็นกลไกในการรักษาสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้นรายย่อยที่นำเงินมาลงทุนผ่านกองทุนรวมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สำหรับกองทุนส่วนบุคคลจะใช้ในกรณีที่ลูกค้ามอบหมายให้บริษัทจัดการเป็นผู้ออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมผู้ถือหุ้นแทนตนแต่ไม่ได้กำหนดแนวทางในการใช้สิทธิออกเสียงมาให้ ซึ่งสมาคมจะนำเสนอแนวทางการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น (Voting Guideline)นี้ไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และเปิดเผยไว้ในเว็บไซต์ของสมาคม www.aimc.or.th ต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีมติแต่งตั้งคณะทำงาน ศึกษาแนวทางการพัฒนาสมาคมไปสู่การเป็นองค์กรกำกับดูแลสมาชิกตนเอง (Self-Regulatory Organization หรือ SRO) โดยแต่งตั้งนายจักรกฤษณ์ เหมบัณดิษฐ์ กรรมการด้านการกำกับดูแลการปฏิบัติงานและจรรยาบรรณเป็นประธาน ทั้งนี้ คณะทำงานมีหน้าที่ศึกษาความเป็นไปได้ของการยกระดับการทำงานของสมาคมบริษัทจัดการลงทุนไปสู่การเป็นองค์กรกำกับดูแลสมาชิกของตนเอง ซึ่งมีหน้าที่ในการกำกับดูแลสมาชิกที่เป็นบริษัทจัดการให้มีมาตรฐานการปฏิบัติงานที่ดี มีการประกอบธุรกิจที่โปร่งใสและเป็นธรรม ภายใต้กฎเกณฑ์ต่าง ๆ โดยจะมีการศึกษาถึงความเหมาะสม ตลอดจนข้อดี ข้อเสีย ความพร้อม ทรัพยากรที่มีความจำเป็น แนวทางและระยะเวลาในการพัฒนาไปสู่การเป็น SRO ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาความเข้มแข็งและบทบาทของสมาคมไปสู่ความเป็นสากลต่อไปในอนาคต
