“บลจ. บัวหลวง” เตรียมออกอาร์เอ็มเอฟ กองใหม่ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมเร่งขยายเม็ดเงินลงทุนแอลทีเอฟ และอาร์เอ็มเอฟกองเดิมให้เพิ่มขึ้น ล่าสุดส่งทีมการตลาดเข้าหารือสาขาแบงก์ช่วยกระตุ้น “บัวหลวงธนทวี” พร้อมเร่งขอไลเซนส์ กองสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนส่วนบุคคล ด้าน“วรวรรณ”ปลื้มไตรมาส 1 เอยูเอ็มโตเพิ่ม 8.8พันล้านบาท เป็น 1.54 แสนล้านบาท สวนทางภาพรวมอุตสาหกรรมที่ลดลง
นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2551 นี้ บริษัทเตรียมออกกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) อีก 1 กองทุน โดยกองทุนดังกล่าวบริษัทเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงพร้อมที่จะขยายเม็ดเงินลงทุนผ่านกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพเดิมอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมขยายขนาดของกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวีเพิ่มขึ้น เพื่อให้ผู้ลงทุนมีทางเลือกในการบริหารเงินสดแทนการฝากเงินเพียงอย่างเดียว โดยบริษัทจะนำทีมการตลาดให้การอบรมและเยี่ยมเยียนสาขาต่างๆของธนาคารกรุงเทพฯ และจัดกิจกรรมทางการตลาดออกมาช่วยส่งเสริม เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ และสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาว ผ่านคำแนะนำในการจัด Asset Allocation
นางวรวรรณ กล่าวต่อว่า สำหรับไตรมาส 2 ถึงไตรมาส 4 ขณะนี้บริษัทกำลังเตรียมขอใบอนุญาตจัดการกองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ รวมถึงจัดโครงสร้างองค์กรใหม่เพื่อรองรับธุรกิจกองทุนรวม ไม่ว่าจะเป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือกองทุนส่วนบุคคล หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพด้วย ทั้งนี้บริษัทยังได้เตรียมการออกผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อรองรับกับความต้องการของนักลงทุนในกองทุนแต่ละประเภทให้ตรงใจนักลงทุนมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
“บริษัทมีแผนที่จะออกกองทุนใหม่เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุน แต่จะนำเสนอตามช่วงโอกาสหรือตามจังหวะที่เหมาะสม อาทิ กองทุนตราสารหนี้ประเภทต่างๆ ที่มีกำหนดระยะเวลาคืนเงินที่แน่นอน เช่น ธนรัฐ ธนสาร ธนสารพลัส ” นางวรวรรณ กล่าว
สำหรับไตรมาส 1 ที่ผ่านมาสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (เอยูเอ็ม) ของบริษัทสามารถขยายตัวได้ในอัตรา 6.1% หรือเพิ่มขึ้น 8,899 ล้านบาทจากปีก่อน ทำให้ ณ ขณะนี้บริษัทมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารทั้งสิ้น 154,601 ล้านบาท ในขณะที่ทั้งอุตสาหกรรมมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารลดไป - 2.15% เหลือ 1.576 ล้านล้านบาท จากเดิม 1.611 ล้านล้านบาท โดยการเติบโตของ บลจ. บัวหลวง นั้นมาจากการเติบโตในส่วนของกองทุนตราสารหนี้ โดยเฉพาะกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีอัตราเพิ่มขึ้นถึง 25.38% จากปี 2550
กรรมการผู้จัดการ บลจ.บัวหลวง กล่าวว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนในขณะนี้ มองว่าผู้ลงทุนยังมีจังหวะหรือโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีได้อยู่เสมอ อาทิ หากช่วงนี้ผลตอบแทนจากกองทุนตราสารทุนในระยะสั้นไม่ดีเท่าที่ควร และเงินที่ลงทุนในกองทุนหุ้นนี้ ไม่สามารถรับความผันผวนในระยะสั้นได้ บริษัทยังมีกองทุนตราสารหนี้อย่าง บัวหลวงธนทวี ไว้เป็นที่พักเงินลงทุนให้แก่ลูกค้าในช่วงนี้
ขณะเดียวกัน หากเป็นเงินลงทุนในส่วนนี้ไม่สามารถรับความผันผวนของหุ้นได้เลย แต่ต้องการผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงิน บริษัทก็มีกองทุนตราสารหนี้ที่มีกำหนดระยะเวลาอย่าง บัวหลวงธนรัฐ บัวหลวงธนสาร และ บัวหลวงธนสารพลัส ที่มีกำหนดเวลาคืนเงินที่นอนและมีอายุตั้งแต่ 6 เดือน 1ปี 1.5 ปี และ 2 ปี ให้เลือกลงทุนได้ แต่สำหรับเงินส่วนที่ต้องการผลตอบแทนสูงๆ ในระยะยาวหลายๆ ปี ไม่หวั่นไหวกับความผันผวนระยะสั้น การลงทุนในกองทุนหุ้นก็เป็นคำตอบที่ดี และมีโอกาสสูงที่จะชนะเงินเฟ้อ
ส่วนนักลงทุนที่ต้องการจัดสรรพอร์ตลงทุนทั้งหุ้น และตราสารหนี้ นั้น บลจ.บัวหลวง มีกองทุนรวมผสมที่เข้าลงทุนทั้งหุ้นและตราสารหนี้ในกองเดียวกัน ไว้ให้เป็นทางเลือก อย่างไรก็ตาม บริษัทอยากแนะนำผู้ลงทุนว่า ควรลงทุนเป็นประจำทุกเดือน เพื่อที่จะได้ราคาเฉลี่ยที่ดีกว่าเข้าไปลงทุนทีเดียวใน 1 ปี กล่าวคือเมื่อตลาดหุ้นลง ก็ซื้อสามารถเข้าซื้อกองทุนได้ในราคาที่ถูกลง ซึ่งถือว่าเป็นการถัวเฉลี่ยต้นทุนที่ดีที่สุด